Club XO : Jo Mapper

q

คลับเอ็กซ์โอครั้งนี้มาในแบบเฉพาะทาง คนรักสูบนอน ในวงการด้วยกันเค้าเรียก JO MAPPER ซึ่งฉายานี้ได้มาอย่างไร เราไปรู้จักจากเค้ากันครับ “ซูบารุเนี่ย ผมเจอมาตั้งแต่เด็กเลยครับ หลังหมู่บ้านที่ผมอยู่ย่านลาดพร้าวเป็นอู่ซูบารุ ทำรถแรลลี่ ผมก็จะเห็นรถแข่งพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนผมโตขึ้นก็เล่นรถซิ่งตามวัย เปอโยต์ วางเครื่องญี่ปุ่น เป็นรถซิ่งของผมคันแรก ผมก็ไปคลุกคลีอยู่ที่อู่ PRO STREET แล้วคนที่สอนผมเกี่ยวกับการประกอบเครื่องยนต์ คนแรก คือ อาจารย์หนู Zero Start จากอู่ PRO STREET ที่เคยอยู่ตรงแจ้งวัฒนะ ก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง ตัวผมในตอนนั้นก็ยังคงอยู่กับอาจารย์หนู พี่โอเล่ย์ และพี่เอ๋ แต่ผมไม่ใช่ช่าง เป็นเด็กเล่นรถที่สนใจการทำรถก็เลยไปคลุกคลีอยู่ตลอด

ในช่วงจังหวะนี้ผมก็ขยับไปเล่น BMW เค้าก็เห็นในความตั้งใจที่จะเรียนรู้ในการทำรถของผม อาจารย์หนูก็เลยแนะนำให้รู้จักกับอาจารย์ป้อม Pole Position เพราะพี่เค้ามีความสามารถทางด้านการทำรถ BMW ผมก็เลยไปคลุกคลีอยู่ที่อู่ตรงย่านลาดพร้าว แล้วสิ่งที่ผมได้ติดตัวมาคือการเซตอัพช่วงล่าง ผมไม่เคยเห็นอาจารย์ทำเครื่องยนต์ แต่จะเน้นเรื่องการเซตอัพช่วงล่างเป็นหลัก แล้วรถที่ทำออกไป เครื่องไม่ต้องแรงมาก แต่ช่วงล่างตอบสนองดี รถก็วิ่งดีมาก ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมกำลังจะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่จู่ๆ ก็เกิดไม่อยากเรียนต่อขึ้นมาซะงั้น อยากจะทำรถแข่งเหมือนกับอาจารย์ป้อม ทีนี้คุณพ่อเห็นผมเป็นแบบนี้ก็เลยรู้สึกปล่อยไปไม่ดีแน่ๆ ก็เลยมาคุยที่อู่ถึงการตัดสินใจของผม อาจารย์ป้อมก็เลยถามผมว่า โจ้อยากเป็นนักแข่ง หรืออยากจะเป็นช่างทำรถให้เค้าแข่ง??? ผมก็บอกว่าอยากเป็นทั้งสองครับ ถ้าโจ้อยากเป็นทั้งสองอย่าง ให้กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยให้จบ อย่างที่คุณพ่อบอก จบมาทำงานมีเงิน จะกลับมาเล่นรถเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเลือกเป็นช่างตั้งแต่ตอนนี้ มันมีโอกาสได้ขับรถแข่งแน่ๆ มันต้องทำงานเพื่อหาเงินอย่างเดียว ผมก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ

เมื่อผมเรียนจบก็กลับมาเมืองไทย เจอกับกลุ่มเพื่อนๆ รวมถึง โอ๊ต A.Motorsport ก็เป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน โอ๊ตชวนผมเล่น SUBARU ผมก็เห็นดีด้วย เพราะเป็นรถที่ชอบตั้งแต่เด็ก แต่ผมมีทุนซื้อได้แค่ EVOLUTION III เพราะ SUBARU แพงกว่าร่วมๆ 2 แสน ในตอนนั้น โอ๊ตสำรองส่วนต่างให้ก่อน แล้วมาชำระคืนให้ทีหลัง ก็เพื่อให้ผมได้เล่น SUBARU เหมือนกับเค้า จากความรู้พื้นฐานสมัยคลุกคลีอยู่กับอู่กลับคืนมาอีกครั้ง ผมนำเจ้า SUBARU ไปให้อาจารย์ป้อมเซตช่วงล่างสำหรับวิ่งสนามให้ ปรากฏว่าผมได้แชมป์ในรุ่นคลาสบี ต้นเหตุจากจุดนี้ ทำให้ผมติดใจในการแข่งขัน ซึ่งนับจากนี้รถต้องจูนนิ่งเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีก อาจารย์ป้อมก็เลยแนะนำให้ผมรู้จักกับอาจารย์เซ็ป ซึ่งอาจารย์ท่านนี้เป็นคนทำรถให้กับบ้านของโอ๊ตทุกคัน ซึ่งก็จะเป็นช่วงปี 2005 ที่เริ่มจริงจังกับ Track Day โดยให้อาจารย์เซป ทำรถให้ ซึ่งท่านก็สอนผมตลอด แต่ตัวผมยังไม่มีความรู้เกี่ยวการจูนนิ่งกล่อง แต่ผมก็พยายามเรียนรู้จากจุดเริ่มต้นในครั้งนั้น โดยมีอาจารย์เซ็ป เป็นผู้ที่สอนผมกับโอ๊ต จนในที่สุดก็เริ่มโปรเจกต์ในการทำรถแข่งคันแรก ซึ่งก็เป็นช่วงที่ A. Motorsport เกิดขึ้นครับ โดยโอ๊ตเป็นเจ้าของกิจการ ส่วนผมก็ร่วมแรงในการดำเนินธุรกิจ แล้วอาจารย์เซ็ป ก็รับจูนเครื่องยนต์ SUBARU อยู่แล้ว

อาจารย์เป็นคนที่ชอบเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้น รถรุ่นใหม่ๆ ออก ก็จะเป็นหน้าที่ของอาจารย์ ส่วนตัวผมก็เรียนรู้จากการสอนมาอีกที เห็นบ่อยๆ จับอยู่ทุกวัน มันก็ซึมซับ โดยหลักๆในการทำงาน อาจารย์จะเป็นเหมือนผู้ควบคุมโปรเจกต์ ส่วนผมเป็นแมคคานิคที่ลงมือทำตามสเป็กที่อาจารย์เป็นผู้กำหนด พอมาถึงจุดๆ หนึ่ง อาจารย์ก็จะไปทำรถรุ่นใหม่ๆ ส่วนผมก็สานต่องานดูแล SUBARU ทั้งหมดครับ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ก็เข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว ที่ผมรับหน้าที่ดูแลเครื่องสูบนอนครับ”