a
คลับ เอ็กซ์โอ ครั้งนี้ได้มีโอกาสแนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีความชำนาญในเรื่องของช่วงล่างรถดริฟต์เป็นพิเศษ ผมว่าหลายคนรู้จักแล้ว อีกหลายต่อหลายคนไม่รู้จัก งั้นเรามารู้จักพร้อมๆ กันอีกครั้งครับ “สวัสดีครับ ผม หนึ่ง ไฮ้เซอร์วิส หรือถ้าคนเก่าจะรู้จักว่า ไฮ้เจริญการยาง ซึ่งเป็นของคุณพ่อผมเอง ผมมีโอกาสมาช่วยงานที่ร้านในช่วงปิดเทอม คืออยู่กับรถมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกครั้งที่มาช่วยงาน คุณพ่อจะให้ค่าแรง สอนให้ผมรู้จักการทำงานหาเงินเลี้ยงชีพมาตั้งแต่เด็ก พอผมเริ่มขับรถได้ ก็ขยับมาเป็นคนขับรถส่งยาง ส่งแม็ก ให้กับคุณพ่อตามร้านต่างๆ ซึ่งหลังจากผมศึกษาจบมหาวิทยาลัย ก็ตัดสินใจว่าจะมาช่วยแบ่งเบาภาระให้กับทางบ้าน ก็เลยมาช่วยกิจการ ไฮ้เจริญการยาง อย่างเต็มตัว
ซึ่งพอมาถึงในยุคที่ผมเข้ามาสานงานต่อ จากเคยที่ทำแค่แม็กกับยาง ผมก็รับทำช่วงล่าง อาทิ ตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วย เพื่อให้มันครบวงจร แล้วก็มีซ่อมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะผมไม่รู้เรื่องการทำช่วงล่าง แต่อาศัยว่าผมเป็นคนที่มีความอยากรู้ ก็เลยทำตรงนี้ เรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งในยุคสมัยนั้น ความรู้ เทคนิคต่างๆ ในยุคนั้นเค้าจะปิด ไม่ค่อยบอกกัน ผมเองก็ไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคอะไรพวกนี้มาก่อน แต่ด้วยความอยากรู้ ก็เลยลองผิดลองถูกด้วยการทำรถตัวเอง เพราะว่าการที่เราจะเข้าไปเรียนรู้วิชาจากเค้าด้วยการเข้าไปทำงาน 2-3 ปี เพื่อเอาวิชา แล้วก็ออกมาทำเอง ผมมองว่ามันดูจะ อกตัญญูไปนะ ผมคิดแบบนี้ ผมเป็นคนที่เมื่อพลาดแล้ว ก็ไม่เคยท้อ แต่คำว่า “พลาด” มันคือคำถามในชีวิตว่า ผิดอะไรถึงได้พลาด แล้วผมก็พยายามหาคำตอบของสิ่งนั้น ซึ่งในช่วงระหว่างทางที่กำลังค้นหาคำตอบ มันก็จะได้อย่างอื่นเสิร์ฟเข้ามาเรื่อยๆ มันก็เลยเป็นการแตกแขนงของงานออกมาอีกมากมาย
ไฮ้ เซอร์วิส เปิดมาประมาณปี 2000 ผมก็ทำงานอยู่ประมาณ 3-4 ปี ก็มีโอกาสเข้าไปมีตติ้งกับ 200 SX & Silvia Club ก็ได้ไปคุยกับรุ่นน้องคนนึง ชื่อ ต๋อง นครินทร์ ธวัชภักดี เค้ารู้ว่าผมทำร้านขายยาง ขายแม็ก เค้าบอกต้องการยางเปอร์เซ็นต์ เพราะเค้าเล่น DRIFT อยู่ หลังจากนั้นก็คุยกันมาตลอด น้องเค้าเห็นว่าผมรับตั้งศูนย์ถ่วงล้อได้ด้วย เค้าก็เลยชวนผมให้ไปทำรถ DRIFT ผมไม่รู้หรอกว่า รถ DRIFT คืออะไร เค้าก็ให้ผมไปดูรถแข่งให้เค้า ทั้งๆ ที่ความรู้ผมก็ไม่มี รถแข่งก็ไม่เคยสัมผัสสักคัน ก็เข้าสู่วงการรถ DRIFT ตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในปีนั้น ต๋อง เค้าพร้อมสุด ก็เลยได้ตำแหน่ง DRIFT GOD ของประเทศไทยด้วยในปีนั้น ก็เริ่มมีคนรู้จักผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน อนาคตถ้าเป็นไปได้อย่างที่ฝันไว้ ผมอยากเปิดโรงเรียนสอนทำช่วงล่าง เทคนิคต่างๆ ที่ผมมี สอนให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ ครั้นจะเก็บไว้คนเดียว อยู่กับผม เมื่อผมไม่อยู่ มันก็หายไปกับผม ผมอยากให้มันถ่ายทอดออกไป วงการนี้มันทำคนเดียวไม่ได้ มันต้องแชร์กัน แล้วมันก็จะสนุกไปด้วยกัน
คำว่า XO AUTOSPORT สำหรับผม ผมว่ามันอยู่คู่กับวงการมาตลอดนะ สำหรับคนเล่นรถ แล้วอายุสี่สิบ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักชื่อ XO ถ้าจะให้เปรียบ มันก็เหมือนต้นไทรใหญ่ๆ ต้นนึง ที่แผ่กิ่งใบ แตกแขนงออกไปครอบคลุมทุกวงการมอเตอร์สปอร์ตประเทศไทยครับ”