XO AUTOSPORT No264
PHOTO : วรุตม์ สีหนาท
ยี้ ว้ายยย ๆๆๆ ลงซ้ำ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งร้องยี้ อ่านให้จบก่อน นี่คือ ภาคต่อ…จากตอนเดิม แน่นอนว่า ถ้าติดตาม My Name is…มันเป็นไปไม่ได้ที่ตลอด 3 ปี ของ Liberty Walk Thailand จะไม่เคยผ่านมาในคอลัมน์นี้ ครั้งแรกที่ลงกับครั้งนี้ วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปมาก ถ้าเป็นรถก็ไม่เรียกว่า Minor Change นะ ต้องบอกว่า Model Change กันเลยละ ซึ่งจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทิศทางไหน ต้องอ่านให้จบครับ
- โอ๊ต-วรุตม์ สีหนาท
“ในส่วนของ PIT 8 บริเวณชั้น 2 ในส่วนของงานสถาปนิก Z56 รับออกแบบ ก่อสร้าง แบบครบวงจร
โดยกลุ่มลูกค้าจะมุ่งเน้นไปถึงกลุ่มคนที่ชอบรถเป็นหลักครับ
โดยโอ๊ตเอง จะเป็นคนดูแลในส่วนนี้ทั้งหมด เพราะเค้าชำนาญด้านนี้โดยเฉพาะ”
ในวันที่นัดคุยก็จะมี โอ๊ต-วรุตม์ สีหนาท กับ เงาะ-นิธิวัชร์ ทิพยทัศน์ 2 ท่านที่ได้คุยกันในวันนั้น ส่วนท่านที่เหลือติดภารกิจ ไม่สามารถมาร่วมได้ ซึ่งหลักๆ ที่อยากทราบก็คงจะเป็นเรื่องของการบริหารการจัดการ เพราะจากวันนั้นที่เห็นครั้งแรกในประเทศไทย จวบจนถึงทุกวันนี้ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงจำนวนรถลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งเราทุกคนต่างก็รู้กันดี ว่าแอโรพาร์ทของแบรนด์นี้ มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แล้วออกมาแบบมาเพื่อรถที่มีคาแรกเตอร์พิเศษ คือพูดง่ายๆ ว่า ผลิตน้อยคัน ซึ่งในจำนวนรถที่มีน้อยคันเหล่านั้น ก็ยังให้ความไว้วางใจเลือก Liberty Walk มาอยู่ในรถคันโปรดของเค้าเอง อะไรที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเชื่อมั่น ไว้วางใจ โอ๊ต กับ เงาะ จะเป็นคนเล่าให้ฟังครับ “หลังจากที่เคยคุยกันในช่วง ออโต ซาลอน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งทุกคนรู้จักในชื่อ Liberty Walk Thailand แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราคือ Infinite Motorsport ซึ่งเป็น บริษัทแม่ ที่นำเข้าสินค้าหลากหลายประเภท ซึ่งก็รวมถึง Liberty Walk ด้วยเช่นกัน ก็เป็นแบรนด์สินค้าจากญี่ปุ่น ที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ครับ ถ้าจะนับกันจริงๆ Infinite ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการจริงๆ ได้ 3 ปีบริบูรณ์นะครับ โดยรถคันแรกที่ทำ ก็ทำที่บ้านโอ๊ต เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2558 หลังจากนั้นอีก 7-8 