แบรนด์ “เจมส์บอนด์” ASTON MARTIN ถลกผ้า DB11 ณ เมืองไทย เป็นครั้งแรกใน เอเชียแปซิฟิกเชียวนะ เส้นสายโหดร้ายแบบซูเปอร์คาร์พันธุ์แท้ ออกแบบโดย Mr. Marek Reichman ขุมพลัง V12 ความจุ 5.2 ลิตร “ทวิน-เทอร์โบ” ให้กำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดขั้วหัวใจ 700 นิวตัน-เมตร มาที่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที เรียกว่าพร้อมกระโจนได้ทุกเมื่อ ภายในห้องโดยสารหรูหราอลังการ หน้าจอมาตรวัดขนาด 12 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนต์ 8 นิ้ว ควบคุมด้วยสวิตช์แบบหมุนและมีระบบสัมผัสเป็นออปชั่นเสริม เนื้อที่จัดเก็บสัมภาระมากถึง 270 ลิตร
ซีดานแรงๆ แถมไฮเทค ด้วยระบบ eDrive เช่นเดียวกันกับรุ่น i8 และ X5 xDrive40e เครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด “บีเอ็มดับเบิลยู ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ” ดีเซล 4 สูบ 1,998 ซี.ซี. และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 88 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 252 แรงม้า ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่สำคัญ แบตเตอรี่ไฮบริด สามารถชาร์จไฟได้จาก “ปลั๊กไฟบ้าน” ทั่วไป และขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร สะดวกสุดๆ
ตัวเล็กหมัดหนักล่าสุด ขุมกำลังบีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 2,979 ซี.ซี. ปั่นม้าเยอรมันท่วมๆ ถึง 370 แรงม้า !!! ที่ 6,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.3 วินาที ระบบเกียร์ไฟฟ้าสไตล์ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วแบบ Double-spoke พร้อมยางหน้ากว้าง “ขยี้” !!! ผิวถนนให้เมามันส์ ที่สำคัญ M2 คันนี้ พร้อมตอบสนองการขับขี่แบบ “รถแข่ง” ได้ตามสั่ง เมื่อไรก็ได้ขอให้บอก ห้องโดยสารของ เลือกใช้โทนสีดำ เบาะหนังแบบสปอร์ตที่เดินตะเข็บสีฟ้า พวงมาลัยแบบ M Sport แผงประตูและเบรกมือหุ้มด้วย อัลคันทารา แผงหน้าปัด คอนโซลกลางและมือจับที่แผงประตูด้านข้าง จัดหนักด้วย คาร์บอนไฟเบอร์ช่วงล่างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ร่วมกับพวงมาลัย M Servotronic ที่สามารถปรับได้ 2 รูปแบบการขับขี่ ระบบเบรก M Compound โดยรวมๆ แล้ว M2 น่าจะซิ่งได้อย่างใจหวังแน่นอน
งานนี้กลับมามาดใหม่ ใช้เครื่องยนต์ “อีโคบูสต์” ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ เทอร์โบ อ๊ะ อ๊ะ อย่าดูถูก เพราะมันปั่นพลังได้ถึง 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ยังไม่พอ ใช้หัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูงแบบ ไดเร็กอินเจ็กชั่น และระบบ “แปรผันแคมชาฟท์ทั้งสองฝั่ง” งานนี้มาแบบเต็มๆ ตั้งแต่รอบต่ำไปยันรอบสูงสุด ภายในเต็มๆ กับเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบเทียบข้างหรือแบบถอยเข้าซอง ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 3 (SYNC 3) รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัชขนาด 8 นิ้ว ช่วยให้สามารถควบคุมการใช้งานโทรศัพท์ และระบบความบันเทิง ที่มีการพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น รวมถึงรองรับ Apple Car Play และ Android Auto เมื่อมีการเปิดใช้
มาในมาดทรงสปอร์ตสุดๆ โดดเด่นด้วยการออกแบบในแนวคิด Fluidic Sculpture 2.0 ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ใครบอกรถเกาหลีไม่แรง ดูนี่ซะก่อนนะแฟนๆ ทั้งหลาย ขุมพลังเบนซินขนาดถึง 3.8 ลิตร 6 สูบ ให้พลังสูงสุด 308 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 397 นิวตันเมตร สะเวิ้บกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ !!! ดึงกันยาวๆ ไป ถ้าได้ลองจะติดใจ เกาหลีตอนนี้เขาอินเตอร์แล้วนะฮะ ส่วนระบบช่วงล่าง หรือระบบอื่นๆ ก็มีเพียบพร้อมและทันสมัยสุดๆ เช่นกัน
