ในบ้านเรารถฮอนด้าเป็นที่นิยมเอามาทำเป็นรถแข่งกันมาก ส่วนใหญก็จะอยู่ในตระกูลซีวิค ไล่เรียงกันมาตั้งแต่บอดี้ EF, EG และ EK แต่หลังจากบอดี้ EK ก็ไม่มีใครเอาบอดี้ ES มาทำรถแข่งกันอีก จะมีก็แค่รถของคุณเอกประวัติ เพชรรักษ์ ที่เป็นบอดี้ ES ในบ้านเราเลย
ช่วงนั้นกลายเป็นช่องว่างของรุ่นซีวิค ที่ไม่มีใครเปลี่ยนรถกันเลย หรือถ้าเปลี่ยนก็จะหันไปเล่น DC5 ตามแบบเมืองนอก จนไม่นานมานี้กระแส FD2 เริ่มแรงขึ้นมา หลาย ๆ คนเริ่มมีการขยับมาเป็น FD2 ซึ่งไม่ว่าจะเป็น DC5 หรือ FD2 ทั้งคู่ถือเป็นรถในยุคใหม่ของฮอนด้า ใช้เครื่องยนต์ใหม่เอี่ยมอย่าง K20A ช่วงล่างใหม่ ที่ฮอนด้าเลิกใช้ระบบ Double Wishbone
มาถึงตอนนี้รถแข่งในบ้านเราส่วนใหญ่ก็จะกลายมาเป็น DC5 ไม่ก็ FD2 กันเกือบหมดแล้ว จะเหลือ EK อยู่บ้าง EG แทบจะไม่เห็น ก็เป็นไปตามกาลเวลา ของใหม่ ๆ ใครก็อยากขี่… และนี่เป็นรุ่นล่าสุดที่มีคนเอามาทำเป็นรถแข่ง CIVIC FN2 TYPE R และคันนี้ก็เป็นคันแรก และคันเดียวในบ้านเรา
BODY WORK CUSTOM IN THAILAND
นักแข่งบ้านเราส่วนใหญ่จะสร้างรถแข่งขึ้นเอง โดยใช้ช่างคนไทย ซึ่งก็มีฝีมือไม่แพ้ต่างชาติ หรือบางทีอาจจะดีกว่าเสียด้วย ในเรื่องงานฝีมือ การเชื่อมตัวถัง ดัดโรลบาร์ ซึ่งในต่างประเทศ ช่างฝีมือพวกนี้มีค่าตัวสูงมาก แต่ได้งานไม่ต่างกัน ทำให้การซื้อรถทั้งคันเข้ามามีราคาสูงมาก
FN2 คันนี้ก็เป็นฝีมือช่างไทยอีกคันหนึ่ง โดยที่เจ้าของรถคือ คุณมี่ ธนากร อัษฎาธร โดยมีช่างเผือก ช่างที่คลุกคลีอยู่กับรถแข่งเซอร์กิตมานาน เป็นผู้ปั่นให้ คุณมี่ เอารถ FN2 มาทำรถแข่ง โดยเอารูปรถแข่งจากเมืองนอกให้ดู ซึ่ง คุณมี่ ก็เห็นชอบด้วย เพราะรูปทรงที่สวยงาม ประกอบกับรถแข่งคันเก่าคือ CIVIC EK มีอายุมากแล้ว อะไหล่เริ่มหายาก
ก็เลยสรุปว่า สร้างเจ้า FN2 คันนี้ขึ้นมา โดยให้ช่างเผือกเป็นผู้ลงมือ โครงสร้างตัวถังเป็นของเดิม ๆ เสริมความดุดันด้วยชุดพาร์ท Custom ฝีมือคนไทย เสริมความแข็งแรงด้วยโรลเคจที่ลอกแบบมาจากรถเมืองนอก แต่เป็นฝีมือการดัด เชื่อม ของช่างไทย
ภายใน เหลือแต่เบาะสำหรับการแข่งขันจาก OMP เข็มขัดนิรภัยจาก Sabelt คอนโซลหน้าสร้างขึ้นใหม่ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน ในห้องโดยสารด้านหน้าจึงติดฉนวนกันความร้อนเอาไว้ กันความร้อนจากห้องเครื่องเข้ามาในห้องโดยสาร และมีกระติกน้ำสำหรับชุดระบายความร้อนคนขับ หรือ Cool Suit ที่ต้องใช้ เพราะว่านักแข่งเวลาเสียเหงื่อมาก ๆ ร่างกายอ่อนเพลีย การตัดสินใจและการควบคุมรถจะด้อยลง ซึ่งอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ จึงต้องคุมอุณหภูมิคนขับด้วย
K20A โมดิฟายด้วยของซิ่ง TODA
เครื่องยนต์ประจำตัวของ FN2 ก็เป็นบล็อกใหม่ตัวแรง K20 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แท้ ๆ จากโรงงาน ไม่ต้องเอาเครื่องเล็กมาขยายความจุ อย่างบล็อก B ซึ่งมักจะใช้ฝาสูบของ B18 คู่กับท่อนล่าง B20 ซึ่งฝาสูบออกแบบมาสำหรับลูกสูบขนาด 81 มม. ส่วนเครื่อง B20 ใช้ลูกสูบ 84 มม. ทั้งหลุมห้องเผาไหม้ และขนาดวาล์ว เล็กเกินไป
การทำเครื่องที่มีขนาด 2.0 ลิตร มาจากโรงงานจึงได้เปรียบเรื่องฝาสูบ และจะทำให้ได้แรงมามากกว่า การทำเครื่องลูกผสมในบล็อก B ซึ่งเครื่อง K20 ตัวนี้ก็โมดิฟายเพิ่มเติม ส่วนใหญ่เป็นของแต่งจาก TODA ซึ่งประกอบไปด้วย ลูกสูบ ก้านสูบ แคมชาฟท์ และก็ท่อไอดีเปลี่ยนเป็นแบบ 4 ลิ้น กล่องควบคุมใช้ MOTEC M800 ควบคู่กับจอ MOTEC เช่นกัน
หนึบด้วยชุดสตรัทสุดฮิต MOTON
สิ่งสำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากำลังเครื่องยนต์สำหรับรถเซอร์กิตก็คือ ช่วงล่าง แรงอย่างเดียว แต่เลี้ยวไม่ได้ก็เท่านั้น เพราะสนามแข่งมีทางโค้งมากกว่าทางตรงที่สามารถกดคันเร่งได้เต็ม ๆ อย่างในสนามพีระฯ เราใช้เวลาอยู่บนทางตรงแค่ไม่เกิน 10 วินาที ในขณะที่เวลาต่อรอบใช้เวลานาทีกว่า ๆ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ
ซิ่งเจ้า FN2 คันนี้ ช่วงล่างได้เปลี่ยนระบบมาเป็นแม็คเฟอร์สัน สตรัท ที่ด้านหน้า แทนปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone Suspension แบบเดิม เมื่อนำมาทำเป็นรถแข่งก็มีการอัพเกรดบู๊ชยางต่าง ๆ เปลี่ยนชุดสตรัทมาเป็นของ MOTON ซึ่งเป็นที่นิยมกันอยู่ในสนาม แม้จะมีราคาแพงเอาเรื่องอยู่ แต่ประสิทธิภาพของมันก็คุ้มราคา
โดย MOTON ชุดนี้เป็นแบบ 3 Way Adjust หรือสามารถปรับความหนืดได้ 3 ทาง คือสามารถปรับได้ที่จังหวะยุบช้า (Low Speed Bump) จังหวะยืดช้า (Low Speed Rebound) และที่จังหวะยุบเร็ว (Hi Speed Bump) ซึ่งในจังหวะที่ช็อคยุบหรือยืดช้า ๆ จะใช้ปรับอาการรถในขณะเข้าโค้ง ส่วนตอนที่ช็อคยุบเร็ว ๆ จะเอาไว้เซ็ตในขณะที่ปีนขอบแทร็ก ที่โค้ง S1 และ S2
แต่ในตอนนี้รถคันนี้ยังไม่ได้ปรับจูนให้สมบูรณ์มาก เนื่องจากเป็นรถที่เพิ่งสร้างมาใหม่ หลาย ๆ อย่างยังไม่พร้อม ยังประสบปัญหาจุกจิกอยู่บ้าง แต่ด้วยเวลาที่เจ้าของรถมีภารกิจเรื่องการงานที่ค่อนข้างยุ่ง จึงไม่ค่อยมีเวลามาเซ็ตอัพเจ้าคันนี้เท่าไหร่ ตอนนี้จึงต้องรอเซ็ตให้จบเสียก่อน ก่อนที่จะลงแข่งในรายการ Pro. Racing Series Thailand Championship ในรุ่น Touring Car ซึ่งในรุ่นนี้มีตำแหน่งประเทศไทยเป็นเดิมพัน