ไฮไลต์ดาวเด่น “มอเตอร์โชว์ 2018” ชมรถเด็ดสไตล์ XO AUTOSPORT “รีบมา ยังทัน”

ไฮไลต์ดาวเด่นมอเตอร์โชว์ 2018”

ชมรถเด็ดสไตล์ XO AUTOSPORT “รีบมา ยังทัน

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : GPI Photo Dept.

สวัสดีครับ มาถึงช่วงหน้าร้อนที่ปนฝนมั่วซั่วตั้วเหล็งกันไปหมด แต่ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 39 ก็ยังยืนหยัดให้ท่านได้มาเยือนในบรรยากาศแอร์เย็นฉ่ำ พร้อมกิจกรรมเกี่ยวกับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์อีกเพียบ จนถึงวันที่ 8 เมษายน นี้ รวมถึงงาน Bangkok Used Car Show 2018 สำหรับคนที่นิยมรถมือสองคุณภาพดี ราคามิตรภาพ อย่าลืมมาชมกัน อ้อ วันที่ 7 เมษายน ทาง XO AUTOSPORT มีกิจกรรมมันส์ๆประกวดสายดีเซลคือ AMAZING COMMONRAIL PARKING Challenger 2-3 หลัง Accessories Hall ตอนนี้ยังเปิดรับสมัครอยู่นะครับ รายละเอียดการสมัคร เข้าไปที่ Facebook/XOAutosport ได้เลย

Aston Martin Vantage

มาดูรถค่ายนี้ คู่ใจ “007” แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดตัวยนตรกรรมรุ่นล่าสุด The New Vantage (AM6) เป็นประเทศแรกในอาเซียน รูปลักษณ์ได้แรงบันดาลใจจากรุ่น DB10 พาหนะคู่ใจสายลับเจมส์ บอนด์ มาพร้อมสมรรถนะจัดจ้าน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที เครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 503 แรงม้า แรงบิด 685 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่สามารถตอบสนองการขับได้ทุกรูปแบบ เรียกว่าหรูหรานุ่มลึกสไตล์ England hand built พร้อมสมรระนะอันร้อนแรงสไตล์ เจมส์ บอนด์

Audi A7 Sportback

  มาถึงค่ายสี่ห่วงจากเมืองเบียร์กันบ้าง อาจจะยังไม่ป๊อปสุดๆ ในสายยุโรปเมืองไทย แต่ค่ายอาวดี้เขามีรถสมรรถนะสูงมาตั้งนานแล้วนะ คราวนี้ แนะนำ Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S line ใหม่ รถสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู โดดเด่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) แบบ V 6 สูบ พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบฉีดตรง (direct injection) เทอร์โบชาร์จ ขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ 3.0 ลิตร แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.3 วินาที ตกแต่งแบบ S line ทั้งภายในและภายนอก ตอบสนองทุกอารมณ์ของการขับขี่ ภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ MMI Navigation plus with MMI touch response พร้อมจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว จอควบคุมมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัสพร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona แบบ Sport พร้อมสัญลักษณ์ S line ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ

Bentley Bentayga Diesel

เป็นครั้งแรกของ Bentley ที่หาญสร้างรถยนต์แบบ SUV แบบอัครมหาจะหรู แถมสมรรถนะร้อนแรงหนักแน่นแบบผู้ดีอังกฤษ อย่าง Bentayga Diesel คือ SUV เครื่องยนต์ดีเซล แบบ V8 triple-charged ขนาดความจุ 4.0 ลิตร 32 วาล์ว รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ให้พละกำลังมากถึง 435 แรงม้า รีดแรงบิดได้ถึง 900 นิวตันเมตร !!! เรียกว่าพร้อมบิดพาร่างอันใหญ่โตปานคฤหาสน์เคลื่อนที่ บิดระเบิดเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 4.8 วินาที !!! ทำความเร็วสูงสุดที่ 270 กม./ชม. เรียกว่าคงจะสะใจท่านเศรษฐีตีนติดไฟกันอย่างแน่นอน แถมยังประหยัด ระยะการเดินทางสูงสุดที่ไปได้ไกลเกินกว่า 1,000 กิโลเมตร ได้ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงหนึ่งถังเท่านั้น นี่ยังไม่รวมถึงความเนี้ยบในรูปแบบยานยนต์ระดับโลก

BMW X2 sDrive20i M Sport X

สมาชิกใหม่ในตระกูล X ลุยเล็กๆ ของค่ายใบพัดฟ้าขาว และยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล X ที่มีตราใบพัดสีฟ้าอยู่บน C-pillar ในดีไซน์ที่คล้ายกับรถระดับตำนานของบีเอ็มดับเบิลยู อย่าง 2000 CS และ 3.0 CSL รุ่น M Sport X ตกแต่งพิเศษแนวสปอร์ต โดดเด่นด้วยสเกิร์ตและซุ้มล้อสี Frozen Grey ที่ตัดกับสีตัวถัง เติมเต็มด้วยท่อไอเสียแบบคู่และล้ออัลลอยลาย Y-spoke ขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ รีดพละกำลัง 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Steptronic คลัตช์คู่ 7 จังหวะ ทำความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. พร้อมด้วยโหมดการขับขี่รูปแบบต่างๆ ที่สามารถเปลี่ยนผ่านปุ่ม Driving Experience Control โดยบีเอ็มดับเบิลยู X2 มีให้เลือก 3 โหมด เริ่มจาก COMFORT ซึ่งเป็นการขับขี่แบบปกติ รวมถึงโหมดประหยัดพลังงานอย่าง ECO PRO และโหมด SPORT เพื่อการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องของพละกำลังและการควบคุมรถที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น หลังคากระจกแบบ Panorama สองส่วน เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของบีเอ็มดับเบิลยู X2 โดยส่วนหน้าสามารถเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า เสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายใน M Sport X เบาะผ้า Micro Hexagon และ Alcantara สีดำแอนทราไซต์ ตอบโจทย์การใช้งานด้วยพื้นที่เก็บของความจุสูงสุด 470 ลิตร ที่สามารถรองรับสายบ้าหอบฟางแนว Activity จ๋าได้เลย

BYD E6

  มาดูรถไฟฟ้ากันบ้าง ในอนาคตอันใกล้ รถไฟฟ้าจะก็จะแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลก ในบ้านเรา (สักวัน) ได้ใช้แน่นอน สำหรับ BYD เป็นค่ายรถยนต์น้องใหม่ และยังเป็นโปรดักต์ใหม่ที่มาพร้อมกับกระแสของรถไฟฟ้าที่กำลังร้อนแรง ไฮไลต์ในงานนี้ เป็นการเปิดตัว BYD E6 รถอเนกประสงค์ 5 ประตู ยานยนต์ไฟฟ้า 100% โดดเด่นที่ความสะดวกสบาย ประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง รถสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาในการชาร์จเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดถึง 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร มหาศาลทีเดียว แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium Iron Phosphate ขนาดความจุ 80 กิโลวัตต์ ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม.โดยมีการรับประกันมอเตอร์และเกียร์ 5 ปี /150,000 กม. และรับประกันแบตเตอรี่ระยะเวลาถึง  5 ปี /500,000 กม. วางราคาจำหน่าย 1.89 ล้านบาท เป้าหมายในการลุยตลาดจะมุ่งไปที่การรองรับบริการรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น รถแท็กซี่ และรถเมล์ เพื่อลดมลภาวะให้โลกใบนี้

Ford Ranger Raptor

มาแล้ววว กระบะที่เป็นกระแสหนักหน่วงอยู่ ตอนนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบ, ผลิต และทดสอบ จากทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ หวังที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซ็กเมนต์ตลาดรถกระบะ ในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ออกแบบมาเพื่อนักขับขี่สไตล์ออฟโรดตัวจริง แชสซีได้รับการออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร มาพร้อมกับแผงกันกระแทกด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยปกป้องห้องเครื่องจากการกระแทก ผลิตจากเหล็กกล้าที่หนาถึง 2.3 มิลลิเมตร ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร ทั้งยังประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้นด้วยน้ำหนักที่น้อยลง รวมถึงระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และที่สำคัญ ได้ช่วงล่างแบรนด์ดังอย่าง FOX ที่สนนราคาหลักแสนหากซื้อติดตั้งเอง งานนี้ได้ทั้งความแน่นหนึบ ลุยได้มันส์สุดๆ เรียกว่าสมบูรณ์แบบจากโรงงาน กับราคาล้านเจ็ดมีทอนใครว่าแพงผ่านไปเลย เพราะงานนี้ต้องคนเข้าใจและเล่นถึงเท่านั้น

FOMM AWD SPORT CONCEPT

รถพลังงานไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ขนาดกะทัดรัด 2 ที่นั่ง การออกแบบกระจังหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากการแต่งหน้าแบบคาบูกิ เป็นรถแบบเปิดประทุน ดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย ไฟหน้าเป็นแบบ LED ประตูเปิดข้างแบบกรรไกร ส่วนการตกแต่งภายในเลือกใช้วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์  เบาะหนังผสมผสานกันระหว่างคาร์บอนไฟเบอร์และหนังแบบ Alcantara ดูล้ำสมัยมากขึ้นด้วยชุดจอแสดงผลดิจิทัลแบบไวด์สกรีน ด้านของมอเตอร์ไฟฟ้า ผลิตกำลังรวม 27 แรงม้า (20 กิโลวัตต์) และแรงบิด 1,120 นิวตันเมตร (825 ปอนด์ฟุต) มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 4 ก้อน ซึ่งแต่ละรุ่นมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 2.96 กิโลวัตต์ โดยในการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตร

Honda Civic Hatchback RED

ฮอนด้า เติมสีสันให้กับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ด้วย ซีวิค แฮตช์แบ็ก สีแดงแรลลี่ ซึ่งมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที เทคโนโลยีหัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชัน ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ร้อนแรงด้วยเทอร์โบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock ) และถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags…

Honda Clarity Fuel Cell

  เป็นรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง ปราศจากไอเสีย นับเป็นรถฟิวเซลล์ แบบซีดาน 5 ที่นั่งคันแรกของโลก โดยแผงเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell stack) ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ผสานระบบส่งกำลังให้มีสมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V-6 โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางถึงประมาณ 750 กม. ต่อการเติมไฮโดรเจนเต็มถัง 1 ครั้ง (การทดสอบภายในของฮอนด้าตามโหมดทดสอบของประเทศญี่ปุ่น ภายใต้เงื่อนไขของสภาวะอากาศ สภาพการจราจร และลักษณะการขับขี่ในขณะทดสอบ) ซึ่งจากระยะทางดังกล่าว นับเป็นระยะทางที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และมีอัตราการประหยัดน้ำมัน (EPA Fuel economy rating) เทียบเท่า 68 ไมล์ต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน (MPGe) (หรือประมาณ 28.3 กิโลเมตร/ลิตร)

ทั้งนี้ ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ เป็นหนึ่งในฮอนด้า คลาริตี้ ซีรี่ส์ ที่มีเครื่องยนต์ 3 รูปแบบ ได้แก่ คลาริตี้ ปลั๊กอิน ไฮบริด คลาริตี้ อิเล็คทริค และคลาริตี้ ฟิวเซลล์ ซึ่งได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกันตามกลยุทธ์ ทรี อิน วัน แพลตฟอร์ม โดยฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ฮอนด้านำมาจัดแสดงควบคู่กับเทคโนโลยีอื่นๆ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2018 ครั้งนี้

Isuzu MU-X The ICONIC

อีซูซุมิวเอ็กซ์ ดิ ไอโคนิค เสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง ICONIC STYLE เติมความหล่อด้วยล้ออัลลอยรุ่นพิเศษ ICONIC CROSS ขนาด 18 นิ้ว ส่วนในห้องโดยสารเติมความดุดันด้วยวัสดุสีโทนเข้มอย่าง LAVA BLACK เสริมประสิทธิภาพการใช้งานด้วย Digital TV Tuner นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสปอยเลอร์หลังคาด้านหลัง เติมความสปอร์ตได้เป็นอย่างดี

ด้านขุมพลังรุ่น 1.9 Ddi Blue Power มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร 1,898 ซี.ซี. Commonrail Direct Injection เทอร์โบแปรผัน VGS Turbo และ Intercooler รีดพละกำลังได้สูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Rev tronic

ส่วน 3.0 Ddi Blue Power ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ1-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. Commonrail Direct Injection เทอร์โบแปรผัน VGS Turbo และ Intercooler พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Rev Tronic เช่นกัน

Maserati Ghibli

มาเซราติ กิบลี่ สปอร์ตในตำนานสายอิตาเลียน แม้จะออกมาใหม่แต่ก็ยังอนุรักษ์เอกลักษณ์ต่างๆ ของมาเซราติไว้ครบถ้วน เช่น กระจังหน้าพร้อมสัญลักษณ์ตรีศูล สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของมาเซราติสุดคลาสสิกจากยุค 1950 แบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก 4 รุ่นย่อย คือ กิบลี่ แกรนลุซโซ่ เครื่องยนต์เบนซิน วี6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 350 แรงม้า กิบลี่ เอส แกรนสปอร์ต ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน แต่เพิ่มกำลังเป็น 430 แรงม้า… 

สำหรับ กิบลี่ ดีเซล เครื่องยนต์ดีเซล วี6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 275 แรงม้า กับแรงบิดสูงถึง 600 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,600 รอบ/นาที โดยมาเซราติ กิบลี่ ทุกรุ่นย่อย ส่งกำลังสู่ล้อหลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ไฟหน้าอะแดปทีฟแอลอีดี, ลายไม้ Radica, ระบบปรับอากาศ 2 โซน, เบาะหุ้มหนังแท้ชนิดพิเศษ, กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง, คาลิเปอร์เบรกสีดำและล้อแม็กขอบ 19 นิ้ว

ด้าน กิบลี่ ดีเซล รุ่นแกรนลุซโซ่ มาพร้อมอุปกรณ์เพิ่มเติม ได้แก่ Easy Entry, 4 door Keyless Entry, Adaptive cruise control, Forward Collision Warning, Blind Spot Alert, Lane Departure Warning และ Surround View Camera วางจำหน่าย ราคา 7,590,000 บาท ขณะที่ กิบลี่ แกรนลุซโซ่ เครื่องยนต์เบนซิน จะมีอุปกรณ์เพิ่มเติมเข้ามา ได้แก่ ซันรูฟ, แพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัย, ลายไม้ Ebano, เบาะคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ ส่วน กิบลี่ เอส แกรนสปอร์ต มีอุปกรณ์เพิ่ม กันชนหน้าหลัง แต่งด้วยสีดำเงา, ลายไม้ Black Piano, เบาะทรงสปอร์ต, พวงมาลัยแบบสปอร์ต, แป้นคันเร่งและแป้นเบรกดีไซน์สปอร์ต, คาลิเปอร์เบรกสีดำ และล้อแม็กขอบ 20 นิ้ว

Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium

สุดหรูรุ่นใหญ่ค่ายดาวโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ diamond-pattern grille ที่มีเส้นตัดแบ่งเส้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์แบบคูเป้ของเมอร์เซเดสเบนซ์ สเกิร์ตดีไซน์สปอร์ตจาก AMG เสริมด้วยล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ รีดพละกำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว

เสริมสมรรถนะการใช้งานด้วยระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย รวมถึงระบบกุญแจ KEYLESS-GO พร้อมด้วย HAND-FREE ACCESS และระบบเสริมด้านความปลอดภัยอีกมากมาย ทั้งยังมาพร้อมกับระบบนำทาง และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® รวมถึงฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple Carplay & Android Auto และระบบ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่

PORSCHE 911 GT2 RS

   มาถึงเจ้าชายกบมหาโหดโคตรแรงในเวอร์ชั่นไม่ปกติกับ 911 จีที 2 อาร์เอส รุ่นใหม่ล่าสุด ติดตั้งเครื่องยนต์สูบนอน ไบเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 700 แรงม้า และสร้างแรงบิดมหาศาลถึง 750 นิวตันเมตร ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัตช์คู่ 7 จังหวะ PDK ที่ผ่านการปรับจูนในรูปแบบของรถแข่ง GT ส่งให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดกว่า 340 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์สุดพิเศษ อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ลูกค้าที่สนใจได้จับจองเป็นเจ้าของ 911 จีที 2 อาร์เอส รุ่นใหม่ ราคา 33.5 ล้านบาท พร้อมด้วยยังเปิดให้สั่งจอง Porsche Design 911 GT2 RS Chronograph นาฬิการุ่นพิเศษที่ออกมาให้คู่กับ 911 จีที 2 อาร์เอส รุ่นใหม่ อีกด้วย

Suzuki Swift

  และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลง ซูซูกิ สวิฟท์ รุ่นใหม่ นับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ที่ดำเนินการอยู่ในอีโคคาร์ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “INNOVATION-Fun & Sporty” มิติของตัวรถซึ่งความสูงอยู่ที่ 1,495 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร ทำให้มีความสปอร์ตและดูปราดเปรียวมากขึ้น   เครื่องยนต์รุ่นใหม่ รหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร เทคโนโลยีใหม่ หัวฉีดคู่ หรือ DUAL JET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า (61 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที จึงประหยัดน้ำมันกว่าเดิมมากกว่า 23 กม. ต่อลิตร    

  ด้านความปลอดภัยมีการนำแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT มาใช้เพื่อช่วยให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและช่วยประหยัดน้ำมัน รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT ช่วยให้น้ำหนักรวมของตัวรถลดลงจากรุ่นก่อนถึง 65 กิโลกรัม พร้อมระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่จะช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS ถึง 6 ตำแหน่ง  มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Ablaze Red Pearl, Star Silver Metallic, Mineral Gray Metallic, Super Black Pearl และ 2 สีใหม่ คือ Speedy Blue Metallic และ Pure White Pearl โดยมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ GA CVT, GL CVT, GLX CVT และ GLX-Navi CVT

Toyota C-HR

ได้รับการออกแบบเพื่อแสดงถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์นั่งภายใต้แนวคิด “LIVE ALIVE” ด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเพชร พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ New Generation of Hybrid ระบบไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง แต่เก็บประจุไฟฟ้าและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กม./ลิตร

พัฒนาการใหม่กับโครงสร้าง TNGA (Toyota Global New Architecture) ถูกพัฒนาขึ้นโดยการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ให้แข็งแกร่งและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ลดการโคลงตัวของตัวถัง โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพการเกาะถนน คล่องตัว รวมถึงการออกแบบห้องโดยสารเพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้กว้างขึ้นลดจุดอับสายตา ส่วนจุดเด่นจะเป็นช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) ที่ให้การทรงตัวที่ดีและให้ความนุ่มนวลมากขึ้น

สำหรับรุ่น 1.8 Entry ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินตัวล่างสุด ภายในจะเป็นสีดำ เบรกมือไฟฟ้า กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า ระบบครูสคอนโทรล ไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ ไฟเตือนแรงดันลมยาง กล้องมองหลัง เซ็นเซอร์รอบคัน 8 ตำแหน่ง และระบบ ABS EBD BA VSC TRC HAC ส่วนในรุ่น 1.8 MID จะเพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น 1.8 Entry คือ ภายในสีน้ำตาล เบาะหนัง ระบบ Push start Smart Entry ดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ ไฟตัดหมอกหน้า ขณะที่ 1.8HV Mid ซึ่งขับเคลื่อนเครื่องยนต์ไฮบริดนั้น จะเพิ่มทางเลือกคือ มีหลังคาสีดำ และอุปกรณ์เพิ่มเติมขึ้นมาอีกได้แก่ ระบบ Telematics ระบบ EV mode ระบบปรับระดับไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟเลี้ยวหน้าแบบ LED Sequential ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED ส่วนในภาพนี้เป็นชุดแต่ง Modellista อันหรูหรางดงาม

Rolls-Royce New Phantom

  หรูสุด แพงสุด อะไรจะขนาดนั้น กับการเปิดตัว โรลส์รอยซ์ แฟนธอม เจเนอเรชันที่ 8 การออกแบบภายนอกยังคงเอกลักษณ์ ขนาดตัวถังที่ยาวถึง 5,762 มิลลิเมตร ในรุ่นมาตรฐาน และยาว 5,982 มิลลิเมตร ในรุ่นฐานล้อยาว (LWB) กระจังหน้าแนวตั้ง พร้อมสัญลักษณ์นางฟ้าที่สามารถเก็บซ่อนได้

ล้ออัลลอยชนิดพิเศษขนาด 22 นิ้ว มาพร้อมยางแบบใหม่ที่สามารถลดเสียงดังลงไปได้ถึง 9 เดซิเบล เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ขณะที่รอบตัวถังได้รับการเสริมวัสดุช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารมีความเงียบกว่ารุ่นเดิมถึง 10% การออกแบบภายในยังคงเน้นความหรูหราในระดับประณีตศิลป์ เพิ่มการดีไซน์คอนโซลหน้าใหม่ ด้วยแนวคิด “The Gallery” นำเอาชิ้นงานศิลปะเข้ามาตกแต่งที่แผงคอนโซลฝั่งผู้โดยสาร เปรียบเสมือนเป็นห้องแสดงงานศิลปะที่สามารถเคลื่อนที่ได้ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกลวดลายต่างๆ ได้ตามความชอบ

เครื่องยนต์ขนาด 6.75 ลิตร แบบ V12 ฉีดตรง ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 563 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดขั้วหัวใจ 900 นิวตันเมตร ที่ 1,700 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 7.2 กม./ลิตร ในเมือง 4.6 กม./ลิตร นอกเมือง 10.3 กม./ลิตร ทั้งนี้ในส่วนของราคาจำหน่าย โรลส์รอยซ์ แฟนธอม รุ่นมาตรฐาน ราคาเริ่มต้นที่ 53.5 ล้านบาท และรุ่นฐานล้อยาว ราคาเริ่มต้นที่ 59.5 ล้านบาท เท่านั้นเอง เป็นลมแพ้บ

Nissan GT-R

ตบท้ายกับกระแสแรงยิ่งกว่าออเจ้าเพราะ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ตัดสินใจเปิดตัว นิสสัน จีทีอาร์ รุ่น Premium Grade ครั้งแรกในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2018 และเตรียมนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ก็เรียกว่ามาช้า (ไปพอควร) ยังดีกว่าไม่มาโดย นิสสัน จีทีอาร์ จะสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการปฏิวัติทุกการเคลื่อนไหว (Revolution in Motion) ของงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ   

ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส VR38DETT V6 ขนาด 3.8 ลิตร 3,799 ซี.ซี. Twin-Turbo 24 วาล์ว  พละกำลังสูงสุด 555 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 637 นิวตันเมตร ที่ 3,300–5,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD

มิติตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง : 4,710 x 1,895 x 1,370 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ : 2,780 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 110 มิลลิเมตร มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd = 0.27 ตัวรถหนัก 1,760–1,770 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 74 ลิตร ใช้ล้อขนาด 20 นิ้ว ยางคู่หน้าขนาด 255/40 ZFR20–คู่หลัง 285/35 ZFR20 ท่อไอเสียไทเทเนียมแบบใหม่ 4 ท่อ

สำหรับราคาอยู่ที่ “13.5 ล้านบาทหลายคนอาจจะมองว่าแค่แต่งหน้าทาปากใหม่ แต่จริงๆ แล้วมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงมากในสิ่งที่ท่านอาจจะมองไม่เห็น เช่น ระบบ Aero Dynamics ปรับปรุงใหม่ โครงสร้างตัวถังแข็งแรงกว่าเดิม ที่ท่านจะสัมผัสได้ตอนขับขี่ด้วยสมรรถนะเต็มพิกัด ความเร็วสูงสุดกว่า 300 km/h อย่างไม่ยากเย็น แถมยังนำมาโมดิฟายให้แรงหลุดโลกได้โดยไม่ยากนัก ผู้สนใจเข้าร่วมชมรถในฝันคันนี้ได้ภายในบูธนิสสัน มอเตอร์ ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2018 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม–8 เมษายน 2561 นี้ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี