เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
“คนไทยสร้างชื่ออีกแล้ว” ในวงการมอเตอร์สปอร์ต ที่บ้านเราก็ไม่เป็นรองใคร แต่อยู่ที่ “ความตั้งใจ” แค่นั้น ว่ามุ่งเป้าไปถึงขนาดไหน “ระดับโลก” เป็นก้าวข้างหน้าที่ต้องไปต่อ ดั่งความตั้งใจของ “พี่โอ๊ต OVERDRIVE” ณัฐฐะวุฒิ เครือประดับ ที่มีใจรักในรถ Drift โดยเฉพาะตระกูล RX-7 เป็นอย่างมาก พรหมลิขิตพามาให้เจอกับ “พี่ใหม่ P&C GARAGE” และไปถึง “ลุง Isami Amemiya” เจ้าของสำนัก RE AMEMIYA อันเลื่องชื่อ ขอเรียกสั้นๆ ว่า “ลุง RE” แล้วกัน เมื่อเวลาผ่านไป Project และการเดินทางเปิดโลกใหม่จึงเกิดขึ้น ด้วยการที่ พี่โอ๊ต OVERDRIVE ได้เห็นเจ้า RE AMEMIYA Hurricane 7 ซึ่งเป็นรถแข่ง WTAC แล้วประทับใจมาก เลยขอซื้อต่อมา ตอนแรกจะเอามาปรับทำรถ Drift แต่ดูแล้ว “ผิดทรง” ไปหน่อย เพราะรถทำมาวิ่ง Time Attack จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดก็อีกเยอะ ก็เลยต้องไปตามทางที่เป็น Nature ของมัน หลังจากซื้อมา รถคันนี้ก็ถูกสำนัก RE AMEMIYA โมดิฟายเพิ่มอีกหลายประการ เพื่อต้องการเป็น “สุดยอดความเร็ว” เพื่อเข้าสู่การแข่งขัน World Time Attack Challenge 2014 @ Sydney Motorsport Park, Australia ในวันที่ 17-19 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งจัดร่วมกันรายการ Formula Drift ที่ พี่โอ๊ต และทีม OVERDRIVE ไปแข่งรายการนี้ด้วย แน่นอนว่า การเดินทางที่ประสานแรงทั้ง “คนไทย” และ “คนญี่ปุ่น” บนดินแดน “ออสซี่” มันจะมี “ความหมายครั้งยิ่งใหญ่” ได้อย่างไร !!!
What’s Time Attack
เอกลักษณ์ความโดดเด่นของ Time Attack ก็คือ “การวิ่งจับเวลาเร็วที่สุด” ตอนแรกก็เข้าใจว่า ปล่อยรถวิ่งในสนามทีละคัน แต่จริงๆ แล้ว “ปล่อยรถแบบรักษาระยะห่าง” ตามจำนวนรถ คิดค่าเฉลี่ยต่อเวลา 15 นาที ว่าจะให้ห่างกี่วินาที ต่างคนต่างวิ่งหาเวลาดีที่สุด ไม่มีกำหนดรอบการวิ่ง มีแต่ “การกำหนดเวลาวิ่งในแต่ละ Session” วิ่งได้เวลาดีที่สุดรอบเดียวแล้วเลิกก็ได้ ข้อดีก็คือ “สามารถขับได้อย่างเต็มที่ ไม่มีการปะทะ ไม่มีการบัง Line กัน” ส่วนการแข่งเซอร์กิต จะเป็น “การวิ่งแข่งกันเพื่อแย่งชิงอันดับ” ปล่อยรถพร้อมกัน ก็มีโอกาสที่จะปะทะกันเป็นเรื่องปกติ ส่วนในตัวรถ Time Attack ก็จะมีแบ่งรุ่นเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยบังคับเรื่องรถเข้มงวดมาก เอาว่าเป็นรถ Stock Body อยู่ เปลี่ยนวัสดุลดน้ำหนักได้ รถพวกนี้จึงน้ำหนักเบาเท่าที่จะทำได้ แต่ห้ามตัดจน “เสียความเป็น Stock body” โดยเฉพาะเรื่องของ “Aero Part” ที่หลายคนสงสัย และหลายคนเอาอย่าง ก็อย่างที่บอกไปว่า ที่ทำพาร์ทสุดอลังการเหล่านั้น จะเป็นการเสริมสร้าง Down Force เพื่อให้รถเกาะถนนสูงสุด ขนาดไม่จำกัด เพราะว่าไม่ได้วิ่งพร้อมกันเหมือนเซอร์กิต แต่ที่แน่ๆ “ต้องแข็งแรง” ไม่ใช่วิ่งไปหัก หลุด ก็ไม่ไหวนะ…
