ย้อนอดีตขุมพลัง “เวอร์ชันพิเศษ” ในตำนาน !!! Part III : MITSUBISHI

by xo team
7 years ago

STARION GSR-VR Wide Body ที่ดูดุดันขึ้นมากจากตัว Narrow Body เรียกว่า “ไม่ต้องเติมแต่งอันใด” ก็สวยสะพรึงอยู่แล้ว

Post To The Past

Special Version Power

ย้อนอดีตขุมพลัง “เวอร์ชันพิเศษ” ในตำนาน !!!

Part III : MITSUBISHI

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี (P’ สี่ภาค)

ภาพประกอบ : Google

ไหนๆ ใครว่า “ขุมพลังเวอร์ชันพิเศษ” หมดมุขหากินแล้ว ยังมีอีกนะครับ เพราะเครื่องเหล่านี้จะอยู่ในรถสายพันธุ์ปลาดิบ สำหรับผู้ที่บูชาพระอาทิตย์เป็นชีวิตจิตใจ ที่ขายแบบ Special Edition บางรุ่นก็ผลิตมาเพื่อให้ผ่าน Homologate สำหรับการแข่งขันใน Group ต่างๆ หรือเป็น Limited Edition ผลิตเป็นจำนวนจำกัด คราวนี้มานี่เลยกับสาวก “ตราเพชร” หรือ “มิฮูมิฮิ” (MITSUBISHI) อันเลื่องลือ ซึ่งขุมพลัง “เวอร์ชันพิเศษ” สายนี้เขาก็ “มีของ” เหมือนกันนะ เราไปย้อนรำลึกกันดีกว่า ว่า “คู่เด็ด” ในแบรนด์ “มิตซู” จะพิเศษสักแค่ไหน…

คู่แฝดในอเมริกา แต่เปลี่ยนนามว่า DODGE CONQUEST

G54B Turbo

4 สูบ บิ๊กบึ้ม ใน STARION GSR-VR

ในยุค 80’s ค่าย MITSUBISHI ได้ออก STARION ซึ่งเป็นสปอร์ตคูเป้ “พันธุ์แท้” ในรูปแบบ 2 + 2 ที่ไม่ได้มาจากรถ 4 ประตู แต่อย่างใด ออกมาครั้งแรกปี 1982 ประกบกับ NISSAN FAIRLADY-Z (S130), TOYOTA CELICA SUPRA (GA60), MAZDA RX-7 (SA22C) นับว่าเป็นสปอร์ตที่ “เปรี้ยว” มากในยุคนั้น ซึ่งเป็นรถที่เน้นสมรรถนะแบบสปอร์ตจริงๆ ในยุค 80’s ซึ่งมีเพียงแค่ “รุ่นเดียว” ออกมาแล้วก็จบกัน แต่ก็มีวงจรชีวิตยืนยาวตั้งแต่ปี 1982-1989 เชียวนะ สังเกตว่าแม้จะเป็นรถต้นปี 80’s แต่ทรวดทรงนับว่า “นำสมัย” มาก มันจะกลายเป็น Modern Retro ก็ว่าได้ ซึ่งดูไปแล้วก็จะแนวๆ เดียวกับ RX-7 SA22C นั่นเอง สำหรับขุมพลัง หากเป็นในรุ่น Turbo อย่าง GSR (ซึ่งก็จะมีตัวหลังต่อ เช่น I-II-X-V ก็จะเป็นเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ต่างกันไป) ซึ่งขุมพลังก็คงต้องเป็น G63B ในซีรีส์ “SIRIUS” หรือ “ซิริอุส” ที่บ้านเราในอดีตคุ้นเคยกับมันดี มันก็คือพื้นฐานของ 4G63 ในปัจจุบันนี้แหละครับ…

ขุมพลัง G54B แรงม้าสูสีกับ SIRIUS DASH แต่ได้แรงบิดที่รอบต่ำ

แต่ตัวเทพสุดก็คือ “GSR-VR” ตัวรถเป็น Wide Body ล้อลาย 5 ก้านคู่ 5 รู 114.3 มม. (รุ่นปกติ 4 รู 114.3 มม.) นัยว่าเป็นรุ่นพิเศษออกมาช่วงปี 1987-1989 ซึ่งขยายความจุ และ ขนาดตัวถังเป็น Wide Body เพื่อ Up Grade ขึ้นมาสู้กับสปอร์ตยุคใหม่ตั้งแต่ปี 1985 ขึ้นมา ซึ่งรถพวกนี้ก็ถูกพัฒนาสมรรถนะสูงขึ้นกว่าเดิมเยอะ เช่น NISSAN 300 ZX (Z31), TOYOTA SUPRA 3.0 GT (MA70) อะไรพวกนี้ ขุมพลังใช้บล็อก G54B ในตระกูล ASTRON แบบเดียวกับตัว DODGE CONQUEST ในอเมริกา ซึ่งเครื่องตัวนี้เป็นแบบ 4 สูบ OHC ที่ใช้ความจุมากถึง “2,555 CC.” หรือ 2.6 ลิตร นั่นเลย ใหญ่มากสำหรับเครื่อง 4 สูบ !!! โดยมีแรงม้า “200 PS” และเป็นเครื่องที่มีนิสัย Torquey หรือ “เน้นแรงบิดเยอะ” สไตล์อเมริกัน แต่รอบเครื่องไม่สูงนัก อยู่ประมาณ 6,000 rpm เศษๆ ส่วนพวก SIRIUS จะรอบจัดกว่า โดยเฉพาะตัว DASH ที่มีแรงม้า 200 PS เท่ากัน ซึ่งก็มีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันไป ณ ตอนนี้ ถือว่าเป็นเครื่องที่หายาก เพราะรถก็มีน้อย ตัวปกติยังไม่ค่อยจะเห็นเลย อย่าหวังไปไกลถึง GSR-VR แต่ถ้าใครมีไว้ ก็รักษาให้ดีเพราะเป็นเครื่องแปลกๆ ที่น้อยคนจะรู้จัก…

