เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : วิวัฒน์ ภัยวิมุติ
E30 ALPINA C1 2.5 Replica
J. GLAZE Present
สำหรับรถยนต์ BMW ที่ตอนนี้เข้าขั้นจะเป็น Modern Classic ก็คงหนีไม่พ้น E30 ที่ถูกนำกลับมาตกแต่งกันยกใหญ่ จริงๆ ก่อนหน้าที่กระแส Retro/Classic จะดัง E30 ถือว่าเป็นรถที่มีค่าตัวไม่แพง สามารถนำมาปรับปรุงเพื่อใช้งานได้หลากหลายสไตล์ จากการที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และมีสมรรถนะของช่วงล่างที่ดี แต่พอกระแสรถเก่าดังขึ้น การตกแต่งในแนวย้อนยุคก็กลับมาอีกครั้ง คงหนีไม่พ้น ALPINA ที่มาแรงสุด ๆ ในยุคนี้ ซึ่งสมัยก่อนคนจะไม่ค่อยรู้จักกัน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังนิยมมาก กับการแต่ง BMW E30 ให้เป็น ALPINA จริง ๆ คนแต่งแบบนี้ก็มีเยอะอยู่ แต่ครั้งนี้มาแบบ “เข้าเส้น” ของ “คุณเจี๊ยบ” เจ้าของกิจการ J. GLAZE คาร์แคร์ชั้นนำย่านเหม่งจ๋าย คันนี้ถูกตกแต่งด้วย Option ของ ALPINA แท้ ๆ ตั้งแต่หัวจดเท้า ตามประสาคนคลั่งไคล้…
- กันชนโครเมียมเล็ก ด้านหน้ามีสปอยเลอร์แท้ แค่นี้ก็พอ
Short Story of ALPINA BURKARD BOVENSEPEN GmbH
สำหรับเรื่องราวของ ALPINA มีจุดกำเนิดมาช่วงปี 1965 ผู้ก่อตั้งคือ “Mr.Burkard Bovensepen” (บุ๊กการ์ด โบเวนเซเปน) เกิดเมื่อปี 1936 ในเมือง Kaufbeuren แคว้น Bavaria เยอรมนีตอนใต้ จากการที่ Burkard เป็นผู้ที่ชื่นชอบรถ BMW อย่างมาก จึงได้คิดที่จะโมดิฟายรถ BMW ขึ้นมา แรกเริ่มก็โมดิฟายคาร์บูเรเตอร์ ปรับแต่งฝาสูบใหม่ โดยเริ่มจากรุ่น 1500 ก่อน และในปี 1970 ก็มีพนักงานจำนวน 70 คน ก็ได้ย้ายที่อยู่ไปที่เมือง Buchloe ใน Bavaria เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงปี 1968 ถึง 1977 ALPINA ได้โมดิฟายรถยนต์ออกมาแข่งหลายอย่าง ในปี 1970 ก็ชนะการแข่งขัน European Touring Car Championship แล้วก็ยังมีการแข่ง Rally, Endurance หรือการขับรถขึ้นเขาแบบ Hill Climb อีกด้วย…
BMW 325i Replica to ALPINA C1 2.5
สำหรับ BMW E30 คันนี้ ก็เป็นรุ่น 325i ที่จะเน้นสมรรถนะเป็น “รถเล็ก เครื่องใหญ่” ซึ่งทางคุณเจี๊ยบ ก็เน้นเครื่องที่มีกำลังมากไว้ก่อน เครื่อง 6 สูบ เวลาขับก็ให้กำลังที่ “หนักแน่น” กว่าเครื่อง 4 สูบ พอได้มาก็จัดการปรับปรุงเป็น ALPINA ซึ่งคันนี้เป็นเวอร์ชั่นแรก “กันชนโครเมียม ไฟท้ายสองชั้น” ซึ่งกำลังได้รับความนิยม จึงบอกได้ว่าทำตามรุ่น C1 2.5 ออกมาในช่วงปี 1983-1985 ส่วนในรุ่นที่สอง เป็นไมเนอร์เชนจ์ ตั้งแต่ปี 1986 ขึ้นไป จะเป็น C2 2.5 เครื่องเดียวกัน แต่ในรุ่น C1 จะถูกโมดิฟายให้มีแรงม้าถึง 190 PS ส่วนรุ่น C2 ตามข้อมูลใน Wikipedia บอกไว้ว่าเหลือ 185 PS (อาจจะเป็นเรื่องของพื้นฐานเครื่องรุ่นนั้น ที่โดนกฏหมายมลพิษที่เข้มงวดขึ้น) สำหรับคันนี้ การตกแต่งก็จะ “เน้นสวย” เป็นหลัก ALPINA Part ทุกอย่าง เป็นของ Original ทั้งหมด ก็ได้ความสวยงามแบบเรียบร้อย ส่วนเครื่องยนต์ยังเดิมๆ โอเวอร์ฮอลใหม่ให้สมบูรณ์ ก็เพียงพอสำหรับการขับสนุกในระดับหนึ่ง ใช้งานได้ ก็คงเน้นขับพักผ่อนตามสไตล์มากกว่า…
- ด้านข้างมีเพียงสติกเกอร์แท้ ลายเส้นเฉพาะตัวของ ALPINA ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ต้องมากกว่านี้ให้เยอะไป
ขอขอบคุณ : “คุณเจี๊ยบ” J.GLAZE
X-TRA ORDINARY
สำหรับบริษัท ALPINA ที่เป็นกิจการของตระกูล Bovensepen โดยดั้งเดิมจริง ๆ ไม่ได้ทำรถ จะผลิตอุปกรณ์สำนักงาน สินค้าหลัก คือ “พิมพ์ดีด” ก่อนที่ Burkard ได้ตัดสินใจแยกบริษัทออกมาต่างหาก เพื่อเป็น Tuning Shop โดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทจะมีชื่อเต็มว่า ALPINA BURKARD BOVENSEPEN GmbH ปัจจุบันก็ยังตั้งอยู่ที่ Buchloe โดย Burkard ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ นั่งแท่น CEO อย่างยาวนาน… (ในรูปเป็นเพลทของรุ่น Z8 ไม่ใช่คันในคอลั่มน์นี้นะจ๊ะ)
- สปอยเลอร์หลังเป็นยาง อันนี้หายาก พร้อมโลโกบ่งบอกที่ขาดไม่ได้ ท่อไอเสีย SPRINT ปลายคู่ ให้เสียงทุ้ม นุ่ม ลึก นี่แหละ “เยอรมัน”
- ALPINA แท้ ขาดล้อก็หมดความหมาย ล้อหน้าขนาด 7 x 16 นิ้ว ยาง BRIDGESTONE RE001 ขนาด 205/50R16
- จะเล่นให้ครบสูตร ดังนั้น ล้อหลังจะต้องเป็น 8 x 16 นิ้ว ต่างขนาดจากล้อหน้า ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่รู้ถึงความต่าง ยางใช้ขนาด 225/50R16 ที่จะสูงกว่าด้านหน้านิดหน่อย ส่วนช่วงล่างก็สูตรสำเร็จ โช้คอัพ KONI สปริง Eibach
- ภายในลืมไม่ได้ พวงมาลัยต้องตรงรุ่น Trim ตกแต่งด้วยหนัง Alcantara ดูแปลกตา ทันสมัย
- เบาะ RECARO SR3 หุ้มผ้า ALPINA เป็นลายเดินเส้นเขียว
- เบาะหลัง จาก M3 จะเป็นแบบ “หลุมนั่ง” ไม่เหมือนรุ่นธรรมดา จับหุ้มผ้า ALPINA ให้ครบครัน
- เกจ์สามเกลอ ของเทพจาก VDO ใส่ได้อย่างสวยงาม หัวเกียร์ไม้ของแท้ ตัว Front วิทยุ เป็นของ McIntosh ของระดับ Hi-End
- M20 6 สูบ 2.5 ลิตร เดิม ๆ ก็เพียงพอสำหรับการขับใช้งานทั้งใกล้และไกล