เดือน ก็ก้าวสู่งานออโต ซาลอน ครั้งแรก ซึ่งครั้งนั้นก็คุยกันในคอลัมน์นี้แหละ ในชื่อ Liberty Walk Thailand ณ วันนั้น มีรถที่ทำแล้วทั้งหมด 4 คันในประเทศไทย เริ่มจาก Nissan GTR, BMW Z4, BMW S3 และ Lamborghini Aventador แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มมีลูกค้าสนใจ เข้ามาหาอยู่เรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยมา 1 ปี ก็มีรถที่ทำเพิ่มขึ้นมา ซึ่งนับจำนวนรวมกับรถเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว ก็ร่วม 10 คัน ซึ่งต้องบอกอย่างนี้ก่อนครับ ในวันที่ตั้งใจทำธุรกิจด้านนี้ ก็ตั้งเป้าหมายในใจว่า ในประเทศมีรถที่เป็น LB 10-15 คันได้ ก็ถือว่าเจ๋งมากแล้วครับ เพราะต้นทุนราคารถในประเทศไทย สูงกว่าต่างประเทศมาก แต่มันเหมือนเป็นโบนัสนะ เพราะตอนนี้รถในประเทศไทยที่เป็น LB มีมากถึง 22 คัน ซึ่งผมไม่คิดว่าในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา Infinite จะโตได้เร็วถึงขนาดนี้ ก็มีตั้งแต่ Super Car ไปจนถึง Kei Car ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกคน รวมทั้งพี่ๆ ทั้งหลาย ที่ให้การสนับสนุน เชื่อมั่นให้พวกเราเอารถมาผ่า เพราะมูลค่ารถแต่ละคันมีราคาที่สูงมาก แต่พี่ๆ ก็มั่นใจในศักยภาพการทำงานของทีมเรา ขอบคุณมากครับ ซึ่งทุกคนรู้ว่าการติดตั้งชุดพาร์ท ต้องผ่าตัวรถในการติดตั้งทุกครั้ง แต่ก็จะมีรถอยู่ 2 รุ่นเท่านั้นที่ไม่ต้องผ่า คือ Lamborghini Aventador และ Lamborghini Huracan นอกนั้นหั่นสดครับ ซึ่งในประเทศไทยค่อนข้างจะมีครบทุกรุ่นที่ LB แล้วนะครับ โดยเฉพาะ Kei Car ในประเทศต่างๆ ไม่มีนะครับ มีเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยก็มีที่ทำเป็น LB ให้เห็นอย่าง Honda S660 และ Daihatsu Copen ซึ่งก็แปลว่า ประเทศไทย เป็นรองอันดับ 2 ประเทศญี่ปุ่น ที่มีรถรุ่นนี้อยู่ครับ ก็ต้องบอกแบบนี้ครับ ลำพังรถเดิมๆ ในเมืองไทย ถ้าจะให้นับนิ้วก็คงไม่ครบทั้ง 2 มือครับ บอกได้เลยน้อยมากจริงๆ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่พวกเรามีรถที่หายากๆ ให้เห็นในประเทศไทยครับ ซึ่งถ้าจะบอก ณ ตอนนี้ ก็คงมีเพียง Ferrari เพียงแบรนด์เดียว ที่ยังไม่เคยทำครับ
- นิว-ณัชพล จตุรศรีวิไล
“ถ้าเอาเงินไปทุ่มงบกับการโปรโมตโฆษณามาก ก็เสมือนการเพิ่มต้นทุนของสินค้า
สิ่งที่เราอยากได้ก็คือ ทำรถให้ลูกค้าในราคาที่ต่ำที่สุด”
ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นว่า การตลาดประชาสัมพันธ์ถือว่าทำน้อยมาก มีเพียงแค่ระบบออนไลน์ แล้วถ้าเป็นสื่อ พันธมิตรก็มี XO autosport ที่ช่วยประชาสัมพันธ์กันมาตลอด ก็ขอบคุณไว้ตรงนี้เลยครับ เหตุผลหลักที่ไม่มุ่งเน้นในการประชาสัมพันธ์สินค้า เพราะตัวแบรนด์ LB เอง ก็ไม่จะครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้รถทั่วไปได้หมด แล้วกลุ่มคนที่เค้าต้องการ LB จริงๆ ก็ไม่น่าจะหา Infinite Motorsport ได้ยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าเอาเงินไปทุ่มงบกับการโปรโมตโฆษณา มาก ก็เสมือนการเพิ่มต้นทุนของสินค้า สิ่งที่เราอยากได้ก็คือ ทำรถให้ลูกค้าในราคาที่ต่ำที่สุด เท่าที่จะทำได้ คุณสามารถเช็กราคาทำรถในต่างประเทศกับที่เราได้เลยครับ โดยเฉพาะราคาชุดพาร์ท ราคาไม่ต่างกับที่ญี่ปุ่นเลยครับ
ถ้าเรามองย้อนกลับไป การแต่งรถบ้านเราเมื่อก่อนจะอิงไปทางการโมดิฟายเครื่องยนต์ให้พละกำลังสูงๆ หรือพวกของตกแต่งเกี่ยวกับความแรง เกจ์วัด บั๊กเก็ตซีต ท่อไอเสีย อะไรประมาณนี้ จะอิงไปตามญี่ปุ่นเป็นหลัก ส่วนพวกบอดี้พาร์ท ความสวยงามจะยังไม่เน้นเท่าไหร่ ซึ่งการแต่งในลักษณะนี้ ทางฝั่งยุโรปเค้านิยมมาก่อน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นได้พัฒนาเทรนด์ขึ้นมา เน้นเรื่องของ บอดี้พาร์ท ความสวยงามมากขึ้น หลักๆ ก็คือ ไม่ใช่จะแรงกันอย่างเดียวแล้ว ต้องสวย เตี้ย และวิ่งได้จริง เน้นการสร้างคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองในแต่ละคัน ซึ่งที่จะพูดต่อไปนี้ คือของที่ทำให้รถดูสวยงาม และสามารถใช้งานได้จริง นั่นก็คือเรื่องของถุงลม เมื่อก่อนเรามักจะได้ยินจนติดหู ใส่แล้วมันทำให้รถเตี้ยได้สวยงาม แต่ใช้จริงไม่ค่อยดี ซึ่งเท่าที่เคยสัมผัส มันก็เป็นอย่างที่เค้าพูดกัน แต่ทุกอย่างมันมีการพัฒนา ในวันที่เลือกถุงลมกลับมาใช้งานอีกครั้ง ก็หวั่นๆ ว่าจะใช้ได้ดีมั้ย? โดยนำมาใส่ใน GTR ของ คุณนิว ซึ่งก่อนจะใส่ก็มีการตกลงกันเรียบร้อย ว่าถ้าประสิทธิภาพของถุงลมไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ คือ เตี้ยจริง แต่ขับไม่ได้เรื่อง ก็คงไม่เอา ซึ่งก็ได้ลองทดสอบโดยกดเตี้ยสุด จะขูดจะอะไรก็ช่างมัน อยากรู้ว่ามันขับได้จริงขนาดไหน ซึ่งก็ทดสอบในขณะวิ่งความเร็วสูงๆ ปราฏว่าในความเร็วสูงๆ ประสิทธิภาพการทำงานของถุงลมก็สามารถเกาะถนนได้เหมือนกับช่วงล่างซิ่งๆ เหมือนกัน แต่การทดสอบยังไม่ใช่แค่นั้น ก็ไปลองในรถดริฟต์ ซึ่งทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าการแข่งขันรถประเภทนี้ มันวิ่งผิดกายภาพช่วงล่างอยู่แล้ว ประกอบกับเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงๆ ทำงานในรอบสูงๆ ตลอดเวลา แต่ถุงลงก็สามารถควบคุมรถได้ เอารถอยู่ ก็เลยมองว่า ถ้าคุณเป็นคนใช้รถปกติ ไม่ได้ขับแบบเกินฟังก์ชันของช่วงล่างแบบรถดริฟต์ ที่มีพละกำลัง 800-1,000 แรงม้า ยังไงถุงลมก็เอาอยู่ ในรูปแบบเซอร์กิตก็มีผลตอบรับ ได้คำชมกลับมา เมื่อลองใส่ใน Lamborghini Aventador ของทีม Vattana Mortorsport วิ่งที่สนามบุรีรัมย์
