ได้เวลา “อวยอีสุ” ALL NEW ISUZU MU-X
แจ่มแค่ไหนดีสมที่อวยหรือไม่
อ่านรีวิวขัดใจสไตล์ “พีสี่ภาค”
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
และแล้ว รถแนว Off – road SUV ที่หลายๆ ท่านรอคอย คือ MU-X ก็ได้ฤกษ์ในการ “คลอด” เสียที จากการที่ดีเลย์มาพอควรเพราะติดเรื่อง “โควิด” ที่ “ล่อเอาจุก” จำต้องหยุดสายการผลิตไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากที่ปล่อยเจ้า ALL NEW D-MAX 2020 ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งแนวโน้มของ MU-X ก็คงจะต้องออกตามมาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องออกตัว “กระบะช่วงสั้น” มาก่อน เพื่อเอา “แชสซีส์” เป็นพื้นฐานในการสร้างรถแบบ PPV หรือ “รถอเนกประสงค์ที่ใช้พื้นฐานของรถกระบะ” ซึ่งภาษาทั่วไป จะเรียก Off – road SUV อย่างที่เหลาไปตะกี้ และแน่นอนครับ เมื่อออกมาแล้ว ตัวผม “พี สี่ภาค” ได้มีโอกาสไปงานเปิดตัว และ การทดสอบ จึงนำมารีวิวแบบขัดใจ สไตล์ “พี สี่ภาค” แน่นวล…
ราคาใหม่เพื่อนสะท้าน ???
เอาจริงๆ นะ จากการที่ผมได้ไปงานเปิดตัว หรือ รีวิวรถใหม่ สิ่งหนึ่งที่ได้รับทราบมาจาก “ท่านผู้ชม” ทั้งหลาย ตอนแรกก็คิดว่าอยากจะสนใจเรื่อง “แรงม้า” กันละมั้ง แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นอยากรู้เรื่อง “ราคา” มาก่อนเลย มันกลับทางกันนะ แต่ก่อนมอง “หุ่นดี สีสวย” กันก่อนอย่างอื่น ราคาเป็นด่านสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจ ถ้าถูกใจก็ยอม แต่ตอนนี้ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจด๊อกแด๊ก คนที่จะซื้อก็ต้องดูราคาก่อน แล้วก็ “อุปกรณ์ที่ให้มา” ว่าจะคุ้มค่ากับราคาไหม หรือ เทียบกับคู่แข่ง อันไหนเราจะ “ได้ประโยชน์” มากกว่ากัน ลูกค้าเดี๋ยวนี้มีทางเลือกมากครับ ข้อมูลก็หาได้ง่ายๆ เลยสามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจน เอ้า เอาราคาไปเบิ่งก่อน ส่วนสเป็ก อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีในแต่ละรุ่น เปิดเว็บดูได้เลยครับ เพราะมันเยอะจริงๆ…
3.0 Ddi Ultimate 4WD : 1,579,000 บาท
3.0 Ddi Ultimate : 1,479,000 บาท
1.9 Ddi Ultimate : 1,434,000 บาท
1.9 Ddi Elegant : 1,349,000 บาท
1.9 Ddi Luxury : เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 1,304,000 บาทเกียร์ธรรมดา 6 สปีด 1,254,000 บาท
1.9 Ddi Active : 1,109,000 บาท
ในส่วนของรุ่นรถ ทุกรุ่นจะมีเฉพาะ “เกียร์อัตโนมัติ” ยกเว้น 1.9 Ddi Luxury จะมี “เกียร์ธรรมดา” เพียงรุ่นเดียว ก็อาจจะโดนใจ “วัยซิ่ง” เน้นความบันเทิงใน “เกียร์มือ คลัตช์ Teen” หรือ ลูกค้าที่ชอบเกียร์ธรรมดา เช่น เน้นวิ่งทางไกล ใช้งานต่างจังหวัด ใช้งานหนัก ขึ้นลงเขาบ่อยๆ เกียร์ธรรมดาจะตอบโจทย์กว่า ส่วนรุ่น “ขับสี่” จะมีเฉพาะ 3.0 Ddi Ultimate 4WD อย่างเดียว ก็คือ “ตัวท๊อป” รุ่นอื่น “ขับสอง” หมดจ้ะ…
