ITALIAN VINTAGE GARAGE – สำหรับม้าลำพองคันพิเศษ

 

เรื่อง: วีระโชติ ดวงฤทัย ภาพ: สุภชัย รอดประจง

ITALIAN VINTAGE GARAGE

สำหรับม้าลำพองคันพิเศษ

ด้วยทัศนคติที่มีเกี่ยวกับรถ ทำให้เขาบอกว่าการจะมีรถสักคัน เราก็ควรหาที่ที่เหมาะสมให้กับรถดังนั้น เจ้าของจึงดึงเอาความต่างของรถซูเปอร์คาร์ และการออกแบบสไตล์วินเทจ มาผสานกันเป็นโรงจอดรถสไตล์ Italian Vintage ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

บ้านดอยธิเบศร์ ดัชนี กรุงเทพฯ

อันที่จริง คุณดอยธิเบศร์ เคยปรากฏตัวในนิตยสาร Garage Life Thailand มาครั้งหนึ่งแล้ว ในฉบับที่ 17 ครั้งนั้นเป็นโรงจอดรถของเจ้า 430 Scuderia ที่จอดคู่กับ Fiat Abarth 695 Tributo Ferrari ที่เขาเป็นคนออกแบบโรงจอดรถเองทั้งหมด  ใครที่แฟนคลับ Garage Life Thailand คงจำกันได้ดี  แต่ถ้าแฟนๆ ชาว XO ที่เพิ่งเริ่มติดตามคอลัมน์นี้ ลองหาเล่มย้อนหลังมาดูกันได้ครับ

หลังที่แล้วผมออกแบบโรงจอดรถให้ดูโมเดิร์นหน่อย เพื่อให้มันดูเข้ากันกับรถที่จอดอยู่ในนั้น แต่หลังใหม่นี้ผมอยากได้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป และเมื่อผมชอบ Ferrari ซึ่งเป็นรถของประเทศอิตาลี ผมก็เลยแต่งโรงจอดหลังนี้ให้ออกมาสไตล์ Italian Vintage”

แต่ในความรู้สึกของผู้เขียน โรงจอดรถหลังแรกน่าจะเหมาะกับคำว่าพิพิธภัณฑ์ซะมากกว่า เพราะมีทั้ง รูปพร้อมลายเซ็น นักแข่งที่เป็นตำนานของเฟอร์รารี่ อย่าง  มิชาเอล ชูมัคเกอร์ หรือ เฟอร์นันโด อลองโซ และฟิลิเป้ มาสซา ที่สำคัญที่สุด ลายเซ็นบนหนังสือชีวประวัติของ Enzo Ferrari ผู้ให้กำเนิดเฟอร์รารี่ นอกจากนี้ยังมีของสะสมอย่างหมวกพร้อมลายเซ็น เสื้อของทีม Scuderia Ferrari โมเดลรถ เรียกว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Ferrari ทั้งหมดมีให้เห็นในโรงจอดรถหลังนั้น

กลับมาที่เรื่องของโรงจอดรถ Italian Vintage หลังนี้กัน คุณดอยธิเบศร์ บอกว่าเพราะอาชีพของผมผูกอยู่กับความงามและการดีไซน์ ผมเชื่อว่า ประเทศอิตาลีถือเป็นอันดับต้นๆ ในเรื่องการดีไซน์ของโลกอยู่แล้ว และรถเฟอร์รารี่เอง ผมก็ถือว่ามันเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง

ผมเลือกรถจากคาแรกเตอร์ของรถ และเลือกให้เข้ากับตัวเอง Ferrari ในทัศนคติของผม คือ ทรวดทรง เส้นสายการออกแบบ ที่ออกมาอย่างลงตัวตั้งแต่หัวจดท้าย ซึ่งเฟอร์รารี่คันแรกของผม คือ 430 Scuderia Lightweight ส่วนเจ้า 458 Speciale Lightweight เป็นคันที่ 2 ผมจะเลือกเฉพาะรุ่นไลต์เวต เพราะคาแรกเตอร์และสไตล์ของผมไม่เหมือนคนอื่น ดังนั้น เจ้า 458 Speciale ของผมจึงมีออปชันที่พิเศษกว่า 458 Speciale ทั่วไป เพราะผมไม่ได้ชอบรถที่ขับสบาย แต่จะชอบรถที่ค่อนข้างดุดัน รุนแรง และรถไลต์เวตจะเป็นรถที่ผลิตน้อย เหมือนเป็นรถแข่งที่สามารถนำมาใช้ขับในชีวิตประจำวันได้ นั่งไม่ค่อยสบายหรอกครับ ออกแนวแรง โหด ดิบ ตัวถังทำจากอะลูมิเนียมและชิ้นส่วนประกอบจากเคฟลาร์ ส่วนเบาะก็เป็นบักเก็ตซีต ไม่เหมือน Ferrari ทั่วไปที่เป็นเบาะหนังนิ่มๆ ปรับด้วยไฟฟ้าสบายๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวผม

ถ้าจะมีรถสักคัน

ก็ควรหาที่ที่เหมาะสมให้กับรถ

คุณดอยธิเบศร์เอง เป็นคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะศึกษาหาข้อมูลสิ่งๆ นั้นอย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับการทำงานให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด และด้วยบุคลิกเช่นที่กล่าวมานี้เอง จึงเป็นที่มาของการสร้างโรงจอดรถให้กับเจ้า 458 Speciale Lightweight คันนี้

ผมเองหลังตั้งแต่ตัดสินใจที่จะซื้อเจ้า 458 Speciale Lightweight ผมก็มาคิดว่า โรงจอดรถของผมหลังนี้ควรจะออกมาในลักษณะไหน แล้วก็เลยนึกถึงคอกม้าสไตล์วินเทจ และเพื่อให้เข้ากับรถเฟอร์รารี่ เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับงานวินเทจสไตล์อิตาเลียนดู เพราะผมยังคงยืนยันความเชื่อที่ว่า การจะมีรถสักคัน เราก็ควรหาที่ที่เหมาะสมให้กับรถด้วย

โรงจอดรถหลังนี้ คุณดอยธิเบศร์ใช้เวลาทำประมาณ 1 ปีกว่าๆ โดยวางคอนเซปต์การออกแบบและตกแต่งไว้คือ Horsing Garage ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคอกม้าเก่าๆ เขาจึงเลือกใช้วัสดุพวกไม้ อิฐ ปูน และเหล็ก มาผสมผสานให้กลมกลืนกัน   

โรงจอดรถหลังแรกที่ทำผมไม่ค่อยได้อยู่ เพราะส่วนใหญ่ผมจะทำงานและอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เป็นหลัก ผมเลยไม่อยากให้บรรยากาศมันดูหนักและแน่นจนเกินไป อยากให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จริงๆ เลยเลือกที่จะใช้จอดรถเพียงคันเดียว ให้มันมีพื้นที่ที่ให้เราสามารถใช้งานมันได้อย่างเหมาะสม

อันที่จริงบ้านหลังนี้ผมใช้เป็นออฟฟิศ แต่เราก็อยากใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เรามี จากประสบการณ์ที่เราเคยทำโรงจอดรถหลังที่แล้ว เราเลยลองมาทำอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจากประสบการณ์หลังแรก ทำให้ผมเข้าใจเรื่องของ space มากขึ้น เรารู้สึกว่า เราสามารถเล่นอะไรกับพื้นที่ที่เรามีอยู่ได้มากขึ้น อย่างหลังแรกเราไม่ได้ปรับอะไรตัวบ้านมากนัก แต่หลังนี้เราทุบผนังบริเวณหน้าบ้านเลย

