XO AUTOSPORT No. 241—
Photo : ภูดิท แซ่ซื้อ
My Name is…ปิง KC WHEEL
เป็นอย่างที่เห็น และรู้กันอยู่ว่า ตลาดในกลุ่มรถแต่งซิ่งในยุคนี้คงต้องโฟกัสกันไปที่กลุ่มตลาดรถปิกอัพ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน รถซิ่งสายกระบะในยุคนี้แต่งเต็มกันแทบทุกลำ และจุดขายหลักในการเปลี่ยนแปลงจากมิติรถเดิมจากโรงงาน ให้กลายเป็นรถที่มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ล้อแม็ก” เป็นอย่างแรก!! ซึ่งก็ต้องบอกว่าในช่วงระยะหลังๆ จะสังเกตเห็นได้ว่า แบรนด์ KC WHEEL & TYRE จะเป็นที่พูดถึงและนิยมมากในกลุ่มผู้เล่นรถกระบะ และรวมถึงตลาดกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ที่จู่ๆ แบรนด์นี้ก็กระโดดขึ้นมาครองใจกลุ่มที่ชื่นชอบการแต่งรถ บอกตรงๆ ไม่อยากรู้จักแม็กแต่ละรุ่นของแบรนด์แล้ว อยากรู้จักเจ้าของแบรนด์มากกว่า อยากทราบว่าเค้ามีทิศทางการดำเนินงานอย่างไร ที่ทำให้แบรนด์เข้าไปนั่งอยู่ในใจของคนที่ชอบแต่งรถครับ…
มาตรฐานของผมอยากแรก
คือการส่งมอบความปลอดภัยให้กับทุกๆ คนที่ใช้สินค้าของเรา
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ บริษัท เคซี วีล แอนด์ไทร์ (KC WHEEL & TYRE) กันก่อนครับ ตั้งขึ้นในปี 2554 โดยเริ่มต้นจากการจ้างโรงงานต่างประเทศเป็นผู้ผลิตล้อแม็กให้ จนกระทั่งผันตัวเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นที่โรงงานในประเทศจีนและไต้หวัน โดยมีวิสัยทัศน์ในการมุ่งทำตลาดเพื่อเป็นผู้นำในประเภทล้อแม็กและยางรถยนต์ ในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แบรนด์สินค้า แม็ก KC และยาง TRI-ACE
โดยตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ใช้ของคุณภาพ ในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมควบคู่ไปกับบริการที่เป็นเลิศ เพื่อให้สอดคล้องกับคำขวัญที่ว่า “Symbol Of Smart Choose” (สัญลักษณ์แห่งความฉลาดเลือก) โดยแบรนด์ KC WHEEL มีทั้งล้อแม็กที่ผลิตขึ้นในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ VERTINI: แบรนด์ล้อแท้จากอเมริกา ที่นำเข้ามาเพื่อตอบสนองกลุ่มตลาดรถระดับกลางถึงบน สำหรับรถญี่ปุ่นและรถยุโรป/WELD RACING By KC WHEEL : ล้อในกลุ่มนี้จะผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีชั้นสูง จากโรงงานคุณภาพมาตรฐานพรีเมียมในประเทศไทย โดยตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมายสายเรซซิ่ง/PRODRIVE : ตอบสนองแบรนด์ยอดนิยมอันดับต้นของประเทศญี่ปุ่น/FERRAR : เป็นเฮ้าส์แบรนด์ล้อนำเข้า ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มรถวีไอพีและเรซซิ่ง นับว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ ที่กำลังลุยทำตลาดในช่วง 1-3 ปีนี้
DNA ของ KC WHEEL
มันคือจิตวิญาณของล้อแม็กที่เราขอใช้คำว่า “บรรจง”
ในการทำขึ้นมาครับ
ในกลุ่มของตลาดยางก็มีทั้งส่วนที่ผลิตในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงรับจัดจำหน่ายด้วยเช่นกันครับ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ SWIZZ: ยางรถปิกอัพ รถตู้ ที่ผลิตในประเทศไทย เป็นยางที่ทางบริษัทร่วมมือกับโรงงานในประเทศไทย ค้นคว้า และวิจัย พัฒนา ผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ SWIZZ มีทั้งจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกครับ / TRI-ACE: เป็นยางนำเข้าวิศวกรรมญี่ปุ่น (UHP, SEMI SLICK) / ZESTINO TIRE เป็นยาง SEMI SLICK นำเข้าจากประเทศจีน พร้อมกับรับจัดจำหน่ายยางนำเข้าจากต่างประเทศและยางผลิตในประเทศ เช่นกันครับ
และจะเห็นได้ว่าในช่วงนี้แบรนด์ KC WHEEL เข้ามาติดท็อปชาร์ตของกลุ่มตลาดล้อแม็กซิ่งอย่างโดดเด่น นั่นก็เพราะคุณภาพของสินค้าเอง รวมไปถึงช่องทางการตลาดที่แพร่กระจายไปสู่กลุ่มผู้บริโภคในทุกกลุ่ม ด้วยการทำ CRM กับกลุ่มตัวแทนจำหน่า และสังคมอย่างต่อเนื่อง อาทิ งาน Thank You Party, นำเที่ยวต่างประเทศ, การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ยางให้กลุ่มมูลนิธิ หรือหน่วยงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตรายการชั้นนำของประเทศไทย อาทิ M Storm Drift Competition By KC, TRI-ACE DIESEL DRAG RACING 2016, KC WELD RACING DRAG 2016 และ SOUPED UP THAILAND RECORDS ครับ
หลังจากที่รู้จักเรื่องราวของ บริษัท KC WHEEL & TRYE กันไปแล้ว ทีนี้ถึงคราวที่เราจะมาทำความรู้จัก CEO หนุ่มไฟแรง เค้าเป็นผู้วางหมากในการใช้นวัตกรรมนำธุรกิจให้แบรนด์เติบโตในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณปิง-พิชาญ พรหมเมฆประธาน ผู้บริหารหนุ่มของแบรนด์จะมาเป็นคนเล่าเรื่องราวให้เราได้รู้จักกันครับ “สวัสดีครับ ผมปิง KC WHEEL จากจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเป็นอย่างปัจจุบันนี้ มันเริ่มด้วยใจที่ชื่นชอบรถยนต์มาเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งผมก็เป็นวัยรุ่นคนนึงที่อยากจะมีรายได้เป็นของตัวเอง พอหลังจากศึกษาจบก็อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ต้องบอกว่าที่บ้านก็ประกอบธุรกิจกันอยู่แล้ว แต่มันยังไม่ตรงใจผม ก็เลยมองหาสิ่งที่ชอบมาทำเป็นธุรกิจของตัวเอง ก็เริ่มต้นจากเล็กๆ น้อยๆ ในการนำเข้าอุปกรณ์ตกแต่งรถจากต่างประเทศเข้ามาขาย อาทิ ล้อแม็ก ชุดแต่ง อะไหล่แต่งมือสองประมาณนี้ บอกตรงๆ นะ ไม่ได้คิดว่ามันจะกลายเป็นอย่างทุกวันนี้ คิดว่าสั่งของแต่งมาขายเล่นๆ เอาในแนวทางที่ชอบ แต่ปรากฏว่าพอทำไปทำมาเริ่มติดตลาด มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ผมก็มองเห็นช่องทางว่าเดินมาสายนี้น่าจะทำให้เกิดรายได้อย่างจริงจังได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่โชคดีที่มีญาติๆ เค้าทำธุรกิจขายแม็ก ขายยางอยู่ ก็เลยไปขอเรียนรู้เพิ่มเติมจากตรงนี้ ซึ่งจากเดิมที่เป็นแค่เพียงหน้าร้านธรรมดา ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ถ้าเราต้องการเติบโตจึงสั่งของเข้ามาแบบจริงจังให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย มันจะเป็นแค่หน้าร้านไม่ได้อีกต่อไป เพราะผมอยากให้คนรู้จักทั่วประเทศ ก็เลยไปคุยกับทางโรงงานที่ไต้หวันก่อน ว่าทางเค้ามีไลน์สินค้าประเภทใดบ้าง ที่พอจะนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้
โดยในช่วงแรกก็สั่งเข้ามาทีละ 40-80 วง พอหลังๆ ก็เริ่มสั่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งนับตั้งแต่จุดนี้ก็มองว่า มันควรจะมีแบรนด์ถาวรเป็นของตัวเองได้แล้ว ก็เลยมาจบที่ชื่อ “กิจเจริญชัย” ซึ่งเป็นชื่อของธุรกิจทางบ้านมาตั้งแต่แรกเริ่มเปิดกิจการในประเทศไทย ซึ่ง “KC” ก็จะเป็นชื่อย่อของ “กิจเจริญชัย” ครับ โดยธุรกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ใช้ชื่อ “KC” นำหน้า จะเป็นกิจการของญาติๆ กันทั้งนั้น แต่ที่ไม่สานต่อธุรกิจทางบ้านที่คุณพ่อทำอยู่ ก็เพราะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ “เซรามิก” ซึ่งผมไม่ถนัด และตัวผมเองก็ชอบรถยนต์มากกว่าด้วย แต่ก็อยากเก็บรักษาชื่อแบรนด์ของที่บ้านไว้ ก็เลยกลายมาเป็นชื่อ KC WHEEL & TRYE ครับ
ผมซีเรียสเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก
ตลอดระยะเวลาที่ทำแบรนด์มา
ไม่เคยมีปัญหาเรื่องล้อแตก หรือล้อหัก
อะไรเคลมเข้ามาให้เห็นเลยครับ
ซึ่งการที่ประสบความสำเร็จมาได้อย่างทุกวันนี้ มันเริ่มต้นจากการมีพันธมิตรที่ดี อาทิ ลูกค้า ผู้ร่วมงาน ซัพพลายเออร์ต่างๆ รวมถึงระบบการจัดการที่ดีและเป็นระเบียบ เมื่อก่อนก็แค่คิดว่านำของมาขายเพื่อเป็นรายได้ แต่พอมาลงรายละเอียดเข้าอย่างจริงจัง ความคิดก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมเริ่มมองว่าแม็กและยาง เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิตบนท้องถนน ผมเชื่อว่าถ้าลูกค้าผู้ใช้รถบนท้องถนนได้ใช้ของที่มีคุณภาพ มันก็เสมือนการส่งมอบความปลอดภัยให้กับทุกๆ คนที่ใช้สินค้าของเราครับ เพราะโรงงานที่ทำล็อแม็กให้ KC WHEEL เป็นโรงงานเดียวกับที่ผลิตให้กับแบรนด์ดังหลายแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี ดังนั้นประสิทธิภาพ ความแข็งแรง ความสวยงาม และรายละเอียด เป็นเรื่องมัดรวมไว้เป็นกฎข้อแรกในการผลิตล้อแม็กให้แบรนด์เราครับ และ ณ ตอนนี้ กลุ่มลูกค้าสามารถสัมผัสแม็ก KC WHEEL ได้ครบทุกรุ่นทั่วประเทศ เพราะตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มีครบทุกจังหวัดทั่วประเทศครับผม
อนาคตที่วางไว้คือ จะพาแม็กแบรนด์นี้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากนั้นก็จะเปิดศูนย์บริการครบวงจรในแบรนด์ของคนไทย เพื่อให้คนไทยได้ใช้บริการ นอกจากตลาดล้อแม็กและยางแล้ว ในอนาคตก็แตกไลน์สินค้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เพิ่มมากขึ้น อาทิ น้ำมันเครื่อง, โชคอัพ หรือส่วนประกอบแอกเซสเซอรีต่างๆ ที่ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย ก็จะเกิดธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นในปีหน้าครับ ส่วนตลาดในต่างประเทศเขต CLMV (C คือ Cambodia กัมพูชา, L คือ Laos ลาว, M คือ Myanmar เมียนมา และ V คือ Vietnam เวียดนาม) ได้มีการเดินทางไปจดทะเบียนบริษัทไว้หมดแล้ว ก็คงจะเป็นในนามบริษัทลูกในประเทศต่างๆ ซึ่งในปีหน้าก็จะเริ่มมีความเคลื่อนไหวให้เห็นอย่างแน่นอนครับ….”
นับว่าเป็นแบรนด์ที่จับตามองมากในอนาคตอันใกล้นี้ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะมีแบรนด์คุณภาพ ให้คนไทยได้เลือกใช้กันครับ เรามาเอาใจช่วยลุ้นกันครับในปีหน้า