ตื่นตาสมกับที่รอคอย กับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ออกแบบสปอร์ต ล้ำสมัย หรูหรา เส้นสายด้านข้างคมชัดดั่งมัดกล้าม “ปัง” ด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบปีกสยาย ไฟหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมไฟ LED แถมไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED อันเป็นเอกลักษณ์ ห้องโดยสารกว้างขวางในระดับ D-Segment พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยฝุดๆ หน้าร้อนแบบนี้ เขามีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) สั่งการได้จากระยะไกล เปิดแอร์ให้เย็นสบาย (กันตูดสุก) ก่อนออกเดินทาง โดยขณะนั้น โดยประตูรถยังคงล็อกอยู่เช่นเดิม และรถจะไม่สามารถออกตัวได้ จนกว่าผู้ขับจะเข้าไปสตาร์ทรถตามปกติ ไม่ต้องกลัวใครจะมาแย่งไป
เครื่องยนต์ที่เป็นกระแสอยู่ ณ บัดนาว ความจุ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ตัวใหม่ล่าสุด พร้อมมระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าว ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี “เอิร์ธดรีม” ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที ไม่ธรรมดานะครับ สายซิ่งคงตาลุกกันอย่างแน่นอน จะเสียบ (กล่อง) จูนหอยอะไรก็เอาที่สบายใจก็แล้วกัน
เปิดขบวนรถใหม่ในตระกูล “บลูเพาเวอร์” ลงตลาดเพิ่ม มาครบทุกรุ่น ครบทุกเครื่องยนต์ พร้อมเกียร์อัตโนมัติใหม่ ก่อนหน้านี้เรารู้จัก D-MAX กันไปแล้ว ตอนนี้เปิดตัวรุ่นใหม่ “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 1.9” ครั้งแรกของรถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูที่ใช้เครื่องยนต์เพียง 1,900 ซี.ซี. แต่กลับเปี่ยมด้วยความแรง ความสุนทรีย์ และความประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มาพร้อมชุดเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด ใหม่ สายซิ่งมีทางเลือก คือ อีซูซุ ดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ดีไซน์ล้ำสมัยในโทนดำ-แดงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีให้เลือกถึง 2 รุ่น ทั้งรุ่น SPEED ปิกอัพสำหรับผู้มีจิตวิญญาณเรซซิ่งและรักการแต่งรถ และรุ่น HI-LANDER ปิกอัพสายพันธุ์สปอร์ตพรีเมียม เท่ ดุดัน แต่หรูหรามีสไตล์ ซึ่งจะมาพร้อมกับเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด พร้อมโหมด REV TRONIC ใหม่ ช่วยให้ขับสนุก เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล และให้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจ
รถสปอร์ตคูเป้ระดับหรูแห่งอนาคตที่คนญี่ปุ่น มีความภูมิใจในการนำเสนอสู่ชาวโลก รวมถึงไทยแลนด์ของเราด้วย ภายใต้แนวคิดการพัฒนาที่เรียบง่าย แต่ชัดเจนในเรื่องของดีไซน์ที่ร้อนแรง เตะตา จัดหนักด้วยเครื่องยนต์ เทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 8-Speed Sport Direct Shift (SPDS) ส่วนอีกคันที่มาจอดเรียกน้ำย่อย คือ LEXUS RC-F ที่เพิ่มความร้อนแรงสุดๆ แต่ไม่ใช่รถที่ขายจริงๆ เอามาเรียกแขกเฉยๆ จ้ะ
มาใหม่ครับ เป็นรถโมเดลแรกที่พัฒนาภายใต้ไลน์สปอร์ตซีรีส์ (Sport Series) ซึ่งสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.2 วินาที ถีบด้วยขุมพลัง M838TE เบนซิน V8 สูบ 3.8 ลิตร ทวิน-เทอร์โบ รหัส กำลังสูงสุดลดลงตามชื่อรุ่นคือ 570 แรงม้า แรงบิด 61.1 กก.-ม. เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ SSG หรือ Sequential Shift Gearbox ความเร็วสูงสุดเคลมไว้ถึง 328 กม./ชม. ลู่ลมด้วยชุดแอร์โรพาร์ทใหม่ ชุดเบรคคาร์บอนเซรามิค ล้ออัลลอยด้านหน้า 19 นิ้ว หลัง 20 นิ้ว สวมยางไฮเพอร์ฟอร์มานซ์ Pirelli P Zero Corsa ด้านหน้าขนาด 225/35 ด้านหลังขนาด 285/35 แชสซีส์เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ MonoCell II ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานประจำวัน เพิ่มความแข็งแรง และลดน้ำหนักลงได้อีกราว 80 กก.