Hurricane Set up for WTAC 2014
ตรงนี้ “ผม” ในนามของ “พี สี่ภาค” ขอหุบปากก่อน แล้วให้ “ผม” ในนามของ “พี่โอ๊ต OVERDRIVE” เป็นผู้เล่าแทน ก่อนอื่น ผมขับ Drift อยู่ดีๆ แล้วทำไมถึงมาสนใจใน Time Attack ก็เนื่องจากว่า “ผมชอบการแข่งรถแบบที่ไม่มีการปะทะ ห้ำหั่นกัน” วัดกันที่เวลาจริงๆ ไม่มีการตุกติก สำหรับรถคันนี้สร้างขึ้นมาเพื่อวิ่ง WTAC ในรุ่น Pro Class สำหรับ “นักแข่งระดับ Pro” จริงๆ ถ้าอย่างผมลงไปขับ ก็เป็นแค่รุ่นมือสมัครเล่น (AM: Amateur) แม้จะใช้รถคันนี้ที่ทำมาเพื่อ Pro Class ก็ตาม ถ้าคนขับไม่อยู่ใน Pro Class ก็ไม่สามารถจะขับรุ่นนี้ได้ ซึ่ง Pro Class เป็นรุ่นที่ “เรียกแขก” เพราะแทบทุกคนที่มาดู WTAC ก็อยากจะเห็นนักแข่งระดับ Pro Class แล้วก็มีรถเยอะ คนที่ทำรถมาระดับสุดยอด ก็อยากจะชนะในรุ่นนี้…
สร้าง Aero Part จาก Dry Carbon ที่ทั้งแข็งแรงและเบา ส่วนหลังคานั้นต้องการเบาด้วย เพื่อช่วยในการลด Rolling จะเห็นผลมากเพราะหลังคาเป็นจุดสูงสุดของรถ
กลับมาที่เรื่อง “รถ” กันบ้าง ในรุ่น Pro Class เรียกกันว่า “ซัดได้เต็มเหนี่ยว” แต่ขอให้เป็นรถ Stock Body ก็แล้วกัน ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก่อน คือ “ลดน้ำหนัก” จึงเปลี่ยนวัสดุเป็น “Dry Carbon” จัดหนักในส่วนที่เปลี่ยนได้ เช่น แก้ม ประตู หลังคา แต่ในบางส่วนที่เป็น Main หลัก เราก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ที่สำคัญกว่านั้น คือ “สิ่งที่ใส่เข้าไปต้องน้ำหนักเบาและแข็งแรง” ซึ่งตรงนี้ทางทีมงาน RE AMEMIYA เองก็อาศัย “ประสบการณ์จาก SUPER GT” มาสร้าง Aero Part ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพื่อความเสถียรในความเร็วสูง ซึ่งชุด Aero Part ของ Hurricane ก็ได้รับความสนใจมาก มีคนมาถาม “ขอซื้อ” แต่เราไม่ได้ทำขายไง มันเป็นของที่ทำมา “เฉพาะคันนี้จริงๆ” แต่ในครั้งหน้าก็มีโครงการ “ทำขาย” แต่ต้องวางแผนเรื่องการออกแบบ Aero Part ครั้งใหม่ว่า ต้องใช้โปรแกรม “CFD” หรือ Computerized Fluid or Flow Dynamics Design ซึ่งเป็นโปรแกรม Simulation เกี่ยวกับเรื่อง “กลศาสตร์การไหลของของเหลวหรืออากาศ” (อากาศเป็นของไหลนะครับ เพราะมีเรื่อง Flow เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย) ซึ่งในที่นี้เราจะนำมาวัด