ในอนาคต เราทุกคนรู้ดีว่า เทรนด์การแต่งรถมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บอดี้พาร์ทเองก็ไม่รู้จะอยู่ได้นานขนาดไหน มันมีมา แล้วก็ไป วนกันอยู่แบบนี้ คือ มันไม่มีจุดสิ้นสุด เราก็เลยนำคำนี้ว่า Infinite ที่มีความหมายว่า ไม่สิ้นสุด มาตั้งเป็นแบรนด์ครับ คือเราฝืนกระแสโลกไม่ได้ แต่เราปรับตัวให้เข้ากับกระแสโลกได้ จะเห็นได้ว่าตลาดในกลุ่ม Super Car ในประเทศไทย โตขึ้นมาก บนท้องถนน เราสามารถมองหารถประเภทนี้ได้ไม่ยาก เหมือนกับเมื่อก่อน ทางเราก็พยายามที่หาของแต่ง เพื่อมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแบบครบถ้วน เดี๋ยวนี้โลกมันเชื่อมถึงกันหมด การแข่งขันมันสูงขึ้น เราต้องยอมรับว่า ใครๆ ก็สามารถนำของแต่งเข้ามาเองได้ แต่เราโชคดีที่มีเพื่อนดีๆ อย่างเช่น เวลาไปงานในต่างประเทศ ก็จะได้ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เค้าก็จะคอยแนะนำว่า อันไหนกำลังได้รับความนิยม แบบไหนใช้แล้วคุ้มค่า อันไหนใช้แล้วไม่ดี เค้าก็จะคอยแนะนำ และเตือนกันอยู่ตลอด คือเราไม่ต้องไปทดลองเอง เดี๋ยวจะขอยกตัวอย่างให้ฟัง มีแบรนด์หนึ่งที่เราพยายามติดต่อเค้าอยู่ 4-5 เดือนแล้ว ซึ่งเค้าไม่ตอบอะไรกลับมาหาเราเลย ปรากฏว่าไปเจอเพื่อนที่ต่างประเทศ เค้าเคยค้าขายกับแบรนด์ที่เราติดต่ออยู่มาก่อน เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จัดการให้ สรุปในวันถัดมาเค้าก็ตอบรับกลับมาทันที จากการที่พยายามติดต่อไปอยู่หลายเดือน เจอเพื่อนประสานงานให้คืนเดียว รู้เรื่องเลย
- เงาะ-นิธิวัชร์ ทิพยทัศน์
“เรามีจุดมุ่งหมายในการดำเนินงาน คือ การสร้างเพื่อน จะไม่ไปชนกับใคร ไม่อยากมีศัตรู
เพราะฉะนั้น เราจะไม่ทำตลาดสินค้าที่ต้องไปตัดกับใคร หรือจะต้องไปแย่งใครมา
สิ่งเหล่านั้นเราจะไม่ทำ เพราะเรามีทางของเราเองครับ”
ไม่ใช่ว่าเราจะไปแต่ต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ที่ Infinite Motorsport ก็มีเพื่อนๆ ต่างชาติ เดินทางมาหาอยู่บ่อยครั้ง อย่างเหตุการณ์ล่าสุด ลูกค้าชาวฝรั่งเศสเค้ามาเที่ยวเมืองไทย เพื่อตั้งใจมาหาเราโดยเฉพาะ หรือไม่ก็สื่อต่างชาติ ที่พวกเราคุ้นเคยชื่อกัน อาทิ Stance Nation, Speed Hunter หรือ Super Street เค้าก็ติดต่อเข้ามา เพื่อขอรูปจากเราไปลงในบทความของเค้า
