My Name is… 275 SOCIETY

 

PHOTO : พิศวัส  พงศ์พุฒิโสภณ

My Name is… 275  SOCIETY

ในการแข่งขันควอเตอร์ไมล์บ้านเรา รุ่นยาง 275 เป็นรุ่นการแข่งขันที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะเครื่องแรงขนาดไหน ช่วงล่างเซตมาเทพเพียงใด ซึ่งพลังงานทั้งหมดจะถูกถ่ายไปสู่หน้ายาง 275 ลงสู่ผิวแทร็กทั้งหมด  ถ้านักแข่งไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ คุณก็ยังไม่สามารถได้เวลาที่ดีที่สุดไปครอง ในเล่มครบรอบของ XO autosport ฉบับที่ 275 ก็ถือโอกาสไปรู้จักเสน่ห์ของรุ่น 275” จากเหล่าผู้ที่คร่ำหวอดในวงการกันครับ

1000 SPEED

สุรสิงห์ สุขวัฒนากร

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของ 1000 SPEED

สำหรับผม  เสน่ห์ในการแข่งขันของรุ่น 275 ผมมองว่าการแข่งขันในรุ่นนี้  มันจะถูกจำกัดที่ขนาดของหน้ายาง  สิ่งที่มันสนุก คือ ไม่ว่าคุณจะทำเครื่องยนต์ให้มีแรงม้ามากมายขนาดไหน    พันแรงม้า สองพันแรงม้า ก็แล้วแต่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกบังคับให้อยู่บนหน้ายาง 275  ซึ่งถ้าแรงเกินลิมิตของหน้ายาง มันก็ฟรีทิ้งจนหมด  เพราะฉะนั้น ทุกอย่างก็จะกลับมาที่เรื่องของการเซตติ้งเป็นหัวใจหลัก 

ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ที่จะทำทุกอย่าง อาทิ ความแรงของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เซตติ้งทั้งรถและตัวคนขับให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จากประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ที่ผมได้เล่นอยู่ในรุ่นนี้  ซึ่งมันก็นานพอที่จะบอกได้ว่า  สิ่งที่จำเป็นสำหรับการแข่งขัน อย่างแรก คือ ไหวพริบของนักแข่ง มือ เท้า ต้องไว  และสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งการแข่งขันในรุ่นนี้ รถที่ใช้มาทำรถแข่ง ส่วนมากก็จะเห็นเป็น Nissan Cefiro A31 บอดี้ยอดนิยม  ซึ่งเครื่องยนต์สูตรสำเร็จก็คงจะจบที่ 6 สูบของ Toyota แต่สำหรับรถผมยังคงใช้เครื่อง Nissan ทำการแข่งขันอยู่ครับ เป็นบล็อก RB25 DET ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างจากคนอื่นๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ เครื่องบล็อกนี้สามารถทำผลงานได้ดีเกินคาดจากที่ตัวผมหวังไว้มาก ซึ่งในอนาคต ผมก็ยังคงร่วมสนุกอยู่กับเทรนด์ 275 ไปเรื่อยๆ  เพราะเป็นรุ่นที่สนุก และต้องใช้ไหวพริบและทักษะมาพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ทำอย่างไร ให้ความแรงบนหน้ายาง 275 เร็วขึ้นในทุกๆ ปีครับ

R&C อู่ช่างฤทธิ์

เฉลิมเกียรติ ทองสวัสดิ์

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของ R&C อู่ช่างฤทธิ์

ในความคิดของผม  คือมันเป็นรถตลาด แล้วทุกคนสามารถจับต้อง แล้วหามาเล่นได้ครับ   มันไม่จำเป็นต้องทำเยอะ ก็สามารถมาลงแข่งในรุ่นนี้ได้  หรือแม้กระทั่งมือใหม่ ถ้ามีใจก็ฝึกหัดขับได้ครับ  ซึ่งจุดประสงค์หลัก มันอยู่ที่เวลาว่าใครจะทำได้เร็วที่สุด  แต่ทั้งหลายทั้งปวง องค์ประกอบของมันก็จะสยบอยู่ที่หน้ายาง 275  เวลามันก็หนีกันไม่มาก  อยู่ที่ตัวเราว่าซ้อมจับอาการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถได้มากขนาดไหน  ซึ่งตัวผมเองได้เล่นอยู่ในรุ่นนี้มามากกว่า 3 ปี  ซึ่งก่อนหน้าจะมาเล่นรุ่นนี้ ผมลงแข่งในรุ่น Pro มาตลอด ซึ่งพอมาเป็นรถเวทใหญ่ขึ้น การแข่งขันต่อปีก็มีน้อยมาก  ปีหนึ่งจะวิ่งงานใหญ่ๆ สักครั้ง  แต่พอเริ่มมาทำรถรุ่น 275 อย่างที่ผมบอกว่าใครๆ ก็เล่นได้ แล้วการแข่งขันมันก็มีทุกเดือน มันเหมือนกับเราได้พัฒนา จับต้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นการต่อยอดทางความคิดในการทำรถแข่งครับ  คือ เราได้ลองแล้ว ก็เห็นผลเลย  ซึ่งถ้าดีก็พัฒนาต่อ ถ้าไม่เวิร์กก็กลับมาแก้ใหม่ แล้วเดือนหน้าไปแข่งใหม่   

