2024 TOYOTA PRIUS อวดโฉมที่สนามบุรีรัมย์ ก่อนเข้าจำหน่ายในไทยปีหน้า

All NEW TOYOTA PRIUS 2024 โชว์ตัวสนามบุรีรัมย์ เตรียมขายไทยปีหน้า เมื่อวันที่ 22-23 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้นำสื่อมวลชนเข้าร่วมชมการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing Motorsport 2023 สนามสุดท้าย พร้อมร่วมเชียร์ทีม Rookie Racing ที่นำทีมโดย Mr. Morizo หรือ มร.อากิโอะ โตโยดะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดทัพรถแข่งหลากรุ่น และรถแข่งที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ร่วมลงสนามลุยมาราธอนทางเรียบ 10 ชม. ในสนามส่งท้ายตัดสินแชมป์ประจำปี รายการ “IDEMITSU SUPER ENDURANCE SOUTHEAST ASIA TROPHY 2023”

นอกจากการแข่งขันที่สนุกและเร้าใจแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือเจ้า All NEW TOYOTA PRIUS 2024 ที่มาอวดโฉมอยู่ภายในบริเวณงาน แถมงานนี้เรายังมีโอกาศได้ลองสัมผัส และขับแบบสั้นๆ ก่อนที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในปี 2024 นี้ โดยคาดว่าล็อตแรกจะเป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่นก่อน ส่วนต่อมาอาจจะมีการเปิดไลน์ประกอบในประเทศไทยต่อไป

TOYOTA PRIUS 2024 เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางตัวถังแบบ Fastback เจนฯ ที่ 5 ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-C) เจนเนอเรชั่นที่ 2 ด้านการดีไซน์จะมาในรูปลักษณ์ที่ใหม่หมดทั้งด้านหน้า และด้านท้าย มาพร้อมเส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยว ชุดไฟหน้า LED แบบ C-shaped

ในส่วนกันชนหน้าติดตั้งช่องรับลมขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม เส้นสายด้าานข้างตัวรถถูกออกแบบเน้นความเรียบง่าย ซุ้มล้อตกแต่งด้วยชิ้นงานสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยทูโทนปัดเงาขนาด 19 นิ้ว นอกจากนั้นยังออกแบบมือเปิดประตูหลังให้ย้ายไปอยู่ที่เสา C ชุดไฟท้ายออกแบบให้พาดยาวเต็มพื้นที่ส่วนท้ายรถ

All New Toyota Prius 2024 มีขุมพลังให้เลือก 3 แบบ คือ

ส่วนภายในของ พรีอุส 2024 สำหรับห้องโดยสาร Toyota Prius 2024 ตกแต่งด้วยโทนสีดำ มาพร้อมหน้าจอมาตรวัดแบบดิจิตอล 7 นิ้ว และหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว

ด้านล่างเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศ พร้อมกับติดตั้งชุดไฟ Ambient light เพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น มาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย

ส่วนระบบขับเคลื่อนที่เราได้ทดลองขับครั้งนี้เป็น  2.0 Hybrid Dynamic Force เวอร์ชั่นญี่ปุ่น เครื่องยนต์เบนซิน M20A-FXS แบบ 4 สูบ Dynamic Force ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1VM เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังรวม 196 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 28.6 km/l

จากการได้ทดลองขับ และสัมผัสแบบสั้นๆ ต้องบอกว่าเป็นรถไฮบริดที่ขับสนุก ขับดีมาก อีกหนึ่งรุ่นเลยครับ เราได้ลองช่วงทางตรงอัตราเร่งช่วงออกตัวทำได้ดีทีเดียวครับ ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลื่นไหลดีมากครับ ชะลอความเร็วเข้าโค้งขวากว้างระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า และติดตั้งปีกนกคู่ที่ด้านหลัง ทำหน้าที่ได้ดีมากเช่นกัน

แน่น หนึบ ควบคุมง่าย ได้ฟิลลิ่งสปอร์ต แถมวิ่งผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบก็ยังสามารถดูดซับแรงได้ดี พวงมาลัยน้ำหนักดีควบคุมได้ง่าย โดยขับดีครับ แต่ยังไม่ได้ลองขับบนถนนจริงว่ามาเจอถนนบ้านเราจะเป็นอย่างไร วิ่งดีขนาดไหน คล่องตัวหรือเปล่า คงต้องรอ

คาดว่าในปีหน้าอาจจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยครับ เป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่นก่อน และคาดว่าจะเป็นเครื่อง 2.0 Dynamic Force Hybrid คันนี้ละครับ ส่วนจะเข้ามาประกอบในไทยหรือเปล่านั้นผมว่าต้องรออีกประมาณ 2 ปี นั้นละครับ

เรื่องราคาจำหน่ายด้วยความที่ขนาด และวัสดุ รูปทรงของรถ ที่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า คาดว่าถ้านำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยคงทะลุ 1.5 ล้านบาทเป็นแน่ ยังไงก็มารอลุ้นไปพร้อมๆกันนะครับ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมจะมีรีบอัพเดทกันอีกครั้งครับ

www.toyota.co.th

 

 

 

เรียบเรียงข้อมูลโดย XO Autosport

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th