เนื่องจากหลังนี้เป็นออฟฟิศ ผมเลยออกแบบให้พนักงานเข้าออก โดยผ่านประตูสวนด้านข้าง ส่วนประตูโรงจอดรถจะล็อกจากด้านใน ขณะที่ถ้าเราต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น เราก็เปิดประตูด้านที่อยู่ด้านใน ซึ่งเป็นส่วนของผนังตัวบ้านเดิมที่เราทุบออกก็จะได้พื้นที่โรงจอดรถเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่ในการนั่งชื่นชมรถจากในบ้านได้ หรือจะนั่งโซฟาภายในโรงจอดรถก็ได้ ทำให้เราเล่นกับ space ได้มากขึ้น ซึ่งเราสามารถอยู่กับสิ่งที่ชื่นชอบได้จริงๆ 

PLANNING DATA & MATERIALS

พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกสรรวัสดุ

เพื่อให้เข้าคอนเซปต์ Horsing Garage

สำหรับการเลือกใช้วัสดุในการทำโรงจอดรถหลังนี้ คุณดอยธิเบศร์ เล่าว่าเนื่องจากตั้งใจว่าจะทำโรงจอดรถหลังนี้ให้มันดูเป็นลักษณะอิตาเลียนวินเทจ ก็เลือกคอนเซปต์ Horsing Garage ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคอกม้าเก่าๆ ผมจึงพยายามคุมโทนให้มันอยู่ในธีมที่ตั้งใจ  อย่างไม้ก็เลือกใช้ไม้เก่า นำมาล้างให้ขึ้นลายก่อนที่จะนำมาใช้ อย่างคานก็หุ้มด้วยไม้เก่า มีเหล็กหุ้ม มีหมุด ให้มันได้อารมณ์แบบคอกม้า ส่วนอิฐก็เลือกสีที่มันอยู่ในโทนเดียวกัน เพราะถ้าแต่งมากไป มันจะกลายเป็นคาวบอยไป ก็เลยหาความลงตัวของการตกแต่ง หาป้าย Enamel ใช้อะลูมิเนียมสีดำมาตกแต่งบ้าง ให้มันดูมีความเป็นโมเดิร์นผสมอยู่ด้วย

เพดานด้านบนจะมีการตกแต่งที่มีเลย์เยอร์ที่ค่อนข้างชัดเจน ด้านในสุดจะตกแต่งด้วยไม้ มีเหล็กคาด ต่อมาบริเวณคานกลางที่เป็นปูนถูกหุ้มด้วยไม้เก่ามีเหล็กคาดเชื่อมต่อมาจากทางด้านใน ถัดมาเป็นเหล็กฉีก ต่อมาเป็นระแนงอะลูมิเนียม เพื่อให้เกิดความขัดแย้งกัน แต่ก็มีความผสานกลมกลืนกันด้วยโทนสีดำและสีเอิร์ธโทนที่ใช้

บริเวณพื้นด้านหน้าโรงจอดรถปูเป็นบล็อกๆ ด้วยหินแกรนิต ให้ความรู้สึกเป็นอิตาเลียนนิดๆ  ส่วนพื้นโรงจอดรถใช้เป็นกระเบื้องลายไม้ เพื่อให้บรรยากาศดูนุ่มนวลขึ้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะใช้ไม้จริงอยู่เหมือนกัน แต่ติดเรื่องการดูแล ก็เลยตัดสินใจใช้เป็นกระเบื้องลายไม้แทน

ด้านข้างเป็นสวนที่ออกแบบให้เชื่อมต่อกับโรงจอดรถได้ พยายามหาอารมณ์ที่มันเป็นอิตาเลียน ก็คือ มีน้ำพุ ซึ่งคอนเซปต์มันเป็นคอกม้า เราเลยพยายามหาน้ำพุที่มันเป็นรูปม้า เพื่อให้มันดูลิงก์กันได้ ถ้าสังเกตโรงจอดรถหลังเก่าจะมีแต่โลโกของเฟอร์รารี่เต็มไปหมด ซึ่งแตกต่างจากหลังนี้ อย่าง Horse Bronze ที่ติดอยู่บนผนังในโรงจอดรถก็เป็นม้าที่จำลองมาจากม้าที่อยู่หน้า Ferrari Museum มันเป็นม้าที่มี muscle ไม่ใช่ม้าที่ติดตามหน้ารถเฟอร์รารี่ทั่วไป ผมพยายามตกแต่งให้มันดูกลมกลืนกัน มีม้าที่เป็นน้ำพุ มีม้าที่เป็นของเล่น มีโมเดล และของตกแต่งที่เกี่ยวกับม้า

สำหรับของตกแต่งอย่างอื่นๆ ผมก็พยายามหาให้มันเข้ากับความเป็นวินเทจ ไม่ว่าจะเป็นโซฟา โต๊ะ โคมไฟ ก็จะเป็นของวินเทจทั้งหมด ส่วนพวกป้าย ผมก็หาพวกป้ายสัญญาณเตือนจราจร มาติดหน้าบ้าน เพื่อให้บรรยากาศมันดูเหมือนเราพร้อมที่จะทะยานลงสนามแข่งอยู่ตลอดเวลา

อย่างป้ายที่วางเรียงๆ อยู่ ครั้งแรกตั้งใจว่าจะติดเหมือนกัน แต่พื้นที่ของผมมันน้อย ถ้าเอาไปติด มันก็จะดูเลอะเทอะ ผมก็เลยเอามาวางเรียงกันมุมหนึ่ง อันที่จริงโรงจอดรถหลังนี้ของเยอะมาก แต่เรานำมาจัดเรียงให้มันดูโปร่งๆ สบายๆ อย่างป้ายแอนาเมลพวกนี้ มีร่วมๆ กันแล้วน่าจะกว่า 30 ชิ้น บางชิ้นเราก็จัดวางแบบเดี่ยวๆ บางชิ้นเราก็นำมาจัดเรียงรวมกัน ซึ่งแต่ละจุดมันมีคอมโพสต์ของมัน

ผมยอมรับว่า ของตกแต่งโรงจอดรถหลังนี้หายากกว่าหลังแรกมาก เพราะมันเป็นของวินเทจ และที่สำคัญ มันต้องเป็นของที่ดูเข้ากันกับคอนเซปต์ที่ผมวางไว้ด้วย

สิ่งที่มันยากคือ มันเป็นคอนเซปต์ใหม่ มันเป็นการตกแต่งในสไตล์วินเทจที่มีความโมเดิร์นอยู่ในตัวด้วย แล้วมันก็เป็นอิตาเลียนวินเทจ ซึ่งมันแต่งยากกว่าวินเทจสไตล์อเมริกัน ซึ่งของตกแต่งจะมีเยอะกว่า แต่เราใช้รถอิตาเลียน เราจึงต้องหาของตกแต่งที่ไปทางยุโรปมากกว่า ซึ่งการตกแต่งที่มีคอนเซปต์ที่ชัดเจน ทำให้เราหาของได้ง่ายขึ้น คือ โฟกัสไปที่ของที่เราต้องการจริงๆ ถึงวันนี้ผมก็ยังหาของตกแต่งเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ฮาฮาฮา

PLANNING DATA

สถานที่ กรุงเทพมหานคร

เจ้าของ คุณดอยธิเบศร์ ดัชนี

สร้างเสร็จ กลางปี 2016

โครงสร้าง เหล็ก

พื้นที่โรงรถ 40 ตารางเมตร โดยประมาณ

รถยนต์คันโปรด Ferrari 458 Speciale

OWNER CHECK

สิ่งที่ชอบที่สุด เป็นโรงจอดรถที่ผมสามารถใช้ชีวิตอยู่กับมันได้จริงๆ

สิ่งที่อยากปรับปรุง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่คิดว่าทำเสร็จ ยังอยากแต่งโน่น เติมนี่ ไปเรื่อยๆ

ความฝันครั้งต่อไป อยากขยายพื้นที่โรงจอดรถเข้าไปในตัวบ้าน อาจตกแต่งหรือปรับปรุงพื้นที่เพิ่มเติม

คำแนะนำถึงผู้อ่าน หากเรามีการวางคอนเซปต์การตกแต่งที่ชัดเจน ก็จะทำให้เราหาของได้ง่ายขึ้น คือโฟกัสไปที่ของที่เราต้องการจริงๆ นั่นเอง