จับมาทรงเครื่อง พาร์ทรอบคันจาก MAZDASPEED พร้อมสติ๊กเกอร์พิเศษรอบคัน ล้อ VSF1 สีดำเงาพิเศษขนาด 20 นิ้ว พร้อมดุมล้อสีดำจาก Rays และยาง Toyo Extensa HP ขนาด 225/35 R20 (หน้า) และขนาด 245/35 R20 (หลัง)
เบรกหน้าขนาดถึง 380 มม. เบรกหลังขนาด 355 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรก 4 พอต สีแดง ระบบช่วงล่างชุดใหม่ เซ็ตแบบ Street Sport ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในสไตล์ที่ดุดัน และยังสามารถขับใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
โหดสุดรุสเซีย AMG โลโก้นี้ไม่มีช้า ไม่มีติ๋ม ภายนอกเน้นความดิบแต่มีความเนี้ยบกับสีพิเศษ ขุมพลังเบนซิน V8 หอยแฝด ขนาด 4 ลิตร ส่งกำลังแน่นอนด้วยชุดเฟืองท้ายแบบ LSD (Limited-slip differential) ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยป้องกันอาการล้อหลังลื่นไถลขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เสริมให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดี มากับระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP®) ซึ่งผู้ขับสามารถเปิดหรือปิด หรือเปลี่ยนเป็น SPORT Handling ได้ตามต้องการ ระบบเกียร์แบบสปอร์ต AMG SPEEDSHIFT MCT 7-SPEED ตอบสนองรวดเร็ว ต่อเนื่อง สามารถปรับตั้งค่าการส่งกำลังภายใต้ระบบ AMG DYMAMIC SELECT ตลอดจนการเพิ่มอรรถรสในการขับขี่โดยเลือกโหมดเรซ (Race) ก็ได้
รถเกี่ยว “ตุ๊กตาหน้ารถ” มินิเปิดประทุน 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในเจเนอเรชั่นที่สาม ที่ยังคงรูปโฉมความออริจินัล ทรงสปอร์ต ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และความสนุกสนานในการขับขี่แบบเปิดประทุน เปิดตัวพร้อมสีตัวถังใหม่ ในชื่อสีฟ้า Caribbean Aqua สวยงามอย่างที่เห็น
เครื่องยนต์เป็นบล็อกใหม่ เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร พละกำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร (230 นิวตันเมตร ในโหมดโอเวอร์บูสต์) ส่วนดีเซลมีพละกำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร (300 นิวตันเมตร ในโหมดโอเวอร์บูสต์) เรียกว่าหล่อและเร้าใจได้นักเชียว
พร้อมชุดแต่งพิเศษจากโรงงาน ประกอบด้วย ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ฝาครอบโครเมียมใต้กันชนหน้า และบันไดข้างดีไซน์ใหม่ตกแต่งโครเมียม ให้อารมณ์สปอร์ตและทันสมัยยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ MIVEC CLEAN Diesel ขนาด 2.4 ลิตร บล็อกใหม่ล่าสุดที่ให้ความสมดุลย์ของสมรรถนะและความสามารถในการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20% ภายในหรูหราสุดๆ ติดตั้งจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (Roof Monitor) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีในรถกระบะ เบาะคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง (Power Seat) ผลิตจำนวนจำกัดและมี 3 สี ให้เลือกคือ สีขาว สีดำ และสีพิเศษฟ้า Impulse Blue
