ลองขับจริง ใน ALL NEW HONDA CIVIC เครื่อง 1.5 TURBO และ 1.8 ลิตร
เส้นทาง ภูเก็ต-พังงา-กระบี่
หลังจากทีมงาน XO AUTOSPORT ได้ร่วมทดสอบและลองขับรถยนต์ซีดานรุ่นใหม่ ALL NEW HONDA CIVIC รหัสตัวถัง FC เจเนอเรชั่นที่ 10 โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร และ 1.5 TURBO โดยเส้นทางที่เราใช้ทดสอบ เริ่มจากจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ระยะทาง 270 กิโลเมตร
ทีมงานเราออกสตาร์ทจากโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท ภูเก็ต ไม้ขาว บีช มุ่งหน้าไปจังหวัดกระบี่ เราทดสอบรถ ALL NEW HONDA CIVIC เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร กันก่อน โดยผม พงศ์พล จันทรัคคะ กองบรรณาธิการ นิตยสาร XO AUTOSPORT ขับร่วมกับ คุณสุธีร์ จาก AUTO FREE STYLE ก่อนขึ้นรถเราได้ทดลองระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (ENGINE REMOTE START) จากนอกรถ ซึ่งเป็นออปชั่นที่เหมาะสำหรับอากาศบ้านเราในตอนนี้ เปิดแอร์เย็นๆ ไว้รอ ก่อนทดลองขับ จากการขับในวันนั้น เราได้ทดลองขับรุ่น 1.8EL เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT รุ่นใหม่ พร้อมกำลังกว่า 141 แรงม้า ที่รองรับพลังงานทางเลือก E85 ได้ สิ่งแรกที่ประทับใจตั้งแต่ได้ลองนั่ง คือความกว้างขวาง สะดวกสบายมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยตัวถังกว้างขึ้นอีก 45 มม. ตัวรถต่ำลง 20 มม. ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารนั้นกว้างขวาง ช่วงล่างมีฐานล้อที่กว้างขึ้นและต่ำลง ทำให้ตัวรถนั้นมีความยึดเกาะถนนที่ดีตามไปด้วย พร้อมน้ำหนักตัวรถลดลงอีก 22 กิโลกรัม ภายในของ CIVIC ขึ้นชื่อเรื่องการดีไซน์ที่สวยงาม ผสมผสานความเป็นสปอร์ต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย ตัวเบาะติดตั้งในตำแหน่งที่ต่ำลงในส่วนของสะโพกอีก 30 มม. จึงมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ให้อารมณ์แบบรถสปอร์ต รับรู้อาการของรถได้รวดเร็ว และมีช่องว่างระว่างตัวเบาะกับด้านข้างที่กว้างมากขึ้น ตำแหน่งการวางเท้าที่ดูลึกลงไป ในตำแหน่งที่กำลังสบาย การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารถือว่าเงียบ มีเสียงลมภายนอกเล็ดรอดเข้ามาน้อยมาก เล่นเอาผมหลับไปได้หนึ่งตื่น เพราะความสบายจริงๆ 555 แต่รุ่นที่ผมทดสอบเป็นรุ่น 1.8EL ใช้ยาง DUNLOP ซึ่งมีเสียงดังของดอกยางเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างชัดเจน ในรุ่นนี้จะใช้ล้อขนาด 16 x 7 นิ้ว ยาง 215/55R16
อัตราเร่ง ใครว่า 1.8 ลิตร ไม่ดี แต่สำหรับตัวผมแล้ว เป็นการผสมผสานระหว่างตัวเครื่องและระบบส่งกำลัง CVT รุ่นใหม่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ดีเลย์ให้เสียอารมณ์ พูดง่ายๆ คือ ในจุดของกำลัง ถือว่าผ่าน ถึงแม้เส้นทางในการทดสอบมีเนินเขาบ้าง การเร่งแซงบ้างก็ถือว่าดีตอบสนองได้ดี ส่วนการโยนโค้ง เข้าโค้ง ช่วงล่างตอบสนองได้ดี เชื่องมือ ในอัตราความเร็วที่เหมาะสม ราคาค่าตัวของรุ่น 1.8 ลิตร เริ่มต้น รุ่น 1.8 E ราคา 869,000 บาท และรุ่น 1.8 EL ราคา 959,000 บาท นับว่าเป็นรถซีดานที่น่าจับตามองอีกหนึ่งรุ่น
ช่วงบ่ายเราใช้เส้นทางเดิมจากกระบี่กลับมายังภูเก็ต แต่เปลี่ยนรถเป็นรุ่นที่สื่อมวลชนหลายคนอยากลอง… ALL NEW HONDA CIVIC 1.5 TURBO RS ท็อปสุด หล่อเหลา ดุดัน ด้วยกระจังหน้าสีดำ มือจับประตูด้านนอกโครเมียมดำ ไฟหน้าและไฟตัดหมอกคู่หน้า LED ด้านข้าง สังเกตที่ตัวกระจกมองข้างด้านซ้าย จะมีกล้องจับภาพ แสดงภาพมุมอับสายตา ก่อนที่เราจะเปลี่ยนเลน HONDA LANEWATCH แสดงผลขึ้นบนหน้าจอขนาด 7 นิ้ว บนคอนโซลหน้า ซึ่งระบบนี้หลายท่านคงเคยเห็นใน HONDA ACOORD มาแล้ว ด้านท้ายโดดเด่นด้วย สปอยเลอร์หลังพร้อมโลโก RS สีแดงด้านท้าย ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมปลายท่อไอเสียแบบคู่ แยกออกซ้ายและขวา
ภายใน มากับเบาะหนังแท้ เหมือนๆ กับรุ่น 1.8EL พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นกัน ตัวเรือนไมล์รุ่น RS จะเป็นสีแดงดำ ได้อารมณ์ถึงความแรง พร้อมขีดบอกอัตราการบูสต์เทอร์โบที่อยู่ตรงกลางเรือนไมล์ ขึ้น-ลง ตามแรงดันบูสต์ โดยเราสังเกตได้ว่าในรอบเครื่องประมาณช่วงรอบ 1,600-1,700 รอบ/นาที เครื่องยนต์เริ่มติดบูสต์แล้ว ทำให้รอบต้นมีอัตราการเร่งที่ดี หลังจากนั้นเรากดคันเร่งต่อไป เพื่อดูอาการบูสต์ของเทอร์โบ เรียกได้ว่ามีอาการหลังติดเบาะแบบเบาๆ ให้เราได้อารมณ์แบบรถสปอร์ตเข้ามา ทำให้ผู้ขับขี่นั้นสนุกขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เพียง 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO กว่า 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 ก.ก./ม. ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที แต่อยากจะบอกสักนิดนึง หากคิดว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้ผลิตออกมาไม่ได้ตอบสนองพวกที่อยากแรง อยากซิ่ง แต่ทางฮอนด้าสร้างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร TURBO ขึ้นมา เพื่อลดมลภาวะ ตามมาตรฐาน EURO4 แถมประหยัดน้ำมันมากขึ้น ในความจุเครื่องยนต์ ซี.ซี.ต่ำ ก็ช่วยลดภาษีไปด้วยในตัว
ด้วยความรู้สึกที่ผมได้ลองขับรุ่น 1.5 TURBO ถือว่าประทับใจ เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT รุ่นใหม่ ได้อย่างต่อเนื่อง นุ่มนวล เทอร์โบรหัส TD03 จาก MITSUBISHI ตั้งอัตราการบูสต์ไว้ที่ 1 บาร์ ควบคุมอัตรการบูสต์ให้คงที่ด้วยเวสต์เกตไฟฟ้า แถมยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20 ได้ ส่วนการเก็บเสียงในห้องโดยสาร โดยรวมถือว่าดีครับ เงียบกว่ารุ่น 1.8 EL ที่มีเสียงของดอกยางเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างมากกว่า ทั้งที่ขนาดยางในรุ่น RS จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 x 7 นิ้ว ที่ใหญ่กว่า ส่วนหน้ากว้างของยางเท่ากัน แต่แก้มยางจะเตี้ยกว่า คือขนาด 215/50R17 คันนี้ ใช้ยางของ BRIDGESTONE TURANZA ER33 โดยราคาค่าตัวของรุ่น TURBO RS จะอยู่ที่ 1,199,000 บาท
- 1.5 VTEC TURBO
.
COMMENT พงศ์พล จันทรัคคะ บรรณาธิการ นิตยสาร XO AUTOSPORT
สรุป การทดสอบขับขี่ทั้งรุ่น 1.8EL และ 1.5 TURBO RS พูดถึงรุ่น 1.8EL ก่อนนะครับ ถือว่าโอเค ประทับใจทั้งอัตราเร่ง และระบบส่งกำลัง ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว นิ่มนวล ไม่มีอาการดีเลย์ให้เห็นและรู้สึกเสียอารมณ์ ตัวเบาะ จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ได้อารมณ์แบบรถสปอร์ต บางครั้งหลายคนบอก คนตัวเล็กอาจจะมองไม่เห็นด้านหน้า หรือขับลำบากขึ้นกว่าเดิม จริงๆ แล้ว เบาะฝั่งคนขับสามารถปรับให้สูงขึ้นได้ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งตำแหน่งก็จะกำลังพอดี ส่วนเรื่องของช่วงล่างถือว่าดีครับ ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น มักจะเกาะถนนดีขึ้น ระบบเบรกน่าพอใจครับ ตอบสนองตามน้ำหนักของเท้าที่เราเหยียบได้อย่างนิ่มนวลกว่ารุ่นก่อน ส่วนที่ไม่ประทับใจคือเรื่องของช่วงล่าง ในรุ่น 1.8EL จะได้ยินเสียงของหน้ายางสัมผัสพื้นถนนในช่วงใช้งาน มีเสียงดังรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างมาก ในรุ่นนี้ใช้ยาง DUNLOP ENASAVE EC300 ขนาด 16 นิ้ว
ในรุ่น 1.5 VTEC TURBO RS การตอบสนองดีเช่นกัน ทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่ทำงานสัมพันธ์กันได้อย่างดี อัตราเร่งตั้งแต่ออกตัว กระฉับกระเฉง รวดเร็ว ในรอบต้นถือว่าทำได้ดีทีเดียว ตั้งแต่รอบ 1,600 รอบ/นาที บูสต์ก็มาแล้ว ขับสนุกครับ อัตราการบริโภคน้ำมันหรือการสิ้นเปลืองน้ำมัน ทางผมอาจจะไมได้มองถึงจุดนั้น เพราะกำลังทดสอบถึงจุดสูงสุดของเครื่องยนต์ตัวนี้ ซึ่งขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ไม่ได้ชูเรื่องประหยัดน้ำมันมาให้ทราบกัน ส่วนความเร็วสูงสุดที่เราทำได้ 201 กม./ชม. ซึ่งจริงๆ แล้ว เครื่องยนต์ยังมีกำลังเหลือ พาความเร็วไปต่อได้อีก แต่ถนนหมดซะก่อน แต่คาดว่า 210 กม./ชม. น่าจะทำได้ ส่วนช่วงล่างในรุ่น RS ทางฮอนด้าได้ปรับชุดโช้คอัพและสปริงให้หนึบขึ้นกว่ารุ่น 1.8EL ระบบเบรกเหมือนๆ กับรุ่น 1.8EL สร้างความมั่นใจได้ดีทีเดียว ช่วงล่างเงียบ ไม่มีเสียงรบกวนจากดอกยางเหมือนรุ่น 1.8EL ส่วนที่ไม่ประทับใจในบางจุด คือ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร ทั้งที่เสียบ USB และช่องเสียบที่จุดบุหรี่ การใช้งานค่อนข้างลำบากในทั้งสองรุ่น คืออยู่ด้านล่างสุดของคอนโซลหน้า ตำแหน่งอยู่ค่อนข้างลึก ยิ่งเวลากลางคืนถ้าไม่มีไฟส่องสว่างจะใช้งานลำบาก รวมทั้งในรุ่น 1.5 TURBO RS จะมีหม้อพักไอเสียแยกออกซ้ายและขวา หากเพิ่มความสวยงาม ก็น่าจะเพิ่มปลายท่อแบบโครเมียมมาให้ด้วยก็จะดีกว่านี้ครับ ส่วนความสวยงาม ทางฮอนด้ายังมีชุดแต่ง MODULO ให้ลูกค้าได้เลือกความเป็นสปอร์ตรอบคัน พร้อมล้อขนาด 17 นิ้ว สีดำดุดันอีกด้วย…
- ชุดแต่ง MODULO
.
เพื่อนๆ สามารถเข้าไปรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.honda.co.th/civic/
ราคา ALL NEW HONDA CIVIC (FC)
- รุ่นTURBO RS ราคา 1,199,000 บาท
- รุ่นTURBO ราคา 1,099,000 บาท
- รุ่น8 EL ราคา 959,000 บาท
- รุ่น 1.8 E ราคา 869,000 บาท