Man And The Machine : Never Break Down

 

STORY : PHOTO   วรุตม์ สีหนาท

MAN AND  THE  MACHINE

“Never break down “

คุณเคยถามตัวเองไหมว่า ถ้าร่างกายมีอุปสรรค คุณพร้อมที่จะต่อสู้อย่างสุดกำลังไหม เพื่อสิ่งที่คุณรัก  ถ้ายังนึกไม่ออก ลองมาฟังเรื่องราวนี้กันครับ

ผมเองเคยประสบอุบัติเหตุระหว่างเล่นกีฬาเมื่อหลายปีก่อนทำให้เอ็นร้อยหวายที่ข้อเท้าข้างซ้ายขาด ย้อนกลับไปในตอนนั้นยังจำได้ถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่บาดเจ็บได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่า สำหรับคนที่ชื่นชอบในการขับรถ หรือหลงรักในกีฬา Motorsport การที่ร่างกายบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถขับรถคันโปรดได้ ต้องรอคอยเวลาให้หายดี ถึงจะสามารถกลับไปขับรถได้ สำหรับตัวผมเองใช้เวลาเกือบ 1 ปีเต็ม กว่าจะหายสนิทเต็มร้อย ตอนนั้นเคยคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเราดันบาดเจ็บหนัก ทำให้ไม่สามารถกลับมาขับรถได้อีก มันจะเป็นยังไง เรายังจะสามารถพาตัวเองกลับมาทำในสิ่งที่เรารักได้หรือไม่ ในที่สุดก็ได้คำตอบ….

ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาด กรุงเทพฯ ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวให้เข้าบ้านก่อน 22.00 . ในวันนั้นก็ได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายงานที่ Motion Garage ย่านเลียบทางด่วน ในระหว่างที่กำลังเร่งรีบถ่ายรูปแข่งกับเวลากันอยู่นั้น สายตาก็ได้เหลือบไปเห็นพี่ท่านหนึ่งนั่งอยู่บน Wheelchair ในทีแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จนกระทั่งพี่อ๊อป Motion Garage ได้ขับ Audi TT สีเหลืองคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามา พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ธรรมดา มีของแน่นอนเจ้ารถคันนี้ ก็เลยเดินเข้าไปคุย ถามถึงการ Modify รถคันนี้ จนตอนท้ายสุด พี่อ๊อปได้เฉลยกับผมว่า พี่เจ้าของรถที่นั่ง Wheelchair นั่นไง ผมถึงกับต้องถามซ้ำ และยังถามต่อไปว่าพี่เขาบาดเจ็บชั่วคราวหรือเป็นผู้พิการถาวร คำตอบที่ได้รับทำเอาผมถึงกับตะลึงพี่เขาเป็นผู้พิการ และเนี่ยขับมาที่นี่คนเดียว พี่เขาทำรถไม่หยุดเลยด้วย วันนี้ก็เอารถมาใส่ Intercoller” ได้ฟังเรื่องราวเบื้องต้นแล้ว ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนแบบไหนกันนะที่นั่ง Wheelchair แล้วยังขับรถมาเอง ทำรถจนดึกดื่น ยิ่งช่วงนี้ใกล้เวลาเคอร์ฟิวก็ยังมาทำรถงี้เหรอ? คิดได้แบบนั้น ก็รออะไรล่ะ เดินเข้าไปคุยกับพี่เขาตรงๆ เลยดีกว่า ก็เริ่มจากการแนะนำตัว และเล่า Concept ของคอลัมน์นี้ให้ฟังคร่าวๆ เพราะอยากจะนำเสนอเรื่องราวนี้ ซึ่งพี่เขาก็โอเคเลย แต่เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดในคืนแรกที่เราเจอกัน ทำให้ต้องรีบแยกย้าย ก็เลยทำได้แค่แลก Contact กันไว้ ในตอนที่กำลังจะกลับนั้น ผมกำลังจะเดินไปช่วยพยุงขึ้นรถ แต่พี่อ๊อปได้เดินมากระซิบว่าเฮ้ยไม่ต้อง รอดูพี่เขาขึ้นรถเองได้ ดูอยู่เฉยๆแล้วก็เป็นจริงดังที่ว่า ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที พี่เขาก็ได้พยุงตังเองอย่างคล่องแคล่วเข้าไปในรถ และรถ Wheelchair ทั้งคันก็ถูกถอดเป็นชิ้นๆ ใส่เข้าไปในเจ้า TT อย่างรวดเร็ว และเราก็ได้ลากัน จากนั้นเจ้า TT สีเหลืองก็ได้ขับออกไป และได้ยินเสียงเดินคันเร่งเต็มกำลัง ทะยานไปอย่างรวดเร็ว หายไปในความมืดแบบที่เรียกได้ว่า ขับโคตรห้าว

