2019 Jap Sport Car EPISODE I : NISSAN GT-R50 by Italdesign “คันละล้านเหรียญเอง”

 

เถลิงศรีปีใหม่ Jap Sport Car ที่พร้อมระเบิดพลังในปี 2019
EPISODE I : NISSAN GT-R50 by Italdesign “
คันละล้านเหรียญเอง

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ + ข้อมูล : www.gt-r50.nissan, https://japanesenostalgiccar.com

สวัสดีปีใหม่ครับ ปี 2019 นี้ก็คือว่าเป็นปีหมูกระทะร้อนๆ เพราะมีเหล่า Super Car/Sport Car จากญี่ปุ่นในตำนานที่ทำกลับออกมาจำหน่ายอีกครั้ง หลังจากที่หายไปตอนสิ้นยุค 90 แล้วเป็นการเปลี่ยนยุครถยนต์ก็จะเปลี่ยนแนวในจากที่เราคุ้นเคยกัน ของที่เราชอบมันเริ่มเก่าก็เลยต้องเลิกใช้ไป และต้องเปิดรับกับดีไซน์ใหม่ที่เริ่มจะเข้ามา ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจ และต่อต้าน” (ในใจ) ว่าเปลี่ยนของที่ฉันชอบทำไม แต่อย่างที่บอกว่า เรื่องของการผลิตรถแต่ละคันมันซับซ้อนมากกว่าที่เราจะเข้าใจ ผลที่ออกมาต้องคำนึงหลายอย่าง เช่น ต้นทุนการผลิต ผลกำไรของบริษัท มลภาวะที่ปล่อยออกมา การ Safe Cost ต่างๆ การลดน้ำหนักส่วนเกิน การออกแบบให้มีความสมดุลย์กับตัวรถ ฯลฯ อย่างเช่นเครื่อง In-Line 6 อย่าง RB26DETT หรือ 2JZ-GTE ที่ใครๆ ก็ยอมรับ แม้ฝรั่งเองก็ยังนิยม มันดี แต่ยาวเกะกะ น้ำหนักค่อนข้างมาก เครื่องก็สูง มลภาวะก็เยอะ ยิ่งเจอกฏหมายมลพิษยุคใหม่ๆ ที่สุดเข้มงวด มันไม่สามารถออกจำหน่ายได้ ก็เลยต้องออกแบบเครื่องแนวใหม่ที่สามารถรองรับในจุดนี้ได้ ก็เป็นเครื่อง V6 ความจุเยอะ ไร้หอย อะไรก็ว่าไป แม้มันจะขัดใจวัยรุ่นยุค 90 ทั่วโลก แต่บนโลกแห่งรถยนต์ก็ต้องดำเนินการกันต่อไป

จากจุดนี้เอง ทำให้สปอร์ตยุคเปลี่ยนแปลงใหม่ในยุค 2000 กว่าๆ นั้นเงียบเหงาไปบ้าง อย่าง SUPRA ก็เลิกผลิต RX-7 ก็มาเป็น RX-8 ที่ความนิยมหายไปมาก ส่วน SKYLINE ก็เปลี่ยนเป็นรถสปอร์ตแนวหรูหรา แนวๆ INFINITI ในตลาดอเมริกา เครื่องก็เป็น VQ แทน RB ซึ่งก็เหงาจริงๆ เพราะตอนนี้ก็ยังเหงาอยู่ จนแยกมาเป็น NISSAN GT-R R35 หรือ HONDA NSX ทำนองเดียวกัน ก็เปลี่ยนแปลง DNA ใหม่ทั้งหมด เรียกว่าไม่มีเค้าเดิมเหลือเลย แน่นอนครับ เหล่าสปอร์ตในตำนานทั้งหลาย ที่เงียบหายกันไปนานนับ 20 ปี ตอนนี้หลายรุ่นก็กำลังจะ “Reborn” เกิดใหม่กันอีกครั้ง แล้วก็มีพวกตัวพิเศษเกิดขึ้นอีก ครั้งนี้ ขอเริ่ม EPISODE I กันด้วย GT-R อะไรวะคันละล้านเหรียญคิดเป็นเงินไทยก็ “40 กว่าล้านสบายๆ !!! ลองดูซิ มันมีอะไรดี

NISSAN GT-R50 by Italdesign “The Million-Dollar” !!!