ทั้งหลายทั้งปวง ที่เราเติบโตมาได้ถึงขนาดนี้ เพราะพวกเรามีจุดมุ่งหมายในการดำเนินงาน คือ การสร้างเพื่อน จะไม่ไปชนกับใคร ไม่อยากมีศัตรู เพราะฉะนั้น เราจะไม่ทำตลาดสินค้าที่ต้องไปตัดกับใคร หรือจะต้องไปแย่งใครมา สิ่งเหล่านั้นเราจะไม่ทำ เพราะเรามีทางของเราเองครับ เรื่องของราคาก็เช่นกัน เราจะส่งสินค้าในราคามาตรฐาน ไม่มั่ว เพราะอยากจะควบคุมราคานี้ไว้ ไม่ให้ตลาดเสีย
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือ การตอบคำถามทั้งหมดว่า ทำไมเราถึงโตได้เร็ว ในระยะเวลาไม่นาน แล้วสิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ ต้องเรียกว่าเป็นส่วนขยายที่เสริมทัพขึ้นมาจากของแต่งรถที่เรารู้จักกันครับ ธุรกิจนี้ชื่อ Wrap Icon เกิดขึ้นหลังงาน ออโต ซาลอน ปีที่แล้ว มันเกิดจาก BMW Z4 ที่ Wrap แบบมีลวดลาย แบบเต็มคัน ในตอนนั้นก็ต้องบอกว่า มันยังมีคนทำน้อย ก็เลยมองเห็นช่องทางนี้ ก็ต้องอธิบายก่อนว่า ทุกคนทราบเรื่องตลาดการ Wrap รถในประเทศไทย มีเยอะมาก ถ้าเทียบอัตราส่วนกันแล้ว ร้านที่เราทำเล็กกว่าคนอื่นเค้ามากครับ แล้วสิ่งหนึ่งที่เราแตกต่างจากธุรกิจประเภทนี้คือ งานดีไซน์ เปรียบเป็นจุดขายของเราก็ว่าได้ เพราะเรามีกราฟิกดีไซเนอร์ที่มีความเข้าใจเรื่องรถ ซึ่งมันจะต่างจากกราฟิกดีไซเนอร์ทั่วไปที่มีอยู่ ดังนั้น จุดแข็งเราอยู่ที่ตรงนี้ ซึ่งนอกจากรับคัสตอมรถยนต์ทั่วไปแล้ว รถแข่งสนามก็ไว้วางใจให้เราทำครับ และล่าสุดผลงานของ Wrap Icon ก็ไปติดอยู่บนเครื่องบินของกองทัพเรือไทยแล้วครับ เพราะเค้าเห็นผลงานจากรถของ น้าสยาม บุญช่วย ซึ่งน้าก็แนะนำมาที่ Warp Icon ซึ่งจะเห็นได้ เป็นการบอกเล่าส่งต่อกัน เพื่อนสู่เพื่อนครับ
- โอ๊ค-ปุณยวีร์ สุพรรณ์
“เราทำตามความชอบนำหน้า แล้วธุรกิจจะตามมา”
ซึ่งหลังที่กำเนิด Wrap Icon ออกมาได้เพียง 4 เดือน ก็มีเหตุให้ต้องขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ด้วยอุปนิสัยของพวกเราคือชอบดูรถแข่ง ก็เลยเกิดไอเดียวว่า อยากหาที่นั่งชิลๆ ไว้ดูรถแข่งด้วยกันกับเพื่อนๆ เหมือนกับเวลามีบอล ทุกๆ คนก็จะไปหาร้านที่มีถ่ายทอดเพื่อไปเชียร์ทีมโปรด นี่ก็อารมณ์เดียวกันครับ คือบ้านเรามีสปอร์ตบาร์เยอะครับ แต่ไม่มีมอเตอร์สปอร์ตบาร์เลย อย่างเวลาไปญี่ปุ่นหรือเยอรมัน มอเตอร์สปอร์ตบาร์มีมากมาย มีการแข่งขัน F1 เค้าก็ไปเชียร์กัน สังสรรค์กันสนุกสนาน หรืออย่างล่าสุดที่มาเลย์ เค้าก็มี