ในส่วนของ “ราคา” ที่ฝอยมานี้ จะเป็นราคา “สีเมทัลลิก” แต่ถ้าอยากได้สีพิเศษ “ขาวมุกโดไมท์” ก็ต้องเพิ่มเงินอีก “12,000 บาท” ทุกรุ่น ยกเว้น 1.9 Ddi Luxury เกียร์ธรรมดา และ 1.9 Active อันนี้ “อด” นะครับ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าจะซื้อสองรุ่นนี้ และอยากได้สีขาวมุกจริงๆ ลองเจรจาดู ผมว่าถ้าจะจ่ายตังค์ซะอย่าง ทาง ISUZU ก็คงไม่ใจร้ายหรอก (มั้ง) นะ…
แถมให้ ในเรื่องของ “สี” รุ่น Ultimate & Elegant จะมีให้เลือก 6 สี คือ น้ำตาลมาราเกซ (จะดูแนวคลาสสิก), ขาวมุกโดโลไมท์ (อันนี้ต้องเพิ่มตังค์), แดงเอทนา (ส่วนตัวว่าสีนี้สวยแปลกทันสมัย), ดำบาวาเรียน ไมก้า (แล้วแต่ชอบ แต่ส่วนตัวเฉยๆ กับรถสีดำ), เงินไอซ์เบิร์ก (จะออกเทาๆ ขรึมๆ ไม่เด่นมาก สำหรับคนที่ชอบอะไรส่วนตัวๆ) และ เงินโบฮีเมียน ไอซ์เบิร์ก (ก็สีเงินฟรุ๊งฟริ๊งเงาๆ หน่อย) ถ้ารุ่น Luxury เกียร์อัตโนมัติ จะเหลือ 3 สี คือ ดำบาวาเรียน ไมก้า, ขาวมุกโดโลไมท์, เงินโบฮีเมียน ไอซ์เบิร์ก ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดา และ Active จะเหลือสีเดียว คือ เงินโบฮีเมียน ไอซ์เบิร์ก…
เริ่มรีวิวละนะ
ผมไม่บรรยายเรื่องเส้นสายอะไรต่างๆ นะ เพราะคุณจะเห็นได้จาก “ภาพ” อยู่แล้ว หลายคนก็อาจจะผิดหวังบ้าง เพราะหน้าตามันเหมือนกับตัว D-MAX เลยมีเสียงว่า “เหมือนกระบะเลยว่ะ” มันก็แน่ล่ะ พื้นฐานมันมายังงั้นนี่หว่า แต่จริงๆ ก็มีการปรับโฉมความหรูหรามากขึ้นในรายละเอียด เช่น หน้ากระจัง และจุดอื่นๆ อีก ต้องพิจารณาดีๆ เพราะพวกเอาไปเทียบค่าย “โตโยเย” ตัว SUV กับ Pick Up จะฉีกแนวอย่างชัดเจน ซึ่งความโฉบเฉี่ยวจะดูเหนือกว่า แต่ภาพรวม MU-X รุ่นใหม่นี้ จะกลับไปแนว “คลาสสิก” เข้ามาอย่างเห็นได้ชัด ถ้าจอดเทียบกัน รับรอง “มองเพื่อนก่อน” แต่ถ้าคนชอบแนวคลาสสิก สวยหรู ก็กลับมามอง MU-X ส่วนด้านท้าย ที่คุยกับเพื่อนๆ สื่อ ภาพรวมจะออกแนว “มิตฮู” ตัวเก่า แต่ก็พยายามใส่ความโดดเด่นให้กับไฟท้าย ด้วยสไตล์ Smoke Lens อันนี้ก็แนวรถซิ่งยุค 80 – 90 ที่นิยมแฟชั่นโคมไฟเทาๆ ซึ่งมันก็ดูดุดันดีเหมือนกันนะ…
ภายใน อันนี้เป็นที่รู้เรื่องกันอยู่แล้นนนน…ตั้งแต่ D-MAX 2020 ดีไซน์นั้น “พลิกโฉม” ไปอย่างสิ้นเชิง หรูหรา เรียบร้อย คลาสสิก ที่ผมเน้นคำนี้ เพราะมันดูดีจริงๆ นำมาปนกับยุคใหม่ได้อย่างสวยงาม และที่ชอบ คือ “วัสดุภายใน” ที่ไม่ทำแบบ “คุณหลอกดาว” โดยเฉพาะนวมหน้าปัดที่เป็น “นวมแท้” ไม่เป็นพลาสติกฉีดแล้วตีเนียน เบาะนั่ง อันนี้แจ๋วจริง กระชับ สปอร์ต นั่งสบาย สไตล์ยุโรป (ลองดูว่ายุโรปค่ายไหน คุ้นๆ มั้ย) ทุกรุ่นจะได้เบาะสี Saddle Brown ที่ดูคลาสสิกอีกแล้ว แต่ดีอย่าง ถ้าเบาะครีมจะเลอะง่าย เบาะดำก็จะดูมืดไป พร้อมหนังสังเคราะห์ COOLMAX ที่ระบายความร้อนดี เวลาจอดตากแดดแล้วขึ้นมานั่ง จะได้ไม่ “ลวกตูด” แบบเบาะหนังทั่วไปที่รู้ว่า “นรก” เพียงใดถ้าจอดตากแดดนานๆ เว้นแต่รุ่น Active ที่จะได้เบาะผ้าสีดำ…
สำหรับความสบายในห้องโดยสาร เป็นไปตามมาตรฐานรถแบบนี้ ในด้านการเก็บเสียง ถือว่า “ดี” ขับแล้วสบายหู ทัศนวิสัยรอบด้านดี ตำแหน่งการนั่ง การขับ เหมาะสม (ถ้าคุณปรับเบาะได้ถูกต้องตามสรีระนะ) เฮดรูมดีขึ้น แต่ “เบาะแถวสาม” ที่หลายคนชอบถามกัน ก็คงเอาสบายมากไม่ได้ เพราะเนื้อที่มันจำกัดด้วยซุ้มล้อหลัง นั่งสองคนก็ “อิงแอบแนบชิด” ถ้าเป็นคู่รักใหม่ๆ คงดีมาก แต่ถ้าเป็นคู่เวรคู่กรรม ก็อาจจะต้องใช้ความอดทนสูงหน่อย ส่วนเนื้อที่วางขา ผมลองนั่งดู ความสูง 176 ซม. “ไม่สบาย” นักหรอก เพราะยังไงแถวสามมันก็ไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว เอาว่า “พอไปได้” แต่ขออย่าให้ถึงกับ “ทรมาน” เกินไปนักก็โอเคแล้ว ถ้าคนนั่งแถวสองจะกรุณาปรับเบาะให้หน่อยก็จะขอบคุณมาก…
ขุมพลังพัฒนาใหม่
ก็ยังคงเครื่องยนต์ 2 รุ่น คือ 1.9 Ddi จะใช้เครื่อง RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร “GEN 2” ที่มีการปรับโปรแกรมให้ตอบสนองเร็วขึ้น มีแรงม้า 150 PS เท่าเดิม แรงบิด 350 นิวตัน – เมตร อันนี้ที่เคยขับในตัวก่อน จะออกแนว “ต้นอืด” จริงๆ มันก็ไม่ได้แย่หรอก ถ้าคนทั่วไปขับมันก็พอเหลือเฟือ แต่พวก “ตีนติดไฟ” อยากจะได้อัตราเร่งไวๆ หน่อย ก็มีบ่นบ้าง งานนี้เสียดายที่ ISUZU ไม่มีรุ่น 1.9 ให้ลอง เลยยังตอบไม่ได้ว่ามัน “ดีขึ้นจริงไหม” ในบอดี้ MU-X ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ และ ตัวรถมีน้ำหนักมาก แถมยังเจอล้อ 20 นิ้ว เข้าไปอีก อันนี้แหละ “อยากลองจริงๆ” นะจะบอกให้…
อีกรุ่น คือ 3.0 Ddi ก็เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์ 4JJ3-TCX ที่พัฒนาใหม่หลายจุดเลย มีแรงม้าถึง 190 PS แรงบิด 450 นิวตัน – เมตร อันนี้ผมไม่ห่วงเท่าไร เพราะกำลังมันเหลืออยู่แล้ว อัตราเร่งดีตั้งแต่รอบต่ำ แรงบิดดี ต่อเนื่อง ตอบสนองนุ่มขึ้น แต่เร็วขึ้น แถมเกียร์ออโต้ทุกรุ่นยังมีระบบ REVTRONIC แถม Paddle Shift อันนี้ก็ชอบ ตำแหน่งดีมาก ไม่ยืนออกมาจนเกะกะนิ้ว แต่ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนั้น ผมเคยเหลาไปแล้วในคอลัมน์ Reed It More และ รายการ “สาระเร็ว” ในรุ่น D-MAX 2020 เข้าไปดูใน Links ข้างล่างนี้ได้เลย…
ขับดีแม่นยำขึ้นนุ่มนวลขึ้นแต่…
ระบบช่วงล่างพื้นฐานก็เหมือนเดิม เพียงแต่เซ็ตใหม่ ในรุ่น Ultimate ทั้งหมด จะได้ล้อ 20 นิ้ว ลายกงจักรเท่ๆ มาด้วยนะ มันก็จะช่วยเรื่องการเกาะถนนได้มากทีเดียวเชียว จากการที่เราได้ลองในสนามทดสอบ ซึ่งมีการจำกัดความเร็วตามเงื่อนไขความปลอดภัย และก็ถือว่าโชคดีในความโชคร้าย ที่มาเจอพายุฝนระหว่างขับพอดี จึงได้ทดสอบเงื่อนไขถนนเปียก เรื่องแรก “พวงมาลัยแม่นยำขึ้น” ปกติรถสูงๆ แบบนี้ จะมีการ “โคลงตัว” มากกว่ารถเตี้ยเป็นปกติ มันก็มาเกี่ยวกับช่วงล่างอีก รุ่นก่อนจะออกแนว “ย้วย” เยอะ ทำให้เข้าโค้งไม่คม แต่รุ่นใหม่นี้ ปรับให้ “เฟิร์ม” มากขึ้น ทำให้เกาะโค้งได้คมขึ้น แม่นยำกว่า แต่ในโค้งที่มี “ลอนคลื่น” ก็ยังพบอาการ “ท้ายยึกยัก” อยู่หน่อยๆ ซึ่งก็อาจจะลดความมั่นใจลงไปบ้าง แต่ก็ต้องเข้าใจเพราะรถถูกผลิตมาเน้นความนุ่มนวล นั่งสบายเป็นหลัก ได้อย่างเสียอย่างเป็นธรรมดา…
ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
นับว่ารถราคาขนาดนี้ ให้ระบบความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด ถือว่า ISUZU ใจถึงนะ เอาเป็นว่า มันเยอะแยะมากมาย เป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ADAS หรือ Advance Driver Assistant Systems ที่คอยช่วยเหลือคนขับให้ปลอดภัยมากที่สุด เราขอนำเฉพาะ “ของไฮไลต์” มาเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน…
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop And Go : อันนี้ ISUZU บอกไว้ว่าเป็นครั้งแรกในรถอเนกประสงค์ เราได้ลองนั่งจริง ระบบจะประเมินความเร็วรถคันหน้าจาก “กล้องหน้าคู่แบบ 3 มิติ” มีมุมทำงานประมาณ 60 องศา โดยระบบจะรักษาความเร็ว และ ระยะห่างที่ปลอดภัย โดยที่คนขับสามารถตั้งค่าระยะห่างได้อีก เมื่อรถคันหน้าลดความเร็ว ก็จะสั่งเบรกชะลอให้เอง ส่วน Stop and Go เมื่อรถคันหน้าชะลอจนหยุดนิ่ง ระบบก็จะเบรกให้เองจนหยุดนิ่งเช่นกัน เมื่อรถคันหน้าออกตัวไป ระบบก็จะสั่งรถเร่งตามไปเองอีก โดยที่คนขับไม่ต้องเหยียบแป้นใดๆ เลย แต่เงื่อนไข คือ ต้องหยุดไม่เกิน 2 วินาที ถ้าเกิน ระบบจะตัดการทำงาน ต้องกดปุ่ม Resume หรือ เหยียบคันเร่ง ก็จะเข้าสู่การทำงานอีกครั้ง…
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ : จริงๆ มันจะมีระบบ “แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า” ก่อน แสดงผลที่จอ MID และ “สะท้อนไปที่กระจกหน้า” ให้รู้ว่ามึงควรเบรกแล้วนะ แต่ถ้ายัง “เพิกเฉย” อีก และระบบจับได้ว่า “เสี่ยงจะทิ่มแล้ว” ก็จะ “สั่งเบรกอัตโนมัติ” พร้อมแสงกะพริบที่กระจกบานหน้า ไฟเบรกหลังจะติดขึ้นเองเช่นกัน แต่มันจะเบรกถึงจุดหยุดนิ่งไม่เกิน 2 วินาที นะครับ หลังจากนั้นคนขับต้องเบรกเอง โดยระบบนี้จะทำงานเป็นช่วงกว้างมากๆ ตั้งแต่ 8 – 160 km/h…
- ระบบตัดการทำงานเมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด : อันนี้เคส “เผลอเรอ” ประมาณว่า “Teen ลั่น” เหยียบคันเร่งมาก ในขณะที่ด้านหน้ามีสิ่งกีดขวางในระยะไม่เกิน 4 เมตร ถ้าคนขับเหยียบเกิน 30 % ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อลดความบรรลัยในการชน และยังมีระบบเตือน (ด่า) เหมือนเดิม เพื่อให้คนขับยกคันเร่งเสียที…
คำเตือน : ระบบเหล่านี้ ถือว่าเป็น “ระบบช่วยเหลือ” เพื่อ “ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ” เท่านั้นนะครับ ไม่ได้หมายความว่ามีระบบนี้แล้วจะ “ไม่เกิดอุบัติเหตุ” หากขับอย่าง “ไร้สติ ประมาท” ระบบมหาเทพอะไรก็ช่วยไม่ได้ บนไอ้ไข่ก็ไม่มีผล…
เชิญพบกับรถยนต์นั่งอเนกประสงค์รุ่นใหม่หมด “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” เหนือทุกความเชื่อ…เหนือทุกความสำเร็จ (“ALL-NEW ISUZU MU-X”…ORIGINALITY REDEFINED)ได้ที่โชว์รูม อีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน ศกนี้ หรือ ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com
Facebook page : All-New Isuzu MU-X
LINE Official : Isuzu Thailand