สุดยอดเหนือสุดยอด กับ NISSAN GT-R ที่เกิดมาเพื่อเป็น Super Car Killer ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2007 ด้วยพลัง 480 PS จากขุมพลัง VR38DETT และอัพไปอีกห้าม้าในปี 2009-2010 และ Minor Change ในปี 2014 กับไฟหน้าทรงสายฟ้าและขุมพลังอัพแรงม้าเป็น 545 PS แล้วก็มีเวอร์ชั่นสุดพิเศษ คือ NISMO GT-R ที่อัพเกรดสมรรถนะขึ้นไปในทุกด้าน มีแรงม้าถึง 600 PS เท่ากับตัว NISMO GT-3 เชียวนะ แล้วปี 2017 ก็ Big Change เปลี่ยนหน้าตาใหม่ ภายในใหม่ อัพเกรดหลายอย่าง แรงม้าเพิ่มเป็น 565 PS จุดเด่นของ GT-R ตั้งแต่ตัว NISMO มาก็คือ การประกอบเครื่องแบบ Takumi Engine หรือ One Man One Engine ประกอบแบบ Hand Built ซึ่งจะมีลายเซ็นต์พร้อมชื่อผู้ประกอบเครื่องมายืนยันฝีมือ และในปี 2019 นี้ NISSAN ก็หาเรื่อง” Surprise ด้วยการผลิตตัวพิเศษ GT-R50 by Italdesign ที่มีราคาโด่งทะลุหนึ่งล้านเหรียญ” !!! หรือ 990,000 ยูโร ซึ่งเป็นราคาอย่างเป็นทางการ (Official Price) หลายคนอาจจะเห็นรูปแล้วก็ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง สวยบ้าง ประหลาดไปบ้าง ก็ว่ากันไปตามความชอบ แต่เรามาลองดูกัน ว่าทำไมมันถึงได้แพงอะไรขนาดนั้น แล้วมันมีอะไรที่เหนือและพิเศษกว่าตรงไหน

50 ปี แห่งความหลัง

หลังจากที่ GT-R รุ่นแรก ออกจำหน่ายในปี 1969 คือ Hakohsuka SKYLINE 2000 GT-R รุ่น PGC10 แบบ 4 ประตู ที่ใช้ขุมพลัง S20 แบบ 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ SOLEX 3 ตัว ที่ได้พลังถึง 160 PS กับรอบเครื่องฟาดได้กว่า 7,000 rpm ได้อย่างสบาย เป็นขุมพลังที่พัฒนาจากตัวแข่ง PRINCE R380 ตัวแข่งจาก PRINCE MOTOR COMPANY สำหรับการแข่งขัน Japanese Grand Prix ระหว่างปี 1965-1968 ซึ่งตอนนั้นเจ้าฮักโกะลบคำสบประมาทจากคนที่ดูถูกดูแคลนรถญี่ปุ่นว่าเป็นเพียงกระป๋องติดล้อแน่นอนครับ จะเป็นการมากไปหน่อยที่จะเอาไปเปรียบกับเหล่า Super Car ทั้งหลาย เพราะมันเป็นเพียง Grand Touring Car หรือ GT แค่นั้น แต่ขอให้เทียบกับ GT Car ของทางยุโรปในคลาสเดียวกันได้บ้างก็พอใจแล้ว

เวลาผ่านไปถึง 50 ปี จากปี 1969 ถึง 2019 NISSAN ก็พึงย้อนระลึกถึงความสำเร็จของ GT-R มาตลอด ตั้งแต่ C10-C110-R32-R33-R34 ไปยัน R35 ตัวล่าสุด จนเป็นเรื่องราวของ NISSAN GT-R50 ซึ่งตัวเลข 50 นี้ มีสองความหมาย คือฉลองครบรอบ 50 ปี GT-R” และมีจำนวนเพียง 50 คัน ทั่วโลกมิน่า ทำไมแพง และที่สำคัญกว่านั้น NISSAN ต้องการเช็คเรตติ้งวัดความสนใจและต้องการของลูกค้า (บางทีสนใจ แต่อาจจะไม่ซื้อก็ได้) ซึ่ง NISSSAN เองก็ยอมที่จะไฟเขียวผลิตเจ้า GT-R50 ออกมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษ 50 คน ในโลก ที่ยอมจ่ายถึงหนึ่งล้านเหรียญเพื่อที่จะแลกกับสิ่งพิเศษที่จะมาสิงในโรงรถเพื่อประดับบารมี

ส่วนผสมระหว่างคมดาบซามูไรกับงานปั้นอิตาลี

การออกแบบเจ้า GT-R50 นั้น เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์การออกแบบจากญี่ปุ่นรวมถึงสมรรถนะที่จัดจ้านในรูปแบบของ GT-R มาอย่างยาวนาน กับสไตล์การออกแบบจากดินแดนอิตาลีที่ขึ้นชื่อในการออกแบบที่สุดสวิงริงโก้อันดับ 1 ของโลก โดยสำนัก Italdesign (อิตัลดีไซน์) ที่ออกแบบ Super Car ระดับโลกอย่างมากมาย ทำให้รูปลักษณ์ของ GT-R50 นั้นออกแนวยุโรปอย่างชัดเจนมากขึ้น ดูแข็งแกร่งมากขึ้น แต่บางคนก็อาจจะว่ามันทื่อก็เป็นได้ สำหรับตัวต้นแบบ (Prototype) นั้นทาง NISSAN ก็แห่ไปทั่ว โดยเฉพาะในโซนยุโรป เช่น งาน GOODWOOD ในอังกฤษ และ สนาม Spa-Francorchamps ในเบลเยียม

GT-R50 ในส่วนของการผลิตนั้น จะเป็นแบบ Hand-Built ประกอบด้วยมือทั้งคัน โดยสำนัก Carozzeria Italdesign โดยใช้พื้นฐาน Platform มาจาก NISMO GT-R ตัวถังนั้นตอนแรกจะเป็นสีเทาดำ ยอดนิยมของ SKYLINE R32 GT-R แต่ตอนหลังข่าวออกมาว่า จะมีสีน้ำเงิน Bayside Blue ที่เป็น Signature ของ SKYLINE R34 GT-R แต่ไม่ว่าจะเป็นสีใด ก็จะต้องตัดด้วยทองซึ่งเป็นสีแนวยุโรปนิยม ส่วนขุมพลังนั้นยังคงเป็น VR38DETT ในเวอร์ชั่น GT3 ที่ NISMO ปรับปรุงพลังให้มากถึง 720 PS ส่วนแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 780 N-m. เชียวนะ ภายในก็โดดเด่นด้วยการตกแต่งจากวัสดุชั้นเลิศ หลักๆ แล้วก็มีคาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นพระเอก และ หนัง Alcantara มาเป็นนางเอก ส่วนหน้าปัดและเกจ์วัดนั้น ในรูป Official จะเป็นแบบ Analog สไตล์ NISMO แต่รูปในตัว Prototype จะเป็นจอ Multi-Function จาก MoTeC เข้าใจว่าคงทำให้มันใช้ได้ไปก่อน ยังไงก็คงส่วนสเป็กอื่นๆ ก็ดูตาม Spec Sheet ที่จัดมาให้ชมก็แล้วกัน

บทสรุป ถ้าถามว่า NISSAN GT-R50 by Italdesign นั้น ออกมาเพื่ออะไร ราคาขนาดนี้แล้วใครจะยอมซื้อ ส่วนตัวแล้วผมว่า NISSAN ก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าผลตอบรับในด้านกระแสนั้นคงกระหึ่มแน่ แต่ยอดขายมันอาจจะไม่ได้เป็นดังหวัง แต่ก็ไม่แน่เพราะอะไรที่เป็น Special Limited Edition ในระดับโลก ก็ย่อมเป็นที่หมายตาของ Car Collector อยู่แน่นอน แม้ว่าจะถูกเอาไปเปรียบศักดิ์ศรีกับเหล่า Exotic Car ทั้งหลาย แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้สร้างกระแส เรียกว่ามีอะไรแปลกๆ ออกมาเพื่อยกระดับแบรนด์ของตัวเองซึ่งผมก็คาดว่า NISSAN ก็คงหวังต่อยอดไปในอนาคต เพื่อให้ NISSAN GT-R รุ่นต่อๆ ไปมีการพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ใน EDISODE 2 คราวหน้า มาพบกับ SUPRA และ MR2 ในตำนานที่ย้อนมาเกิดใหม่กันครับ