เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ภาพ : NISSAN MOTORS (Thailand) Official
หลังจากที่ทำตัวเป็น “กระทงหลงทาง” อยู่นาน ด้วยดีไซน์ของ NAVARA รุ่นก่อน ที่ออกจะดูแล้ว “ไม่เข้าทาง” กับสไตล์ของตัวรถเสียเท่าไร ผมได้ยินหลายคนพูดมาอย่างนั้น และก็เชื่อว่า ลูกค้าหลายคนก็ “อยากจะได้สิ่งใหม่” กับ NISSAN ยุคล่าสุดเสียที โดยเฉพาะ NAVARA ที่ถือว่าเป็น “รถชูโรง” ของ “นิสสันไทย” ณ ตอนนี้ (ถ้าตัวนี้ไม่ทำคะแนนเสียแล้ว NISSAN จะเอาอะไรกินนะ) ต้องยอมรับว่า “ลุค” คือ The First Impression “ความประทับใจแรกพบ” แต่หากคะแนนตรงนี้ “ดับ” เสียแล้ว ก็ย่อมเป็นที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง ที่คนจะหันหลังให้ก่อนจะรู้ว่ารถคันนั้นมีดีอะไร…
สำหรับ NAVARA โฉมใหม่ ที่เราจะได้กระทุ้งมาฝอยกันให้ฟังนี้ เป็นทริปทดสอบแบบ One Day Trip ซึ่งตอนแรกก็วางเส้นทางไว้สวยหรูว่าจะไป “ขึ้นเขาภาคเหนือ” แต่โดนโควิดซะก่อนก็เลยย่อยๆ ลงมาก็แล้วกัน มีรถ 2 รุ่น คือ VL ที่จะเน้นความสะดวกสบาย หรูหรา และตัว Top อย่าง PRO – 4X ที่หลายคนเฝ้ารอตัวเป็นๆ ซึ่งผม “พี สี่ภาค” ก็จะได้ลองขย่มตัวนี้ สำหรับเส้นทางการขับขี่ ก็จะมีทั้ง On Road และ Off Road โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “เขาแด่น” อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี เรียกว่าปีนเขากันแบบคนปกติทั่วไปคงไม่หาทำขึ้นไปแน่ๆ แต่เราก็อยากรู้ ว่า NAVARA ตัวใหม่ ทั้ง VL และ PRO – 4X จะกู้หน้าคืนกลับมาได้ไหม…
“หาฝั่งเจอเสียที” !!!
คงไม่พรรณณากันยาวไปนะครับ เอาเป็นว่า รุ่นไหนมีอะไรบ้าง ข้อมูลละเอียดเปิด “เว็บไซต์” ดูแล้วกันเพื่อความชัวร์ ส่วนข้อมูลต่างๆ จะอยู่ในรูป Info เรียบร้อย อ่านง่ายกว่าบทความยาวๆ จะว่าขี้เกียจก็อาจจะมีส่วน 54.648 % แต่ความรู้สึกผม ขอ “ตีรวบ” ถึงความรู้สึก สไตล์ “พี สี่ภาค” แบบที่ไม่มีตำราที่ไหนบอกไว้เลยแล้วกัน…
ภายใต้แนวคิด “Unbreakable” ที่ NISSAN สร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับ New NAVARAกระจังหน้า แบบ “Interlock” และไฟหน้า LED 4 ดวง รูปทรงสี่เหลี่ยม (Ice-Cube) อันนี้ฉีกแนวไปจากรุ่นก่อนโดยสิ้นเชิง ดูแล้ว “โคตรแมน” กว่าเดิมเยอะเลย ออกสไตล์ “อเมริกัน” บึกบึน ซึ่งดูแล้ว “สมควรกับระดับชั้นของรถ” อย่างมาก หลายคนรู้สึกดีกับดีไซน์นี้ ซึ่งตัว VL จะเน้นกระจังโครเมียม เพิ่มความหรูหรา แต่ PRO – 4X จะเป็นสีดำ ดุดัน หนักแน่น สมกับเป็นตัวลุยจริงๆ อันนี้ยอมรับว่า NISSAN คิดถูกที่ใช้ดีไซน์นี้มาเรียกความมั่นใจกลับคืน…
เปลี่ยนสิ่งที่ขัดตาเสียทีดูดีแต่…
ส่วนภายใน ผมก็ไม่ได้ซีเรียสหรอกว่าจะต้องแนวคิดแบบไหน สนใจแต่ว่า “คิดแล้วถูกใจคนซื้อหรือเปล่า” นี่เรื่องใหญ่ ในภาพรวมของรุ่น PRO – 4X ก็ยังใช้พื้นฐานรุ่นก่อน แต่ปรับปรุงให้ดุดันขึ้น ด้วยโทนสีดำ ข้อดีอีกอย่าง คือ “เลอะยาก” เหมาะสำหรับงานลุยๆ สิ่งที่ “ถูกใจ” ที่สุด ก็คือ “วงพวงมาลัย” เปลี่ยนใหม่เป็นแบบ 3 ก้าน แนวสปอร์ต เรียกว่า “เออว่ะ เปลี่ยนซะทีเถอะ” แถมความร้อนแรงด้วย “โลโกแดง” ทำให้รู้สึกเหมือน “ตั้งใจทำให้” เรียกว่าแม้จะหากินกับของเดิมอยู่เยอะ แต่ก็ทำให้อารมณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเทคโนโลยี Gadget เยอะแยะ อย่าง NISSAN CONNECT ที่เชื่อมได้ทั้ง Apple Car Play และ android auto จะได้ไม่ต้องตีกัน…
เรื่อง Gadget น่ะ ช่างมันก่อน ด้วยความที่เรามีเวลาน้อย จึงโฟกัสเรื่องของ “ความกระชับ สบาย ในการขับขี่แบบภาพรวม” อันนี้เป็นสิ่งหลัก เบาะหน้า เรื่องของ “วัสดุ” เป็นหนังที่ดูดีเลยนะ รู้สึกนุ่ม แต่ไม่ลื่นแพร่ดไปแพร่ดมา และดูจะรักษาง่าย ดีไซน์แบบสปอร์ตแมนๆ ขลิบด้ายแดงตามเทรนด์รถซิ่งนิยม ส่วนเรื่องของ “สรีระการนั่ง” ทาง NISSAN ฝอยไว้ว่าเป็นแบบ Zero Gravity ที่ “รักษาแนวกระดูกสันหลัง” อันนี้ก็อยู่ที่ “การปรับเบาะให้ถูกต้อง” ด้วยนะครับ ถ้าประเภท “นอนขับ”
สำหรับการ “ลองขับและนั่งจริง” ในส่วนของ “คนขับ” เบาะรู้สึกกระชับ แน่น ตอนแรกๆ อาจจะไม่ชินตูด รู้สึกแข็ง แต่พอนั่งไปสักพักจะรู้สึกเข้าที่ สบายขึ้นมาก ดีกว่าพวกเบาะนิ่มๆ ย้วยๆ เหมือนโซฟา นั่งแรกๆ ก็ดี นั่งนานหน่อยโคตรทรมาน แต่ติดใจของ “คนนั่ง” เหมือนกับส่วนที่รองนั่งมันจะ “เรียบเป็นแนวนอนเกินไป” มันควรจะ “กระดกหน้าขึ้น” เพื่อรับกับ “ใต้ต้นขา” พอเรียบๆ แล้วรองต้นขาไม่ถึง นั่งแล้วเมื่อยว่ะ แต่ของคนขับไม่มีปัญหา เพราะสามารถปรับ Tilt กระดกได้ อันนี้ก็เป็นความรู้สึกที่เล่าสู่กันฟังเด้อครับ แต่ส่วนอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ดูแล้วฟรุ๊งฟริ๊งเยอะแยะ แต่ผมมองว่ามัน “ใช้งานง่าย” และ “ทัศนวิสัยดี” นี่แหละตรงใจคนดิบๆ อย่างผม…
การขับขี่ช่วงล่างและเบรกดีแต่…อีกแล้ววววววว
ในส่วนของช่วงล่าง โดยปกติ NAVARA ก็จะขึ้นชื่อในด้านความ “ปึ้กปั้ก” ถ้าเป็นในรุ่นแรกที่เจอ คือ รู้สึกแข็งกระด้างในความเร็วต่ำ แต่มั่นคงในความเร็วสูง คนที่ใช้งานในเมืองเป็นหลักอาจจะไม่ถูกใจ แต่คนวิ่งทางไกลจะชอบ ตัวใหม่ก็ปรับให้นุ่มลงมาหน่อย (มั้ง) แต่ฟิลลิ่งดั้งเดิมของมันก็ยังคงอยู่ ขับในเมืองเวลาเจอพวก แผ่นปะ สันถนน ฝาท่อ มาแบบรัวๆ จะรู้สึกแข็งปึ้กปั้กอยู่บ้าง แต่ในความเร็วสูง มีความมั่นคง กระชับ ขับสนุกดีว่ะ ก็ตอบโจทย์สำหรับ “สายขับ” แหละครับ…
ในทาง Off Road ที่ NISSAN ใจดีพาสื่อไปขึ้น “เขาแด่น” ที่เส้นทางแบบ “รับน้องใหม่” ตื่นเต้นใช้ได้ เอาเป็นว่า ขนาดผมก็เคยฝึกฝนในการขับทาง Off Road Training มาบ้าง เลยกลายเป็นมือใหม่ไปเลย แต่ก็ดีครับ เราจะลองดูว่าเจ้า NAVARA PRO – 4X มันจะช่วยอะไร Goo ได้มั่งนี่ ??? ระบบที่ช่วยเหลือเรา มีดังนี้…
- SHIFT – ON – THE – FLY : จริงๆ ก็ไม่ได้ใหม่อะไร เป็นพื้นฐานของรถลักษณะนี้ แต่ให้คนที่ “ไม่เคย” ได้รับทราบไว้เป็นความรู้ โหมดการขับขี่ 2H ขับเคลื่อนสองล้อแบบปกติ, 4H ขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบวิ่งไฮเวย์ได้ กรณีฝนตก ถนนลื่น หรือ มีการลุยระดับเบาถึงกลาง แต่เราใช้โหมดนี้ขึ้นเขาแด่นเป็นหลัก ดูจะไปไม่ได้แต่มันก็ไปได้นะ สองโหมดนี้ “สามารถเปลี่ยนในขณะที่รถวิ่งได้เลย” แต่ความเร็วไม่เกิน 80 km/h เพื่อเซฟระบบ ส่วน 4L ขับเคลื่อนสี่ล้อ สำหรับเส้นทางโหดสุดๆ เพราะจะใช้อัตราทดสูงมากๆ เพื่อเรียกกำลังในการฉุด ปีนไต่ ที่มากกว่าปกติ แต่รถจะมีความเร็วต่ำมาก อันนี้จะต้อง “ใช้และปลด” ในขณะ “รถจอดสนิทเท่านั้น” และพวงมาลัยควรจะตั้งตรงด้วย โหมดนี้ไม่ควรไปวิ่งถนนปกติเด็ดขาด เราลองใช้ในช่วงที่ต้องปีนไต่ร่องหินโหดๆ เรียกว่าช่วยให้ขับง่ายขึ้นเยอะเลย และไม่ค่อยออกอาการกระโดกกระเดกขับยากแล้ว แถมยังมีโหมด HDC ดึงรถไว้สำหรับลงเขาชันๆ แต่ถ้าไม่ชันมากใช้เบรกเอาดีกว่า…
- IAVM OFF – ROAD : เป็นกล้องมองรอบทิศทาง อันนี้ดี เพราะทำให้สังเกตมุมบอดได้ง่าย ช่วยได้มากสำหรับรถสูงและมีขนาดใหญ่ ในเส้นทางออฟโรด จะช่วยให้เรามองเห็นมุมบอด ว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง ก็ดีครับ มันช่วยให้ประเมินเส้นทางได้ละเอียดขึ้น…
- Brake Limited Slip Differential & Electronic Locking Differential : ช่วยลดอาการ “หมุนฟรี” ของล้อ อย่างกรณีทางปีนหินแบบนี้ ล้อจะมีโอกาสลอยข้างหนึ่งเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีระบบ “ลิมิเต็ดสลิป” ล้อที่ลอยก็จะฟรี ล้ออีกข้างก็จะไม่มีกำลังขับเคลื่อน รถก็จะไปไม่ได้ แต่ถ้ามีระบบนี้ ล้ออีกข้างจะมีกำลังขับเคลื่อนเสมอ ทำให้รถฝ่าอุปสรรคไปต่อได้…
หลังจากที่ได้ลองปีนไต่ทางออฟโรด ที่จะเป็นลักษณะ “โขดหินผา” ตามภาพ ซึ่งดูแล้วก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่ แม้จะมีประสบการณ์มาบ้างก็ยังมีลุ้น ก็ยังดีที่ระบบต่างๆ ช่วยเหลือทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นอย่างมาก และ การใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เรียนรู้หน่อยก็สบาย อ้อ ส่วนเรื่อง “เบรก” พูดสั้นๆ ว่า “ชอบ” ครับ พอๆ กับช่วงล่าง น้ำหนักเบรก การตอบสนองต่อเท้า ทำให้อย่างดี ขับง่าย มั่นใจ ต้องลองเองครับ รับรองไม่ใช่แบบทำ “เบรกจับไวเกิน” หัวทิ่มหัวตำ เพื่อหลอกว่าเบรกดี…
เรื่องหนึ่งที่ติดใจ คือ “ระบบบังคับเลี้ยว” เรื่องของ “อัตราทดพวงมาลัย” NAVARA ใหม่ ได้เปลี่ยนอัตราทดให้ “กระชับขึ้น” (ตามภาพ) ทำให้การขับขี่ที่ต้องเลี้ยวในมุมแคบ การถอยจอด ทำให้ง่ายขึ้น อันนี้ต้องลองเองนะครับถึงจะสัมผัสได้จริง น่าจะถูกใจ “คนเมือง” นะแบบนี้ แต่ว่า เรื่องของ “น้ำหนักพวงมาลัย” ความรู้สึกส่วนตัวออกจะ “เบา” และ “โหวงมือ” ไปหน่อย การตอบสนองควรจะกระชับกว่าเดิม แต่ก็รู้สึกว่ามัน Delay มากขึ้นอีก เลยทำให้ความมั่นใจลดลง ไม่รู้สิ เพื่อนๆ ที่ไปทดสอบด้วยกันก็เห็นตรงกัน เพราะต่างคนก็ชอบฟิลลิ่งเดิมๆ ที่จะหนักแน่น กระชับกว่านี้ อันนี้ก็ต้องให้ทาง NISSAN พิจารณากันหน่อยละ แต่เชื่อว่า “เพื่อนที่แสนดี” ก็ยอมรับฟังความคิดเห็นเสมอนะ…
เครื่องตัวใหม่หอยแฝดแรงนุ่มๆ
ขุมพลังเป็นตัวเดียวกับ TERRA ก็คือ YS23DDT ความจุ 2.3 ลิตร จุดดีเด่นอยู่ที่ “ทวินเทอร์โบ” แรงม้าอยู่ที่ 190 PS ที่ 3,750 rpm แรงบิด 450 นิวตัน – เมตร ที่ 1,500 – 2,500 rpm ที่ NISSAN พยายามชูโรงว่าเป็น Flat Torque ซึ่งเหตุผลที่ทำเป็น “ทวินเทอร์โบ” ก็เรื่องนี้เป็นหลักมากกว่าตัวเลขโชว์นั่นแหละ การตอบสนอง ตอนแรกก็หวั่นๆ เพราะขนาด YD25DDT ก็ยังมีปัญหาเรื่อง “รอรอบ” ในช่วงก่อน 2,500 rpm ทำให้ขับแล้วน่ารำคาญ แต่ตัวนี้ “ไม่เป็น” การตอบสนองราบลื่นตั้งแต่รอบต่ำไปยันรอบสูง เอาจริงๆ ขับแรกๆ รู้สึก “ไม่แรง” มันไม่ได้กระโชกเหมือนบางยี่ห้อ แต่มันไปเนิบๆ ดูเข็มความเร็วแล้วถึงรู้ว่ามันไปเร็ว ไม่ต้องเน้นคันเร่งมาก ทำให้ขับสนุก ประหยัด ดีกว่าเก่าเยอะเลย ส่วน “เกียร์” ก็ตอบสนองได้ดี ชอบที่ว่ามัน “คงจังหวะเกียร์ไว้อย่างเหมาะสม” ไม่ใช่จะเอะอะนิดหน่อยจะเปลี่ยนเกียร์สูงอย่างเดียวโดยที่รถยังไม่มีกำลังพอ อันนี้ “สอบผ่าน” ทั้งเครื่องทั้งเกียร์ ครับ…
บทสรุป NISSAN NAVARA PRO – 4X ที่เราได้ขยี้กันมานี้ถูกเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่เพื่อให้ “เข้าตา” มากขึ้นมีความทันสมัยดุดันเชื่อว่าน่าจะเรียกแขกเรียกยอดขายได้มากขึ้นโดยเฉพาะคนที่ชอบรถโหดๆลุยๆได้มีลุ้นเสียตังค์ถ้าใครชอบ “เน้นคุยไม่เน้นลุย” ก็มีตัว PRO – 2X ให้เลือกด้วยแต่ถ้าคนที่ชอบความเรียบหรูก็มีตัว VL ที่ขับได้นุ่มนวลกว่า (เพราะเป็นยาง H/T เน้นวิ่งถนนปกติ) อันนี้ก็แล้วแต่ “ถูกจริต” แต่ท้ายสุด “อย่าเชื่อผมมากผมโม้” ฝากไว้ว่า “สงสัยให้ขับ” แล้วท่านจะหายสงสัย…