Flow ของอากาศ ที่จะมีผลต่อการสร้าง Aero Part ของรถ เพื่อ “เพิ่ม Downforce แต่ไม่เพิ่ม Drag Force” หรือ “เพิ่มแรงกด ลดแรงต้าน” ซึ่งปกติมันจะมาด้วยกัน ถ้าแรงกดมาก แรงต้านก็จะมากขึ้น ทำให้กินแรงเครื่อง “เราต้องแก้ตรงจุดนี้ให้ได้” แต่การใช้ CFD เป็นการลงทุนที่สูง เพราะโปรแกรมนี้ต้องใช้ Super Computer ประมวลผลที่ซับซ้อนและรวดเร็ว แต่คุ้มค่า เพราะว่าเป็นการ “ประหยัดเวลา” อย่างมาก ไม่ต้องสร้างๆ แก้ๆ เปลี่ยนๆ ออกแบบมาแล้ววิเคราะห์จากเครื่อง CFD ทรงไหนดีที่สุด ติดตั้งตรงไหนดีที่สุด แล้วค่อยสร้างงานจริงขึ้นมา ซึ่งในอนาคต ผมเองก็อยากจะสร้าง Aero Part ร่วมกับทาง RE AMEMIYA มาเป็นอีกไลน์หนึ่ง ซึ่งผมก็อยากจะทำให้เป็นจริงในเวลาไม่นานนัก และต้องการให้เป็นของที่สมบูรณ์แบบ ติดตั้งได้ “พอดีเป๊ะ” เรียบร้อย วัสดุทนทาน อะไรประมาณนี้แหละครับ…
สำหรับช่วงล่าง คันนี้ก็ใช้ของ RE AMEMIYA ที่สร้างขึ้นมาเป็น Custom Made ที่ปรับมุมล้อได้มาก เพราะช่วงล่างเดิมของ RX-7 ปรับมุมได้ไม่เยอะมากนัก (รายละเอียดอื่นๆ ดูใน Tech Spec ท้ายเรื่องได้เลย) อีกประการที่สำคัญ คือ การใช้เครื่อง 20B-REW 3 โรเตอร์ แทน 13B-REW เนื่องจากต้องการ “เครื่องใหญ่” ที่ไม่ต้องเค้นกำลังจากมันมาก นอกจากความทนทานแล้ว สิ่งที่ต้องการคือ “ความ Linear” ในการขับ เพราะเครื่อง 20B-REW จะมี “แรงบิดเยอะ” ในรอบต่ำกว่า 13B-REW พอสมควร แล้วเทอร์โบ GARRETT GCC ที่ใช้ ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่มาก จึง “มาเนียน” เวลาเร่งออกโค้งจะได้เปรียบเพราะ “คุมรถง่าย” ไม่ได้มาพรวดพราดจนออกอาการ “โอเวอร์สเตียร์” จึงทำเวลาได้ดีกว่ารถที่ขับยากอย่างแน่นอน…
Find for Pro Driver
ในการเลือกคนขับ ก็ไม่ใช่ว่าจะหลับตาชี้นิ้วเลือกได้ง่ายๆ นักขับชาวญี่ปุ่นที่เก่งๆ ในระดับ SUPER GT ก็มีหลายคน แต่ทำไมเราถึงเลือก “Max Orido” มา ซึ่งรถคันนี้ในครั้งที่แล้ว คนขับคือ “Nob Taniguchi” แต่ในปีนี้ไปขับ R35 HKS และ S2000 Top Fuel ซึ่งนักขับคนหนึ่งขับได้ 2 คัน จึงต้องให้ Max Orido รับไป ข้อสำคัญของนักขับสองคนนี้คือ “สามารถทำเวลา Qualify ได้เร็วอย่างโดดเด่น” ซึ่งตรงนี้มันเกี่ยวกับ Time Attack ในด้านการ “หาเวลาเร็วที่สุด” พูดง่ายๆ มันก็เหมือนกับ “การแข่ง Qualify” นั่นเอง อย่างนักขับคนอื่นๆ อาจจะชนะในเซอร์กิต ซึ่งมีปัจจัยอื่นอีก แต่รายการนี้ “เราต้องการคนที่ขับเร็วที่สุด” นั่นยังไม่พอ คนที่เก่งไม่ใช่ขับเร็วอย่างเดียว แต่ต้อง “สามารถบอกทีมงานได้ทันทีว่าจะต้องปรับเซตรถอย่างไรให้ดีขึ้น โดยใช้เวลาขับไม่นาน” เนื่องจากเรามีเวลาขับไม่มากนัก ใน 1 วัน สามารถวิ่งได้ 3 Session ซึ่ง 1 Session จะให้เวลา 15 นาที เท่ากับว่า 1 วัน เราจะมีเวลาขับรถเพียงแค่ “45 นาที” เท่านั้น ยืดยาดไม่ได้เด็ดขาด งานนี้ได้ “Nabe-san” (นาเบะซัง) เป็นช่างที่มีประสบการณ์สูงในระดับ SUPER GT ซึ่งจะคอยฟังว่า Orido สั่งปรับอะไรและทำตามนั้น ส่วนเรื่องของโปรแกรมกล่อง ECU และ Data Logger จะเป็นหน้าที่ของ “Endo-san” (เอนโด้ซัง) คอยดูแลส่วนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้อง “เก่งทั้งคู่” ไม่เช่นนั้นก็ไม่สำเร็จ…
ก่อนหน้าจะมาที่นี่ Orido ได้ซ้อมขับมาในเครื่อง Race Simulator (ราคาหลักล้านนะครับ) มาก่อน และจำไลน์สนามได้หมด ในตอนวิ่ง Test Run ครั้งแรก ทำเวลาได้ “1.29 นาที” หลังจากนั้นก็ Set up เรื่อยๆ “เวลาลงทุกรอบที่ขับ” ซึ่งกล้าพูดเลยว่า “รถคันนี้ทำเวลาได้อย่างเสถียรทุกรอบ” ซึ่งรถบางคันทำเวลาเร็วกว่าเรา แต่ทำได้เพียงรอบเดียว ที่เหลือทำไม่ได้ หรือพัง แต่รถเราไม่พัง เวลาดีขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า Faster and Faster ซึ่งคนดู นักแข่ง ช่างทีมอื่นๆ ให้ความสนใจ Hurricane กันมาก เราก็จัดเต็ม “Full Team” ทีมงานพร้อม (งานนี้เล่นเอา Taniguchi ถึงกับเดินมาหา และบอกว่า “น่าอิจฉา” และ “อยากขับคันนี้อีก” เพราะตอนเขามาขับครั้งที่แล้วมีทีมเซอร์วิสเพียง 2 คน แต่เรามาเยอะและพร้อม) คนดูมาติดตามเยอะ ก็รู้สึกว่า “เออ เราเป็นคนไทยที่ต่างชาติสนใจ” และคนออสซี่ก็ชอบคนไทยอยู่แล้วด้วย Hurricane เลยเป็นที่สนใจอย่างมาก…
หลังจากการที่ปรับเซตทุกอย่างลงตัวแล้ว ในรุ่นนี้จะมีช่วง High Light สำคัญ คือ “Super Lap” โดยจะมีรถเพียง 5 คัน ที่ทำเวลาดีที่สุดในรุ่น มาวิ่งทำเวลากันแบบเต็มที่ ซึ่งระยะการปล่อยตัวเข้าสนามนั้นจะห่างกันประมาณ 20 วินาที นักแข่งจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะวิ่งมาเจอกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ Orido บอกกับเราว่า “Max” หมายถึงว่า “ขับได้สุดลิมิตของรถแล้ว” แต่ยังอยู่ในขั้นปลอดภัย แต่ใจผมก็อยากจะ “ไปอีก” เลยให้ทาง RE AMEMIYA คุยกับ Orido ว่า “ให้ Push เพิ่มไปอีก” ซึ่ง Orido บอกว่า “ผมทำได้ แต่ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะรถพัง หรือหลุดการควบคุมอยู่บ้างนะ” ซึ่งผมเองก็บอกไปเลยว่า “เต็มที่” เพราะผมมีคติประจำตัวว่า “Go Hard or Go Home” ประมาณว่า “ถ้าเราไปไม่สุดจริงๆ มัวแต่กลัว มัวแต่ติ๋ม กลับบ้านไปก็มานั่งเสียใจ เสียดาย ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ แต่ต้องไม่ประมาท” ซึ่งเวลาดีที่สุด อยู่ที่ “1.27.3410 วินาที” ในรอบที่ 12 (เป็นข้อพิสูจน์ว่าวิ่งได้ต่อเนื่องจริงๆ) เร็วกว่าครั้งแรกอยู่เกือบ 3 วินาที เงื่อนไขเดิม ผิดกันที่ Setting เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ส่วนในรอบหลังจากนี้ มาทรงดี มีลุ้น แต่ดันไปเกิดอาการ Slip ทำให้รถส่ายเสียอาการไปนิดหน่อย อาจจะเกิดจากการเหยียบฝุ่น ทราย หรือคราบน้ำมัน (ก่อนหน้าที่จะวิ่ง มีรถคันหนึ่งเกียร์พังและมีน้ำมันไหลออกมา) เวลาเลยตกลงไป ผมว่าแข่งรถมันก็ต้อง “เก่งบวกเฮง” ด้วยนะ ถึงจะชนะได้…
ไม่ได้แชมป์ แล้วได้อะไร ???
จากการได้อันดับ 5 ในรุ่น Pro Class และอันดับ 6 Over All ซึ่งเป้าหมายเราจริงๆ แล้ว คือ “แชมป์” ที่ใครๆ ก็อยากได้ แต่เมื่อไม่ได้ เราก็ต้องมองต่อว่า “อนาคตทำยังไงถึงจะได้” ซึ่งในครั้งนี้ ตัวผมเอง รวมถึงทุกคน “ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาได้อย่างมากมายระหว่างทาง” รวมไปถึง “การได้แข่งกับตัวเอง และพัฒนาตัวเอง” ผมเชื่อว่า “ไม่มีทางที่ไปครั้งแรกแล้วจะได้แชมป์” แต่ที่แน่ๆ ทีมงานทุกคน Happy หลังจากแข่ง ไม่มีใครกล่าวโทษกัน และแม้แต่ตัว Max Orido เอง ก็ “ยิ้มออก” กับพวกเรา (ซึ่งปกติสไตล์เขาจะนิ่งๆ ยิ้มยาก) แค่นี้ก็เยี่ยมแล้วครับ อีกประการ “ชอบบรรยากาศการแข่งขัน” ที่ทุกคนจริงจัง แต่ยังมีความ “Friendly” มันมาจากที่ทุกคนแข่งกับตัวเอง ไม่ได้จ้องจะลงมาขย้ำกัน ตรงนี้อยากจะให้มอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทยมีบรรยากาศแบบนี้บ้าง ซึ่งตัวผมเองก็คุยกับ พี่ใหม่ P&C ไว้แล้วว่า ไว้จะจัดแข่ง Time Attack ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ทำ Track แบบสนุกๆ ที่ให้มือใหม่สามารถเข้าร่วมได้ด้วย เพราะเห็นที่ Australia ก็จะมีรายการแข่งสนุกๆ เช่น Figure 8 เป็น Track เล็กๆ ในบริเวณใกล้เคียง เอาไว้ให้คนทั่วไปที่เริ่มต้นในมอเตอร์สปอร์ตได้พัฒนาฝีมือสู่รายการใหญ่ในอนาคต อยากจะให้ติดตามผลงานของ RE AMEMIYA Hurricane 7 ต่อไปด้วย รับรอง เต็มที่ !!! ครับ…
OAT OVERDRIVE Thanks to
Teammate
RE AMEMIYA Team: Amemiya San, Nabe San, Endo San, Takashi San. Driver Max : Orido San. P&C Garage Team: พี่ใหม่, พี่หรวด, พี่เอ…
Sponsor
YOKOHAMA, M-STORM, 3M Autofilm, 3K Battery, ENKEI, OSRAM, Snailwhite, Amazing Thailand, GCC Turbo, Gruppe M, P.MU, BRIDE, Ogura Clutch, SINGHA, SWIFT.