ก็เลยมาคิดว่าทำไมประเทศไทยไม่มีใครคิดทำอะไรแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจขยายพื้นที่ด้านข้าง สร้างมอเตอร์สปอร์ตบาร์ขึ้นมาอีกหนึ่งธุรกิจ โดยมุ่งเน้นที่จะทำพื้นที่โซนนี้ให้โตขึ้นเหมือนอเวนิวคนบ้ารถ อะไรประมาณนั้นครับ ก็เลยรวมสมัครพรรคพวกเพื่อนกันมาร่วมในการสร้างโครงการนี้ อยากให้เราขับรถที่รัก มาทำในสิ่งที่เราชอบ มาเชียร์การแข่งขัน มาเจอเพื่อนใหม่ มาดูรถสวยๆ อยากรวบรวมคนคอเดียวกันมาอยู่ด้วยกันครับ เราไม่ได้หวังให้มันเป็นเหมือนผับ บาร์ ที่ขายเครื่องดื่ม มีวงดนตรีสดมาเล่น อะไรแบบนั้น 100% แค่อยากให้ทุกคนเข้าถึง ไม่อยากให้มองว่าเราทำแต่รถ Super Car เข้าถึงยาก ซึ่งจริงๆ แล้ว เราเปิดกว้าง ต้อนรับเพื่อนๆ ที่ชอบรถทุกคนครับ ซึ่งนิสัยคนไทยจะเกร็ง เวลามาแล้วไม่รู้จักใคร จะเกิดความเกรงใจ ไม่กล้าเดินเข้าไปถาม เพราะไม่รู้จัก มอเตอร์สปอร์ตบาร์จะเป็นสื่อกลาง เพื่อละลายความเกร็งนั้นให้หายไปครับ อีกทั้งคนที่ชื่นชอบของสะสมต่างๆ ที่นี่จะตอบโจทย์คุณได้ครบทุกความต้องการครับ คาดการณ์ไว้ประมาณเดือนธันวาคม ปลายปีนี้ เริ่มเปิดให้บริการในชื่อ PIT 8 ในโซนข้างๆ กัน ก็จะเป็นคาร์แคร์ ในชื่อ Midnight Car Detailing ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่เปิดขึ้น เพราะธุรกิจที่อู่ ต้องล้างรถให้กับลูกค้าอยู่แล้ว มันเป็นความเสี่ยงที่ย้ายรถของลูกค้าออกไปนอกพื้นที่ ก็เลยเป็นที่มาในการกำเนิดคาร์แคร์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโซน
คือเรามีเพื่อนๆ ที่มีฝันเหมือนกับเรา การขยายพื้นที่แตกแยกโซนต่างๆ เพิ่มขึ้นมา ก็อยากให้เพื่อนๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยจุดเด่นของพวกเราคือ ทุกคนที่มาเข้าร่วม ล้วนแล้วมีงานประจำกันอยู่แล้ว เราไม่ได้มีพาร์ตเนอร์ที่เดินมาตัวเปล่า แล้วมาขอหุ้นด้วย แบบนั้นเราไม่เอา เราทำตามความชอบนำหน้า แล้วธุรกิจจะตามมา ซึ่งมันก็สอดคล้องการกำเนิด Liberty Walk Thailand ซึ่ง Mr. Kato เลือกพวกเรา ก็เพราะเหตุผลนี้ครับ
และธุรกิจอีกโซนที่เปิดขึ้นแล้ว ณ ตอนนี้ เราเรียกว่า Alfred เป็นรูปแบบการให้บริการในลักษณะ Car Hotel คือรับฝากรถให้กับลูกค้าที่มีพื้นที่ของตัวบ้านไม่เพียงพอ ไม่รู้จะนำรถไปฝากที่ไหน ที่สามารถไว้ใจได้ มีมาตรฐานเต็มรูปแบบ พร้อมบริการชาร์จแบตเตอรี่ วอร์มเครื่องยนต์ แล้วทำความสะอาดล้างรถ หรือรับ-ส่ง รถไปยังสถานที่ที่คุณต้องการครับ”
จบแล้ว… ในปี้นี้ Infinite Motorsport นี่มันไม่ใช่เส้นชัยของพวกเค้า แต่มันเป็นจุดมุ่งหมายใหม่ ที่เริ่มต้นขึ้น เพื่อให้เค้ารันวงการต่อไปครับ