ตัว STARION GSR-III ตัวปกติ (Narrow Body)

มาในเวอร์ชั่น Group B Rally 4WD ชุดใหญ่ แต่ดันไม่ได้แข่งเพราะ Group B Rally ดันถูก “แบน” ไปก่อน เพราะในปี 1986 LANCIA DELTA S4 ที่ Henri Toivonen นักขับชาว Finland กับเนว์ Sergio Cresto ชาว Italy เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจน “พลีชีพ” ก็เลยต้องหยุดกะทันหัน และกลายเป็นตำนานไป

เห็นลุคสีดำทะมึนแล้วเหมือน Knight Rider เลยว่ะ

ล้อติดรถเลยนะ สวยขนาด ทำมาแบบล้อซิ่งที่ไม่ต้อง Want ล้ออื่นใดๆ

4G63 AMG

อันนี้ใหม่ขึ้นมาหน่อย ยุค 90 ตรงๆ ถ้าใครเป็นแฟน GALANT VR-4 ก็จะต้องรู้จักอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ที่มีความ “พิเศษสุดๆ” คือ GALANT AMG (เอ-เอ็ม-จี) ถ้าอ่านแบบเยอรมัน ก็ “อา-มา-เก้” ซึ่งไม่รู้ว่า MITSUBISHI ไปคุยกับ AMG ท่าไหนถึงร่วมมือกันได้ แต่ก็ดีเพราะสำนัก AMG Germany ก็เก่งเรื่องงานโมดิฟายแบบ “ครบสุด” ยอดเยี่ยม ซึ่งคราวนี้มีคอนเซ็ปต์ AMG’s Tune 4 Door Sports ที่เป็นการสะเวิ้บกันระหว่าง เยอรมัน และ ญี่ปุ่น งานนี้ “ปลาดิบแกล้มเบียร์” มันก็เข้ากันนะเว้ยเฮ้ย อย่าไปแบ่งแยกฝั่ง (ส่วนตัวผมชอบนะ ฝรั่งโมฯ รถญี่ปุ่น มันจะอีกสไตล์นึงเลย) นอกจาก GALANT ก็จะมีอีกตัว คือ DEBONAIR AMG อีกด้วย ก็ถือว่าพิเศษมากๆ เพราะเป็น “รถญี่ปุ่นค่ายเดียว” ที่ AMG จะมาโมดิฟาย โดยแบ่งเป็น Type I และ Type II ก็ลองดูว่าต่างกันอย่างไร (ผมชอบ Type I นะ) ซึ่งมันก็เป็นเอกลักษณ์จริงๆ ด้วยชุดพาร์ทใหม่ สีดำดุ ภายในสีดำ หัวเกียร์ไม้ ล้อก็ AMG ลาย HAMMER ที่อุตส่าห์ทำเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ…

GALANT AMG อันนี้เป็นเวอร์ชั่นหลังสุดที่ล้อจะเป็น 8 แฉก ที่หลายคนติดใจลาย Hammer 5 ก้านถึกๆ แบบเวอร์ชั่นแรกมากกว่า

ต้องบอกก่อนว่า AMG ไม่เอา VR-4 ที่เป็น “เทอร์โบตะกายสี่ตีน” มาทำนะครับ ตัวที่เอามาทำ คือ GTi 16V (E33A) ขุมพลัง 4G63 ไร้หอย ขับสองล้อหน้า นอกจากจะเล่นเรื่องความสวยงามในแบบ “ทะมึน” เคร่งขรึมแล้ว ยังจัดความแรงในแบบ N.A. ให้ “ขับสนุก” ยิ่งขึ้น แรงม้า 170 PS ที่ 6,750 rpm (เพิ่มขึ้นอีก 10 PS จากรุ่นปกติ) แรงบิดเพิ่มขึ้นอีกกระจึ๋งนึง “จุดห้า” เป็น 19.5 kg-m ที่ 5,000 rpm มาที่รอบสูงกว่าตัวปกติอยู่หน่อย เท่าที่พอ “ได้ยิน” ก็น่าจะ “จูนกล่อง” เพิ่มแน่ๆ ซึ่งบางกระแสก็ว่า “แคมองศาสูงกว่าอีกนิด เพิ่มหัวฉีดอีกหน่อย” แต่ท่อนล่างไม่ได้ยุ่งเพราะผมดูข้อมูลกำลังอัดแล้วมัน 10.4 เท่ากับตัว GTi ปกติ แต่เอาเถอะ สัญลักษณ์ “TUNED BY AMG” ที่อยู่บนฝาปิดปลั๊กหัวเทียน มันช่างยั่วยวนใจคนที่นิยมของแปลก ซึ่งในบ้านเราก็เคยหลุดมาทั้ง “เครื่องแท้” ซึ่งนานๆ จะหาได้ที และ “เครื่องอำ” เอาเฉพาะฝามาปิดเฉยๆ ก็ต้อง “เช็คให้ดี” นะคร้าบบบ เพราะภายนอกมันก็เหมือนกัน ถ้าจะให้ชัวร์ก็ต้อง “มายกหัว” ที่ติดพาร์ท AMG มา และเป็นรถสีดำก็พอจะเชื่อได้หน่อย…