นี่เป็นเรื่องราวเบื้องต้นในที่พบกันกับ พี่ฮาว ศุภรัตน์ พรมิ่งมาศ

หลังจากนั้นอีกเกือบ 1 เดือนก็ได้ฤกษ์นัดพบกัน เพื่อพูดคุยกับเรื่องราวอันน่าสนใจนี้

ในเวลาบ่ายวันหนึ่งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่ Infinite Motorsport เจ้า TT สีเหลือง

พร้อมกับพี่ฮาวก็ได้มาถึง เราก็เริ่มบทสัมภาษณ์นี้ขึ้น เรามาฟังเรื่องราวที่เจ้าตัวเล่าให้ฟังดีกว่าครับ

สมัยเด็กๆ ก็เรียนโรงเรียนชายเซนต์คาเบรียล ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน ก็เป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามาโดยตลอด คือ ชอบเล่นฟุตบอล จากนั้นเรียนจบมาก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมีความสนใจในเรื่องรถก็ตอนนี้ แรกเริ่มไปเรียน คุณพ่อเองนั้นมีรถอเมริกันอยู่ในครอบครองถึง 3 คัน และได้ให้ใช้ Oldsmobile รุ่นอะไรจำไม่ได้ คันยาว 5 เมตรกว่าๆ ขับไปเรียน เป็นพวงมาลัยซ้าย ก็โดนแซวตลอดแบบขับเรือมาเรียนเหรอ หรือบางทีก็ขับไปรับสาวขึ้นมาทีละ7-8 คน ขับอยู่ 6 เดือน ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงคันเดียว จอดเป็นซากอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นก็ได้ขอคุณพ่อซื้อรถคันใหม่เป็น BMW E36 Coupe 320i แทน จากนั้นพอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เลยไปฉลองกับเพื่อนที่พัทยา และได้นัดไปเล่นโกคาร์ทกัน ไปขับเล่นกันธรรมดา สมัยนั้นรถโกคาร์ทเป็นรถล้อเปิด ไม่ได้มีตัวกันชนปิดล้อเหมือนในสมัยนี้ ในจังหวะที่กำลังจะแซงเกิดพลาดเฉี่ยวกับรถเพื่อนคันหน้า ล้อหน้ารถเราเลยไปเกี่ยวกับล้อหลังของรถเพื่อน ทำให้รถมันลอยขึ้น ตัวเราก็ลอยติดไปพร้อมกับรถ แล้วจังหวะที่ลง ตัวเราตกลงมาก่อน หลังกระแทกพื้น และรถก็ลอยตกมากระแทกซ้ำอีกที ทำให้กระดูกสันหลังหัก เส้นประสาทก็ขาด วินาทีแรกที่ลงไปที่พื้นก็รู้เลยว่าปัญหามาแน่นอน รับรู้ทุกอย่าง  เราใส่หมวกกันน็อกก็ไม่ได้สลบ ตอนที่เกิดขึ้นคือรับรู้ได้เลยว่าท่อนล่างมันชา 99% ไม่รอดต้องเป็นอัมพาตตลอดชีวิตแน่ๆ พอไปโรงพยาบาล คุณหมอก็ได้วินิจฉัยโดยละเอียด ก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เส้นประสาทขาด ไม่สามารถต่อได้ ตอนนั้นอายุประมาณ 22 ปี ยังไม่ทันได้รับปริญญาเลยด้วยซ้ำ เสียใจมากๆ ร้องไห้ทุกวันเลย ทำใจอยู่หลายปี ปีสองปีแรกแย่มากๆ ช่วงแรกๆ ยังมีความหวังอยู่ หมอบอกว่า 6 เดือนถึง 1 ปีแรกยังมีโอกาสที่เส้นประสาทมันอาจจะฟื้นฟูตัวเอง ต้องทำกายภาพบำบัดให้มาก  เราก็ตั้งใจทุ่มเทกับมัน คุณพ่อคุณแม่ก็ยังให้ไปรักษาแผนโบราณ แผนจีน แม้กระทั่งไสยศาสตร์ก็ลองมาหมดแล้วทุกวิธี ตั้งใจทำอยู่ 2 ปีก็ยังไม่ดีขึ้นก็เลยเลิก ไม่ได้ทำต่อ แต่ไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพราะพ่อแม่ก็ดูแลเป็นอย่างดี ไม่อยากทำให้เขาเสียใจ ก็เริ่มยอมรับตัวเองได้ แต่พอรู้จักเพื่อนคนพิการมากขึ้น เขาก็แนะนำให้ไปทำกิจกรรม ไปเล่นกีฬา แรกๆ ก็ไปว่ายน้ำบ้าง เล่นเทนนิสบ้าง มีรายการให้ลงแข่งต่างประเทศด้วย จากที่เคยคิดว่าพอเป็นอัมพาตแล้วจะเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้  ก็ไปได้ ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ เล่นเทนนิสอยู่ได้ 10 กว่าปี แต่ว่าเราเป็นอัมพาตก็เลยเล่นสู้คนที่เป็นโปลิโอไม่ได้ เพราะเขาขยับเอวได้มากกว่าเรา การเคลื่อนไหวเราคล่องตัวก็สู้เขาไม่ได้ จนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สมาคมผู้พิการแห่งประเทศไทยเปิดรับสมัครนักกีฬาโบว์ลิ่ง  เราก็เลยลองไปสมัครคัดตัวดู เป็นรุ่นแรกเลย มีโอกาสสูง เพราะทุกคนเริ่มจากศูนย์เลย ไม่มีนักกีฬาเก่า มีคนมาสมัครเกือบ 20 คน แต่เอาแค่ 2 คน แต่เราก็สามารถทำสำเร็จ ผ่านเข้าไปเป็นนักกีฬาจนได้ ผลงานที่ดีที่สุดก็สามารถคว้าเหรียญทองประเภทชายคู่และเหรียญเงินในประเภทชายเดี่ยวในกีฬาซีเกมส์

กลับมาเรื่องรถกันบ้าง ตัวเองเป็นคนที่ชื่นชอบในรถซิ่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะรถยุค ’90 หลังจากอุบัติเหตุแล้ว ก็คิดว่าตัวเองคงขับรถไม่ได้อีกแล้วก็เลยขายไป จังหวะนั้นเราก็ได้รู้จากเพื่อนคนพิการว่ามันมีอุปกรณ์ที่สามารถทำให้คนพิการขับรถได้นะ เขารู้จักคนที่นำเข้าอุปกรณ์คอนโทรลรถจากญี่ปุ่น ก็เลยซื้อรถมาใหม่อีกคัน เป็น Hyundai Sonata และเอาไปติดอุปกรณ์กับเขา ใช้ไป 3-4 ปีก็ไปเจอโฆษณาขาย RX-7 ราคาล้านกว่าบาท ก็คิดว่าพอไหว เลยจัดมาตามความฝัน ใช้อยู่ 4 ปี ส่วนมากอยู่อู่มากกว่าบ้าน (หัวเราะ) ทีนี้พอมาใช้ RX-7 รถมันเตี้ย ภายในก็แคบ ขึ้นลง ยากอีก แรกๆ ก็ต้องให้ลูกน้องคอยช่วยยกรถเข็นไปเก็บท้ายรถ กับเจ้าเซเว่น ก็เคยมีประวัติกันอีก เนื่องจากไม่เคยขับรถที่มีแรงม้าขนาดนี้ ขาดประสบการณ์ วันหนึ่งฝนตกปรอยๆ ถนนมันก็หมาดๆ เราติดไฟแดง พอออกตัวก็กดเต็มที่ รถมันก็เลยเสียอาการหมุนไปฟาดเสา จากนั้นรถก็เข้าอู่ยาวเลยอีก 6-7 เดือน ก็โดนคุณพ่อคุณแม่ว่าไปตามระเบียบ ขับโกคาร์ทยังไม่รอดเลย นี่เอารถไปชนเสาไฟฟ้าอีก ก็โดนห้ามไม่ให้ขับรถ แต่ใจมันรัก สุดท้ายก็ยังดื้อดึงที่จะขับรถให้ได้อีก หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปขับรถบ้าน คือ Honda CR-V Gen3, 4 จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เห็นโฆษณาของ Audi TT ลดราคาลงมา เราเองก็มีกำลัง เลยอยากจะสานฝันวัยเด็ก ซื้อมาก็เอาไปติดตั้งอุปกรณ์ Hand control อีกทันที พอได้ใช้คันนี้มาก็รู้สึกชอบมากในเรื่องของการ Design เกียร์เปลี่ยนเร็ว อัตราเร่งดี ตอนไปซื้อก็ลองนั่งให้เซลล์ขับให้นั่ง แต่เราก็ศึกษามา 4-5 เดือน จากรายการ Review รถใน YouTube มาก่อนแล้ว ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ  จากนั้นก็เริ่มคิดที่จะแต่งเลย เปลี่ยนล้อ BC, โช้ค  Bilstein, ท่อจาก Muffler Design และเอาไป Tune เป็น Stage2 ที่ Motion Garage ก็หาข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ตเช่นเคย เริ่มแรกก่อนจูนเพราะเราไปทำท่อที่ Muffler Design เขาก็เลยแนะนำให้จูนที่ Motion Garage เพราะเป็นพาร์ทเนอร์กัน เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำรถมาตลอด

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนั้น มองย้อนกลับไปก็อยากจะบอกว่าทุกคนในช่วงวัยรุ่นนั้น จะใช้ชีวิตอยากให้ระวัง ใช้ชีวิตอย่างมีสติ วัยรุ่นทุกคนก็ยังคิดน้อย ไม่กลัวตาย จริงๆ ตอนนั้นวันที่เกิดเหตุเขาให้วิ่ง 10 รอบ พอรอบสุดท้ายก็เลยฮึกเหิม อยากจะชนะ อยากจะแซงเพื่อนให้ได้ ก็เลยเกิดเรื่องขึ้นในโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าพิตอยู่แล้ว ชีวิตก็เลยเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น เพราะความประมาทในรอบสุดท้าย ก็ถ้าวันนั้นไม่เกิดเรื่องขึ้นก่อน แผนในชีวิตก็คิดที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ไม่อเมริกาก็ยุโรป แต่ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด ส่วนชีวิตในทุกวันนี้เป็นมา 20 กว่าปี ก็ค่อยๆปรับตัวมาเรื่อยๆ ในการช่วยตัวเอง ไปไหนมาไหนคนเดียว สามารถยกรถเข็นขึ้นรถเองคนเดียว ไปห้างเองคนเดียวได้ ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ทั่วไป

อยากจะบอกคนที่ประสบอุบัติเหตุเหมือนผม คนที่พิการหรือท้อแท้ในการมีชีวิตอยู่ ว่าท้อได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจและลุกขึ้นสู้ ชีวิตมันยังมีอะไรให้เราค้นหาอีกเยอะ ถ้าเราตั้งใจที่จะสู้กับมัน มันก็จะผ่านไปได้ด้วยดี เป็นเรื่องของใจล้วนๆ ในสมัยนี้ก็มีอุปกรณ์ช่วยเหลือที่เราจะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้ง่ายขึ้นเยอะ ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้พิการสะดวกสบายขึ้น ออกไปนอกบ้านทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ขับรถเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศได้ ทำอะไรได้ไม่แพ้คนปกติ บางอย่างอาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ส่วนตัวผมเอง พอเป็นผู้ใช้ Wheelchair ก็มีมุมมองต่อคนพิการที่เปลี่ยนไป สมัยก่อนเราเคยคิดว่าการเป็นผู้พิการเป็นเรื่องยากที่จะออกจากบ้านไปไหนมาไหนได้ แต่มันเป็นเรื่องง่ายในสมัยนี้ คุณต้องกล้าลองเปิดใจที่จะลองทำมันดู แต่อย่างตอนนี้ก็ดีนะครับ ก็เห็นคนพิการออกไปไหนมาไหนกันเยอะขึ้น และจริงๆ ก็ยังมีกลุ่มนักกีฬาทีมชาติคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบในการขับรถซิ่งเหมือนกันครับ

