My Name is… ALPHATECH

 

PHOTO : ชนินทร์ พสุธาสถิตย์

My Name is… ALPHATECH

แน่นอนว่า ชื่อของ ALPHATECH แบรนด์กล่อง ECU ของคนไทย สายคอมมอนเรล ย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งจากจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ มาจนปัจจุบัน ก็เข้าสู่ปีที่ 10 ที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการ  อะไรเป็นชนวนเหตุที่ทำให้แบรนด์นี้เกิดขึ้น แล้วยังคงครองใจกลุ่มคนเล่นรถได้อย่างยาวนานมาจวบจนถึงปัจจุบัน เราไปรู้จัก คุณเอก และ คุณอุ๊ ALPHATECH กันครับ  

วัยรุ่นรถซิ่ง

(เอก) ก็ต้องบอกแบบนี้ครับ ผมเองเริ่มต้นด้วยจากการเล่นรถซิ่งมาก่อน โดยตัวผมเล่นรถเบนซินวางเครื่องมาตั้งแต่สมัยตอนเรียนครับ จนกระทั่งเรียนจบก็เข้าสู่วัยทำงาน ก็เริ่มเข้าสู่ยุคของ คอมมอนเรล โดยคันแรกจะเป็น D-4D แล้วก็มาเปลี่ยนเป็น Triton เป็นช่วงที่กระบะกำลังได้รับความนิยมเลยครับ  หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเล่น ISUZU จังหวะนี้แหละ ที่เริ่มอยากโมดิฟายให้แรงขึ้น ก็เริ่มติดตั้งกล่องทองของ ECU=SHOP เป็นยุคแรกของกล่องเลยครับ น่าจะประมาณปี 2008  ซึ่งในช่วงจังหวะนี้แหละ พอเริ่มติดตั้งกล่อง ก็เริ่มมีความสนใจที่อยากจะจูนกล่องเป็น  ก็เลยเริ่มเปิดบิลเป็นตัวแทนของ ECU=SHOP ครับ

(อุ๊) ส่วนตัวผมก็เหมือนกับ เอก ครับ เรียนสายช่างมา แต่ของผมเรียนช่างไฟฟ้า เล่นรถเบนซินวางเครื่องมาเหมือนกัน ในช่วงที่ผมทำงานไปด้วย แล้วก็เล่นรถไปด้วยควบคู่กัน  พอมาถึงในยุคคอมมอนเรลเริ่มบูม กล่องแบรนด์ไทยที่ความชัดเจนเด่นชัดในตอนนั้น คือ ECU=SHOP ซึ่งตัวผมเองก็เรียนสายช่างมา แล้วก็เล่นรถมาประมาณหนึ่ง ก็อยากที่จะลองจูนรถด้วยตัวเอง ก็เลยเปิดบิลเป็นตัวแทนกล่องเหมือนกับ เอก เลยครับ  แต่ในตอนนั้นก็เป็นตัวแทนดีลเลอร์กันทั้งคู่  คือผม กับเอก ได้คุยกับผ่านทางเว็บ ECU=SHOP เชียงใหม่ ในยุคนั้น เพราะรู้จักในนามดีลเลอร์ครับ ยังไม่เคยรู้กันเป็นการส่วนตัวมาก่อน

เคมีตรงกัน

หลังจากเป็นตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ได้สักระยะ  ทางบริษัทแม่เขาก็จัดสัมมนาอบรม ขึ้นครั้งแรก ที่สนามคลองห้า บรรดาเหล่าตัวแทนก็มาร่วมงานกัน  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้เจอกันอย่างเป็นทางการ หลังจากที่รู้จักแล้วคุยกันผ่านเว็บมาโดยตลอด  เหตุการณ์ในวันนั้นมันเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดแบรนด์ ALPHATECH โดยผมสองคนได้คุยกันว่า มันน่าจะมีสินค้าอีกแบรนด์ ที่ออกมาจับตลาดอีกกลุ่ม เพราะในตอนนั้นกล่องทองของ ECU=SHOP ราคาจะค่อนข้างสูง  กลุ่มลูกค้าที่ไปไม่ถึงกล่องทอง ก็จะมาเล่นกล่องจูเนียร์ หรือไม่ก็ดันรางมือหมุน  ซึ่งในกลุ่มลูกค้าที่เล่นดันรางมือหมุนในตลาดตอนนั้นมีมาก  ก็เลยมองว่า ถ้าทำยกหัวฉีดไปพ่วงกับเขา เพื่อลูกค้าจะได้ลองรถที่มีสมรรถนะดีจริงๆ เพิ่มข้นมา  ก็เลยตัดสินใจทำผลิตภัณฑ์ออกมาขายเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ ALPHATEC