Fan Club
ขอขอบคุณแฟนๆ Hurricane 7 ชาวไทย ใน Sydney, ท็อป SAVANNA (อดีต Sales XO AUTOSPORT) อำนวยความสะดวกต่างๆ ระหว่างอาศัยใน Sydney ด้วยครับ…
Tech Spec
ภายนอก
ชุดพาร์ท : Hurricane RE AMEMIYA Dry Carbon Custom Made
ภายใน
คอนโซล : RE AMEMIYA Dry Carbon
พวงมาลัย : SPARCO
เกจ์วัด : MoTeC Display
เบาะหน้า : BRIDE RE AMEMIYA Spec
โรลบาร์ : RE AMEMIYA
เครื่องยนต์
รุ่น : 20B-REW Full Modified by RE AMEMIYA
พอร์ต : Bridge Port
Apex Seals : RE AMEMIYA Titanium
เทอร์โบ : GARRETT GCC
เวสต์เกต : RE AMEMIYA Twin
เฮดเดอร์ : RE AMEMIYA Custom Made
อินเตอร์คูลเลอร์ : GReddy with Blue Coat
ท่อร่วมไอดี : RE AMEMIYA with Blue Coat
กล่อง ECU : MoTeC M800 by Endo
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ : HEWLAND Sequential 6 speed
คลัตช์ : ORC 4 Plates
เฟืองท้าย + ลิมิเต็ดสลิป : MAZDASPEED
ช่วงล่าง
โช้คอัพ : QUANTUM RE AMEMIYA Spec
สปริง : SWIFT
เหล็กกันโคลง : RE AMEMIYA
ชุด Links ช่วงล่างทั้งหมด : RE AMEMIYA
ล้อหน้า-หลัง : ENKEI RS05RR ขนาด 10.5 x 18 นิ้ว
ยางหน้า-หลัง : YOKOHAMA A050 ขนาด 295/35R18
เบรก : AP RACING
ข้อมูลบางส่วน: www.worldtimeattack.com, Facebook : OAT OVERDRIVE
RE AMEMIYA Hurricane 7 ที่ “ติดใจมหาชน” ผ่านการ Setting จน “เร็วขึ้นเรื่อยๆ” จากการบอกเล่าของ Orido การใช้ Data Logger ของ MoTeC ผสานกับการใช้กล้อง On Board ติดอยู่ในรถ เพื่อรวบรวมข้อมูลและภาพเคลื่อนไหวระหว่างการขับ ไว้สำหรับ “ประเมินผล” อาการของรถและคนขับ เพื่อที่จะแก้ไขในจุดบกพร่องให้สมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ตรงนี้สำคัญมากๆ
ในตอนแรกรถคันนี้มี Downforce น้อยไป ก็เลยเพิ่มที่ Aero Part และรถยังมีอาการโอเวอร์สเตียร์มากไปหน่อย (สังเกตในรูป ล้อหน้าจะหักสวนทางเพื่อแก้อาการ) ตอนหลังปรับแก้แล้วอาการนี้ก็หายไป Orido สามารถเติมคันเร่งออกจากโค้งได้เร็วและมากขึ้น ส่วนตัวรถและพื้น Chassis ยังเป็นของเดิม เพียงแต่เปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังเป็น Dry Carbon เท่านั้น
“ลุง RE” กับประสบการณ์อันยาวนาน ทุ่มเทให้กับ Hurricane 7 อย่างเกินร้อย และใช้ความสามารถที่มีในการแก้ปัญหาได้ถูกต้องและรวดเร็ว
“นาเบะซัง” กำลังรื้อประกอบโช้คอัพ และ Setting ค่า K ของสปริงใหม่
ทีมช่างไม่มีว่าง ทุกคนกำลัง Setting ตามหน้าที่ของตัวเอง สังเกตเครื่อง พวกท่อไอดี อินเตอร์คูลเลอร์ จะพ่น Coating สีฟ้า ไว้สำหรับ “ลดการรับความร้อน” และ “เพิ่มการแผ่กระจายความร้อน” เพื่อลดอุณหภูมิในระบบไอดีทั้งหมด ช่วยเพิ่มแรงม้าและความทนทานให้กับเครื่องยนต์
ยาง YOKOHAMA A050 เป็น Soft Compound ที่ใช้ขนาดเดียวกันทั้ง 4 ล้อ เพราะล้อหน้าต้องการ Traction สูงสุด สำหรับการเบรก เลี้ยว ถ้าใช้ยางหน้าแคบกว่าหลัง รถจะมีโอกาส “ไม่เลี้ยว” เพราะการยึดเกาะน้อยกว่าล้อหลัง สังเกต “ร่องรอยการสัมผัส Track เต็มหน้ายาง” อันนี้บอกได้ว่าการเกาะถนนสมบูรณ์ มุมล้อ ลมยาง ทุกอย่างถูกต้อง ซึ่งก็ไม่ใช่ “เดา” ทุกอย่างต้องผ่านการทดสอบ และจากประสบการณ์ของทีมช่างเป็นหลัก บอกตัวเลขตายตัวไม่ได้
ช่วงล่างที่สร้างปีกนกและ Links ต่างๆ ขึ้นใหม่ ให้ปรับมุมล้อได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงรูปแบบการทำงานของเดิมไว้ เพราะรถ Time Attack แม้จะเหมือนไม่บังคับอะไร แต่จริงๆ แล้วก็มีข้อบังคับ เพราะเขาต้องการให้เป็นรถ Stock Body หรือ Uni-Body ที่ไม่ใช่รถ Spaceframe
ทีมช่างทั้งไทยและญี่ปุ่นกำลังรุมเซอร์วิส ซึ่งสไตล์ทีมญี่ปุ่นจะมีคนไม่มากนัก แต่คนหนึ่งทำงานได้เก่งและหลากหลาย ซึ่งของทีมฝรั่งส่วนใหญ่ใช้ทีมงานเยอะกว่า แต่คนหนึ่งจะทำงานได้แบบเฉพาะทางอย่างเดียว
“โอริโดะซัง” เมื่อต้องการสื่อสาร ขับรถเข้า Pit มาจอด แล้วก็จะ “ตบหลังคา” ซึ่ง “นาเบะซัง” พร้อมทีมงานจะวิ่งเข้าไปรับ Comment แล้วรีบปรับปรุงทันที
หลังจากการแข่งจบ Orido ก็ยิ้มอย่างพอใจ ที่สามารถขับและช่วยทีมงานพัฒนาจนทำเวลาได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ
(จากซ้ายไปขวา) OAT OVERDRIVE, Max Orido, ลุง Amemiya เจ้าของสำนัก RE AMEMIYA, Na-be Mechanic ระดับ SUPER GT อยู่กับ RE AMEMIYA มากว่า 10 ปี และ Endo เป็น Tuner ขั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น
คันสีดำก็คือ SILVIA S15 สุดโหดจาก SCORCH Racing ที่ Under Suzuki เป็นผู้ขับ ซึ่งมีประสบการณ์สูงในการแข่ง Time Attack มาตลอด ซึ่งรถคันนี้ทุ่มเทมาก Aero Part ทดสอบในอุโมงค์ลมกันอย่างจริงจัง น้ำหนักรถเหลือเพียง 1,050 กก. เท่านั้น “เร็วมาก” ส่วนของเราอยู่ที่ “1,170 กก.” ซึ่งในอนาคตจะต้องพัฒนา Hurricane 7 ให้เบาและเร็วกว่านี้
รถแข่งรุ่น Pro Class ถือว่าเป็นสุดยอด เพราะนักขับที่ระดับ Pro จริงๆ ซึ่งเวลาที่แข่งกัน รถระดับหัวๆ เวลาขี่กันมาก ซึ่งกินกันเป็นเสี้ยววินาทีจริงๆ ความมันส์มันอยู่ตรงนี้ครับ