ผมได้ถามพี่ฮาวว่า พี่นี่ต้องชอบรถมากๆ เลยนะครับเนี่ยถึงทำขนาดนี้ พี่ฮาวได้หัวเราะแล้วบอก พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไหร่หรอก ไม่ขนาดนั้น ผมเลยตั้งคำถามกลับไปว่าพี่คนชนิดไหน ที่ถ้ามีเงิน 3-4ล้าน แล้วจะลงทุนเอาไปซื้อรถแบบนี้แล้วยังเอามาแต่งอีก เงินจำนวนเดียวกันนี้สามารถทำอย่างอื่นที่ซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกได้ตั้งมากมายสำหรับพี่ เช่น ทำไมไม่ซื้อ Alphard พร้อมเก้าอี้ wheelchair ล่ะครับ พี่ฮาวก็ได้แต่ยิ้ม แต่ผมคิดว่ารอยยิ้มนั้นเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่ช่วยการันตีว่าพี่ฮาวนั้นบ้าในรถขนาดไหน มันเป็นความผูกพันของคนกับรถที่มากมายจริงๆ ที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคทางร่างกายขนาดไหน ก็ไม่อาจที่จะพรากความฝันและสิ่งที่รักไปจากพี่ฮาวได้

สุดท้าย หลังจากที่เราจบบทสนทนาของการสัมภาษณ์พี่ฮาว พี่ฮาวก็ได้ชมอู่ Infinite แล้วก็กระซิบบอกผมว่า มีความฝันอยากลองนั่ง R35 สักครั้ง ชอบรถแรงๆ อยากสัมผัสความรู้สึกนั้น ในวันนั้นไม่มีรถ R35 คันไหนที่อู่พร้อมวิ่งได้เลย ขออนุญาตติดไว้ก่อนนะครับ พี่ฮาวยังเล่าให้ฟังอีกว่า ปกติก็ชอบซัดรถบนทางด่วนมากๆ ในตอนเช้าตรู่ หรือกลางคืนคนเดียว ชอบความรู้สึกที่มันดึงในทางตรง เพราะการมุดคงไม่ถนัด เพราะต้องขับมือเดียวและอาจจะเกิดอันตรายได้ ได้ฟังดังนั้น ผมก็เลยชวนพี่ฮาวว่าว่างๆ เราก็ไปขับรถเล่นด้วยกันในวันอาทิตย์กับพวกเรา จะได้ไม่ต้องซิ่งคนเดียวอีกต่อไป ถ้าใครมีโอกาสเจอก็เข้ามาทักทายกันได้นะครับ

สุดท้ายนี้ ผมก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการสนทนาในครั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องของพลังใจจิตใจของเราเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าร่างกาย หากว่าใจสู้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น พวกเราคนปกติครบ 32 ทุกประการ นับว่ายังเป็นเรื่องง่ายในการเผชิญหน้าอุปสรรคต่างๆ ในการใช้ชีวิต บางคนเจอเรื่องนิดหน่อยก็ท้อถอย ไม่อยากให้ยอมแพ้กันนะครับ ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ด้วย และใครที่มีความฝันต่อสิ่งใด ก็อยากจะให้มุ่งมั่นแน่วแน่กับสิ่งนั้นครับ

ขอให้ทุกคนมีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ แล้วพบกันใหม่ใน Man and The Machine

Tech Spec

Audi TT

Body kit: TTRS rear wing

Project’A -> ECU Tuning stage2

Project’A -> DSG Tuning s