สุดยอดซูเปอร์สปอร์ตคาร์แดนซามูไร ที่คว้าชัยชนะมาแล้วหลายสนาม และแน่นอนว่าเป็น NISMO ก็ย่อมที่จะ “เหนือชั้น” ไปอีกมาก งวดนี้มาไทย มากันตัวเป็นๆ ออกแบบพิเศษที่รวบรวมเทคโนโลยีจากมอเตอร์สปอร์ต เครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร V6 ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเกียร์ 6 สปีด จนมีพละกำลังรวมกว่า 592 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดถึง 481 ปอนด์/ฟุต สำหรับในด้านสมรรถนะเอง เป็นรถที่พิชิตเวลาต่อรอบในสนาม Nurburgring โดยใช้เวลาเพียง 7:08.679 นาที ซึ่งเป็นรถยนต์ที่แรงที่สุดของตระกูล GT-R เท่่าที่เคยมีมาในโลก แน่นอนว่ามันเป็นรถในฝันของชาวซิ่งทั้งหลาย ที่ใฝ่ฝันอยากจะ “ขย่ม” มันสักครั้งก่อนตาย
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวแบรนด์ NISMO (นิสโม) ครั้งแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยการแนะนำ อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพ็คเกจ (Almera Nismo Performance Package) และ อัลเมรา นิสโม แอโร่ แพ็คเกจ (Almera Nismo Aero Package )
สำหรับ อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพ็คเกจ มาพร้อมกับช่วงล่างเซ็ตใหม่พิเศษ เน้นความหนึบแน่น แต่ยังขับใช้งานได้ปกติสุข พร้อมปรับเปลี่ยนท่อไอเสียใหม่ และใช้ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ขนาดยาง เป็น 205/50 R16
ส่วนอัลเมรา นิสโม แอโร่ แพ็คเกจ ติดตั้งรอบคันด้วยชุดแต่งนิสโม แอโร่คิท ที่ถ่ายทอดมาจากดีเอ็นเอ และเทคโนโลยีการแข่งรถของนิสโม ให้ผลต่อการควบคุม การทรงตัว และการขับขี่ที่ดีขึ้น พร้อมความสวยงามโดดเด่น
มาซิงๆ เลย เพิ่งเปิดตัวในเยอรมันช่วงปลายปี 2015 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่พร้อมด้วยตัว Bi-turbo charging รุ่นสุดยอด คือ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงถึง 420 แรงม้า (309 กิโลวัตต์) จากขนาดความจุ 3 ลิตร พละกำลังเครื่องยนต์ที่มากกว่าของรุ่น 911 ทำให้การขับขี่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นในแบบ World Class
รุ่นพิเศษที่มาพร้อมกับสีสันแปลกตา ตะแล๊ดแต๊ดแต๋อย่างสีม่วง Moonlight Violet ภายนอกโดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟส่องสว่าง LED ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว แสดงความลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วยสติ๊กเกอร์ติดฝาถังน้ำมัน Sai Edition ภายในเลือกใช้โทนสีดำ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ผสมผสานหนังคุณภาพสูง ดูลงตัวกับความสปอร์ตที่เป็นสัญลักษณ์ของสวิฟท์ ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเดิม รหัส K12B ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว
ปรุงโฉมให้สปอร์ตอย่างชัดเจน มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน เท่เต็มอารมณ์กับ LED Daytime Running Lights และไฟตัดหมอก พร้อมเพิ่มความเท่ด้วยชุดแต่งหลังคา และสัญลักษณ์ TRD Sportivo ดีไซน์โดดเด่น ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายในสปอร์ตเท่ด้วยชุดเบาะหนังสีดำสลับส้ม ดุดันและร้อนแรง เครื่องเล่น DVD พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่มีช่องต่ออุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น USB Micro HDMI SD Card Bluetooth รองรับระบบ T Connect อีกด้วย ตบท้ายด้วยล้อลายใหม่ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร