Photo : pasin-lathouras.com
พศิน ลาทูรัส นักขับดาวรุ่งชาวไทยวัย 21 ปี ประเดิมคว้าชัยชนะในศึกรถยนต์มาราธอนสุดยิ่งใหญ่ของโลก รายการ สปา 24 ชั่วโมง ครั้งที่ 67 ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังร่วมงานกับทีมเมทจากสังกัด เอเอฟ คอร์เซ ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม ภายใต้เรซสุดดราม่า จากสภาพอากาศแปรปรวนตลอดเวลา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สนามสปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ประเทศเบลเยี่ยม
การแข่งขัน เอ็นดูรานซ์สุดโหดอย่าง สปา 24 ชั่วโมง นับเป็นหนึ่งในเรซที่ยิ่งใหญ่ระดับตำนานของโลก ซึ่ง พศิน และทีมเมททั้ง 3 คนอย่าง จิอันมาเรีย บรูนี, อเลสซานโดร ปิแอร์ กูดี และ สเตฟาเน เลเมอเรต์ สามารถกอบกู้สถานการณ์ที่ยากลำบาก หลังได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 22 โดยพวกเขาทำงานกันอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการวางกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมของทีม เอเอฟ คอร์เซ บวกกับรถแข่งเฟอร์รารี่ ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้คว้าแชมป์ในรุ่น โปร-แอม มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ทันทีที่ พศิน นำรถแข่งเฟอร์รารี่หมายเลข 47 ผ่านธงหมากรุกในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เบลเยี่ยม มันเป็นมากการคว้าชัยชนะในรุ่น โปร-แอม เมื่อพวกเขาทำระยะทางทิ้งห่างอันดับ 2 ในคลาสเดียวกันถึง 2 รอบสนาม ขณะที่ พศิน และเพื่อนร่วมทีมจากเอเอฟ คอร์เซ สามารถคว้าอันดับ 4 ในกลุ่ม โอเวอร์ออลมาครอง ภายใต้การสนับสนุนของ นารายา และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงทีมแข่งและนักขับมืออาชีพ ซึ่งได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากทีมโรงงาน
สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ เป็นสนามที่ขึ้นชื่อด้านสภาพอากาศที่แปรปรวนตลอดการแข่งขัน 24 ชั่วโมง และ ในปีนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยมีฝนตกลงมาตั้งแต่ช่วงแรกของการแข่งขัน ซึ่งมีรถแข่ง จีที 3 กว่า 57 คัน จอดเรียงรายบนกริดสตาร์ท เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา และรถทุกคันต้องออกสตาร์ทภายใต้ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยการโรลลิ่งสตาร์ท
สนามแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแทร็กที่มีความเร็วสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และภายใต้สภาพแทร็กที่เปียกชื้น ส่งผลให้ในช่วงเวลาต่อมา เซฟตี้คาร์ต้องออกมาวิ่งนำรถแข่งทุกคันเพื่อความปลอดภัยของการแข่งขัน และยังถูกใช้ออกมาวิ่งในแทร็กอยู่หลายครั้ง
และด้วยระยะทางต่อรอบของ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ที่ยาวถึง 7.004 กิโลเมตร ส่งผลให้การแข่งขันรายการนี้ต้องมีใช้เซฟตี้คาร์ถึง 2 คัน เพื่อให้เพียงพอต่อความปลอดภัยในทุกๆ ระยะของสนาม โดยเซฟตี้คาร์จะถูกส่งลงมาสู่แทร็กเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศย่ำแย่ซึ่งส่งผลต่อทัศนวิสัยของนักขับ ทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วปกติสำหรับการแข่งขันเต็มรูปแบบได้นั่นเอง
ในชั่วโมงแรกของการแข่งขัน รถแข่งเฟอร์รารี่หมายเลข 47 สามารถทะยานขึ้นมาสูงสุดถึงอันดับ 2 ในรุ่น โปร-แอม ทว่าภายหลังเซฟตี้คาร์ออกมาวิ่งนำและออกจากแทร็ก พวกเขากลับหล่นลงไปถึงอันดับ 30 หลังจากนั้นก็มี เวอร์ชวล เซฟตี้ คาร์ บังคับใช้เป็นระยะๆ ทว่า พศิน และ ทีมเมท ไม่ได้หยุดรถแข่งแม้แต่รอบเดียว ทำให้พวกเขาสามารถไต่ขึ่นมาอยู่ในกลุ่มท็อป 10 จากรถแข่งทั้งหมดได้ เมื่อผ่านการแข่งขัน ไปทั้งสิ้น 6 ชั่วโมงแรก
ขยับเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนของการแข่งขัน นับเป็นความท้าทายของนักขับทั้ง 4 คน ในทีมเอเอฟ คอร์เซ ภายใต้รถแข่งเฟอร์รารี่ หมายเลข 47 ขณะที่ผิวแทร็กทั่วสนามมีหมอกลอยคลุ้งอย่างหนาแน่น สร้างความลำบากในการมองเห็นอย่างมาก
สำหรับ พศิน นี่คือความท้าทายอย่างมาก ไม่เพียงแค่เป็นการแข่งขันที่ยาวนาน 24 ชั่วโมง เท่านั้น แต่ใน เรซสุดโหดของ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ นักขับวัย 21 ปี ยังต้องรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนตลอดเวลา นับตั้งแต่ได้สัญญาณไฟเขียวเพื่อออกสตาร์ท และเมื่อเข้าสู่ไนท์เรซ นักขับไทยก็แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการขับ
ภายใต้ความมืดมิดของ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ รถแข่งหมายเลข 47 ยังคงเดินหน้าไล่ล่าตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งจบชั่วโมงที่ 7 ในเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น พศิน และ ทีมเมท สามารถขยับขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่ม โปร-แอม ได้สำเร็จ ซึ่งพวกเขาจะไม่ยอมเสียตำแหน่งผู้นำอีกครั้ง นอกเสียจากการต้องเข้าพิตตามกลยุทธิ์ที่กำหนดไว้
ผ่านเวลาอันยากลำบากสำหรับการแข่งขันช่วงกลางคืน แสงแดดเริ่มสะท้อนลงสู่แทร็ก พร้อมๆ กับน้ำที่เจิ่งนองบนแทร็กในบริเวณ อาร์เดนเนส ฟอร์เฟรสต์ ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ขณะเดียวกันหมอกยังคงลอยตัวหนาอยู่เหนือแทร็ก ยังคงเป็นสภาพอากาศที่ย่ำแย่ ทว่าในวันอาทิตย์ที่ สปา-ฟรังวก์คอร์ฌองส์ ก็เริ่มมีอากาศที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางวัน ซึ่งผิดไปจากการพยากรณ์อากาศ ว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องไปจนจบการแข่งขัน
ตลอดช่วงเช้าไปจนถึงบ่ายของวันอาทิตย์ ถือเป็นสถานการณ์ที่ดีของ พศิน และ ทีมเมท ที่รักษาอันดับได้อย่างต่อเนื่องในตำแหน่งที่ 4 โอเวอร์ออล โดยทีมอนุมัติให้นักขับทุกคนสามารถใช้ความเร็วเพื่อล่าอันดับได้อย่างเต็ม ที่ ขณะเดียวกันรถแข่งคันอื่นๆ ก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ จนต้องแผ่วลงไปทีละคัน
ในที่สุดการแข่งขันอันหฤโหดตลอด 24 ชั่วโมง ก็จบลง ด้วยการที่ พศิน ควบรถแข่งเฟอร์รารี่ หมายเลข 47 ผ่านเส้นชัย ด้วยชัยชนะในรุ่น โปร-แอม ภายใต้สถานการณ์ที่พลิกผันตลอดเวลา นับเป็นผลงานอันน่าทึ่งของนักขับไทยที่เพิ่งเคยลงแข่งขันที่นี่เป็นปีที่ 2 เท่านั้น และถือเป็นผลการแข่งขันที่สำคัญมากสำหรับนักขับดาวรุ่งชาวไทย ซึ่งจากเวลาต่อรอบ และการไล่บี้กับคู่แข่งในเรซนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พศิน คือนักขับที่ดีที่สุดคนหนึ่งในรายการนี้
พศิน กล่าวภายหลังจบเรซสุดโหดของ สปา 24 ชั่วโมง ว่า “ผมแทบพูดไม่ออก และถามตัวเองว่า มันไม่จริงใช่ไหม แต่เมื่อก้าวไปยืนบนโพเดียมของ สปา 24 ชั่วโมง มันคือเรื่องจริงครับ เราชนะที่นี่ มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เราชนะในการแข่งขันซึ่งถือเป็นความฝันของนักขับทุกคน ผมมีความสุขมากกับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทำได้ใน อินเตอร์เนชั่นแนล จีที โอเพ่น ที่ เรดบูลล์ ริงก์ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา”
“การแข่งขันเรซนี้มันวุ่นวายมาก เซฟตี้คาร์ต้องออกมาวิ่งบ่อยครั้งและที่สำคัญ เซฟตี้คาร์ถูกนำมาใช้ถึง 2 คัน ทำให้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ฝน และ หมอก สร้างความลำบากให้เรามาก แต่เราก็ต่อสู้ได้ดี โดยปราศจากความผิดพลาด และรักษาความได้เปรียบไว้ จนจบการแข่งขัน สุดสัปดาห์นี้ ทีมของเราสุดยอดมากๆ พวกเขาทำงานได้อย่างเหมาะสม และ มีกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ทีมเมทของผมทั้ง 3 คน ขับได้อย่างไร้ที่ติ ท้ายที่สุดเราก็คว้าแชมป์ สปา 24 ชั่วโมง มาครองได้สำเร็จ มันเป็นผลงานที่มหัศจรรย์จริงๆ” พศิน กล่าว