สิ่งที่สำคัญสำหรับผม คือการฝึกซ้อมครับ  เพราะเราจะมีการบ้านจากการฝึกซ้อมให้กลับมาแก้ไข เพื่อพัฒนาการวิ่งครั้งใหม่ให้ดีกว่าเดิม ในเรื่องของอนาคตก็ยังคงทำรถลงแข่งขันในรุ่นนี้ต่อไปนะครับ ซึ่ง ปัจจุบัน ก็มีรถที่อู่ลงทำการแข่งขันในรุ่นนี้อยู่ 5 คัน  ก็มีน้องๆ ถามว่า ถ้าเราเอารุ่นอื่นที่ไม่ใช่ Cefiro มาทำแข่งได้มั้ย  ผมก็ตอบว่าได้  แต่!! ที่ยืนบนโพเดียมก็จะมีน้อยหน่อย จะเอากระบะ หรือ Benz  BMW มาทำมันได้หมด แต่ต้องมาเริ่มไล่รถกันใหม่  ซึ่งถ้าเป็น Cefiro ผมหาจุดลงตัวให้กับบอดี้นี้ได้แล้วครับ

WISE MR. GARAGE

กิตติ วิริยะวงศ์

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของ หมี Mr. Garage

มุมมองของผมสำหรับรถแข่งในรุ่นนี้นั่นเหรอ  อย่างแรกเลย คือมีเพื่อนเยอะครับ  เพราะเป็นรถที่ทุกคนหรือทุกอู่เข้าถึง ใช้งบไม่สูงมาก ใครๆ ก็สามารถมาร่วมสนุกกับการแข่งขันในรุ่นนี้ได้  ซึ่งตัวผมเอง ทำรถในรุ่นนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยทำรถอยู่กับพี่โอ Signal  สมัยยาง Hoosier ซึ่งพอมาเป็นยุคนี้ก็เล่นกันที่ยางหน้ากว้า 275 มันก็เป็นโจทย์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อให้เราหาทางแก้ว่าจะเซตช่วงล่าง เซตเครื่องยนต์ แบบไหนให้เข้ากับคนขับ และสามารถขับง่ายที่สุด ในเวลาที่ดีที่สุด เพราะผมคิดว่าความแรงของรถทุกๆ คันที่วิ่งในรุ่นนี้ มีความแรงของเครื่องยนต์ไม่หนีกัน เรียกว่าแรงพอๆ กันทุกสำนัก  แต่อยู่ที่ว่าใครจะจับทางได้ ในการนำความแรงลงพื้นได้ทั้งหมด ด้วยข้อจำกัดของหน้ายาง แล้วทำให้รถวิ่งเร็วที่สุดครับ ซึ่งตรงจุดนี้แหละ คือประสบการณ์ที่ต้องหมั่นฝึกฝน แล้วซ้อมให้พร้อมอยู่ตลอดเวลาครับ

ซึ่งรถที่ผมทำไว้วิ่งในรุ่นนี้เป็น Nissan 200SX ซึ่งจะแตกต่างจากเพื่อนๆ นักแข่งด้วยกัน ที่ส่วนใหญ่เป็น Cefiro  ซึ่งในเรื่องของอนาคต น่าจะมีรถแข่งในรุ่นนี้เพิ่มอีก 2-3 คัน สำหรับงาน Souped Up ปลายปีนี้ ส่วนบอดี้ที่วางแผนไว้น่าจะเป็น Skyline R32 กับ Silvia S14 ซึ่งมันก็เป็นโจทย์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งเป็นโจทย์ที่ช่วยพัฒนาความคิดในการทำรถแข่งของผมอีกด้วยครับ

MIKADO อู่ลุงหนวด  อ้วนรถซิ่ง

ชยันต์ พฤกษพงศ์

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของ เอก MIKADO

สำหรับผมเหรอ ผมโตมากับรถรุ่นนี้แหละ  นั่งรถพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ Bluebird เครื่อง RB20DET  คือตอนเด็กๆ ผมไม่มีรถ  แต่ผมชอบพยายามที่จะอยู่กับมัน ได้ลองนั่งไปกับพี่เขา  พยายามพาตัวเองไปอยู่ใกล้กับสิ่งที่ชอบให้มากที่สุด จนในวันหนึ่งผมก็มีโอกาสในจังหวะที่พอจะมีได้  ก็เลยทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง โดยอยู่กับรุ่น 275 ในแบบที่ผมเรียกว่าจริงจังเลย ก็เพิ่งจะ 2 ปีที่แล้วเองครับ ซึ่งจากผลงานที่ทุ่มเทอย่างจริงจัง ผมว่ามันเกินที่ฝันไว้มาก คือมันประสบความสำเร็จเร็วมากสำหรับตัวผมนะครับ  โดยความมุ่งมั่นที่อยากจะได้ถ้วยรางวัลจากงานแข่งใหญ่ประจำปีเป็นเป้าหมาย ซึ่งภายในปีเดียวที่ผมทำรถคันนี้ขึ้นมา มันก็สำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ โดยได้ถ้วยรางวัลจาก 3 งานใหญ่ภายในปีเดียวกันมาครอบครอง

ในความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับรถแข่งในรุ่นนี้  ผมเองนะ ชอบ Toyota Supra ผมว่ามันขับดี จากการได้ลองขับรถถนน ช่วงล่างมันดี มันเสถียร  แต่เนื่องด้วยงบประมาณที่ผมมีเท่านี้ ก็เลยต้องทำเท่าที่มี ในโปรเจกต์ที่วางไว้ข้างหน้า ก็จะขอรักษาแชมป์ไว้อีก 1 ปี  ซึ่งมันน่าจะยากขึ้น แต่ก็ต้องพยายาม  โดยเบื้องต้นผมอัปเกรดสเป็กรถขึ้นจากปีที่แล้วพอสมควร เพื่อการรักษาแชมป์ ซึ่งถ้ายังคงรักษาแชมป์ได้ แล้วตัวเลขได้ตามเป้าที่ต้องการ คือ 9.5 วินาที ในยาง เรเดียล R1R ในปีถัดไปผมจะขยับไปเล่นในรุ่น PRO 6 ครับ  ผมว่ารุ่น 275 มันคือศิลปะนะ มันไม่ใช่ว่าจะขับได้ง่ายๆ โดยใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว  มันต้องมีคันเร่งเริ่มต้นตั้งแต่ 60%  หรือ 80% บ้าง ซึ่งจะใช้คันเร่ง 100% ผมว่ายากมาก สำหรับสภาพแทร็กที่ไม่เท่ากันในแต่ละวัน แต่มีแค่งานเดียวที่ผมใช้คันเร่ง 100% คือ Souped Up ครับ   

อู่ลุงหนวด

นราวุธ เกษณา

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของ อ้วน อู่ลุงหนวด

รุ่น 275 ถ้าจะให้บอกเสน่ห์ของการแข่งขันรถในรุ่นนี้  ผมนึกถึงการเอาแรงม้าเยอะๆ จากเครื่องยนต์ลงพื้นให้หมด ด้วยยางเรเดียลหน้ากว้าง 275  ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถทั้งตัวนักแข่งเองก็ดี หรือแม้กระทั่งทีมเซอร์วิส ทีมช่างที่เซตอัพรถ  คือทุกอย่างต้องสอดคล้องกันหมด ตัวนักแข่งเองก็ต้องจับอาการรถได้ แล้วสามารถถ่ายทอดให้กับทีมเซอร์วิสได้เช่นกันครับ

ซึ่งถ้ามองกันที่ตัวบอดี้รถ ส่วนมากก็จะเลือก Cefiro A31 มาทำกัน เพราะค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ ซึ่งถ้าเป็นบอดี้อื่นๆ ตัวผมมองว่ามันก็คล้ายกันหมด  ถ้าเราเข้าใจในหลักการทำงาน มันก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กันได้หมดครับ ปัจจุบันที่อู่ก็มีรถรุ่น 275 ร่วมๆ 10 คัน ไว้ลงทำการแข่งขัน มันเป็นการพัฒนาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยตั้งความหวังในการขยับเวลาลงไปทีละนิด ซึ่งในรุ่นนี้ผมก็อยากเห็นเวลา 9.5 วินาที  ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องปรับจูน และเรียนรู้กันต่อไปครับ

ทีมทองรัก

คณบดี เรืองเลี้ยง

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของทีมทองรัก

เสน่ห์ของ 275 สำหรับผม มันคือความรัก ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะทำทุกอย่างด้วยใจรักล้วนๆ   ถ้าผมไม่ได้รัก ผมก็คงไม่ทำ  คือจะทำอะไรทุกอย่าง มันก็ต้องมีทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สำหรับรถในรุ่นยาง 275 นอกจากทุนแล้ว มันก็ต้องมีฝีมือด้วย  คือเครื่องยนต์ ช่วงล่าง จะเป็นสเต็ปมหากาฬ ขนาดไหน แต่เมื่อถูกจำกัดด้วยหน้ายาง 275 ตรงจุดนี้แหละครับ คือว่ากันที่ฝีมืล้วนๆอาทิ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละเกียร์ การเดินคันเร่งในแต่ละช่วงของรอบเครื่องยนต์ ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันหมด เครื่องยนต์สเต็ปแรงๆ ก็ใช่ว่าจะดี  เพราะมันไม่สามารถใช้พลังได้ทั้งหมด เพราะตัวแปรอยู่ที่ยาง ถ้าให้ผมมองสัดส่วนจาก 100%  ผมให้คนขี่ 60% แล้วตัวรถ 40% ครับ แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องขยันซ้อมครับ ซึ่งถ้าจังหวะการขับมันเข้ามือ มันก็ทำให้การบังคับรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าผ่านในจุดนี้ไปได้ มันก็เป็นการพัฒนาตัวเอง ให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ในการที่จะขึ้นไปบังคับรถในเวทที่ใหญ่กว่า และทำเวลาได้เร็วกว่าครับ ในอนาคตผมมองว่า ก็คงเน้นในเรื่องของการพัฒนาคนขับกับตัวรถควบคู่กันไปเรื่อยๆ ซึ่งในทีมทองรัก มีรถอยู่หลายคัน แต่คันที่อเมซซิ่งและน่าจับตามองในตอนนี้ คือ คันของเบนซ์ เป็นบอดี้ Cefiro เครื่องยนต์ 1JZ ท่อนตรงเดิมๆ เจ็ดร้อยกว่าแรงม้าครับ

อู่อำนาจ (ไดโนเทสต์)  ออโต้เซอร์วิส สุพรรณบุรี

อำนาจ น้ำใจดี

: เสน่ห์การแข่งขันรุ่น 275  ในมุมของ อำนาจ

จะบอกว่าเสน่ห์ของการแข่งขันในรุ่นนี้ คือ การเอาแรงม้าเยอะๆ ลงพื้นให้ได้ ซึ่งจุดนี้แหละ คือเทคนิคของแต่ละอู่ อยู่ที่ว่าจะมีการปรับเซตอย่างไร ให้รถวิ่งทำเวลาได้เร็วที่สุดครับ  ซึ่งผมมองว่ารถรุ่นนี้ กับรุ่น PRO เครื่องยนต์มีแรงม้าไม่แตกต่างกันเลยนะครับ  แต่ทำอย่างไรที่จะให้พลังของเครื่องยนต์ที่มีลงพื้นได้ทั้งหมด ด้วยโจทย์ของหน้ายาง 275  นอกเหนือจากเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ตัวคนขับ แล้ว  พื้นผิวแทร็กก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการวิ่งทำสถิติ ยิ่งแทร็กเหนียวขนาดไหน  เวลาก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าองค์ประกอบรวม รถกับคน ผมแบ่งให้อย่างละครึ่งๆ คือรถ 50% ตัวคนขับ 50% ทั้งสองอย่างนี้ต้องสัมพันธ์กัน ถึงจะรวมกันได้ 100% โดยสมบูรณ์แบบ แต่เรื่องการซ้อมก็ต้องไม่ขาด  ทุกกีฬา นักกีฬาก็ต้องซ้อมอยู่อย่าสม่ำเสมอ  แข่งรถก็เหมือนกันครับ ถ้าเราซ้อมเยอะ มันก็มีโอกาสไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วกว่าคนที่ไม่ค่อยได้ซ้อมครับ