ALPHATECH SINCE 2010

ในช่วงกลางปี 2553 (2010) ก็ถือกำเนิดแบรนด์ ALPHATECH ขึ้นในประเทศไทย  หังจากที่ทุกคนสายคอมมอนเรลเริ่มรู้จักแบรนด์น้องใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ไปจะเป็นช่วงการบุกเบิกตลาดให้คนมั่นใจในผลิตภัณฑ์  มันเป็นอะไรที่ยากมาสำหรับแบรนด์ใหม่ที่จะให้คนเดินเข้ามาหา  ต้องเปลี่ยนเป็นเราเดินเข้าไปหาเขา  ในตอนนั้นคือการตระเวนตามอู่เอาของไปให้เขาลอง  แน่นอนว่า มันย่อมมีคำถามเกิดขึ้นกลับมาแน่นอน ว่าจะให้มั่นใจได้อย่างไร ใครจะกล้าเสี่ยง อีกทั้งในตอนนั้นรถในแต่ละอู่ก็เริ่มวิ่งดีๆ กันทั้งนั้น วิ่งกันอยู่ 12 วิ.กว่าๆ  ซึ่งก็บอกตรงๆ ว่ามันเป็นเรื่องที่ยาก แต่มันก็ต้องพยายามทำมันให้ได้ ทำให้เขาเปิดใจลองรับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ผมสองคนหิ้วกล่องไปให้เขาลองหมดนะครับ อาทิ  พี่หนุ่ม แปดริ้ว, น้าค่อม มนตรีดีเซล, น้าลอ, โชคชัย คอมมอนเรล บางเลน   ซึ่งในตอนนั้นกล่อง ALPHATECH ขายได้เฉพาะเพื่อนกันครับ  ให้ใครลองเขาก็ชอบนะครับ  ใส่แล้ว ตอบสนองดี แต่!! ก็ยังไม่เชื่อมั่นในแบรนด์  อีกทั้งตอนที่เปิดสามารถทำราคาผลิตภัณฑ์ให้ไปที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ที่ 25,500 บาท  จากแก๊ปช่องว่างราคาที่ต่างจากกล่องทองในตอนนั้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ขายได้อย่างต่อเนื่อง  รวมถึงตัวแทนฯ ที่เขาจำหน่ายดันรางมือหมุนอยู่แล้ว เขาอยากเพิ่มกำลังให้กับรถลูกค้า เขาก็ติดต่อเข้ามา ก็เลยเป็นการทำตลาดแบบปากต่อปากไปในตัวครับ

แจ้งเกิดวงการคอมมอนเรล 9 วิ. คันแรก จาก น้าค่อม

เป็น Talk Of The Town เมื่อ น้าค่อม มนตรีดีเซล วิ่งเลขตัวเดียวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยใช้กล่อง Standalone ของ ALPHATECH ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครั้งนั้น นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของแบรนด์เลยในตอนนั้น แทนที่ผมสองคนจะเร่งทำผลิตภัณฑ์ออกมาขาย เพราะว่าเป็นช่วงขาขึ้น  แต่ผมกลับใช้เวลาไปดูแลตัวแทนจำหน่ายให้มากขึ้น  มีคนติดต่อเข้ามาขอเปิดบิลเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นช่วงเวลาที่ผมสองคนเหนื่อยมาก เพราะต้องเดินทางตลอด ตื่นเช้านอนดึก เป็นแบบนี้อยู่หลายปี ก็เพื่อที่จะสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง แล้วเป็นที่ยอมรับของคนไทยให้ได้ครับ

ตลาดเพื่อนบ้าน

จากการต่อสู้ให้คนไทยยอมรับในแบรนด์ฝีมือคนไทยมาตลอด จนในที่สุด ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง มาเลเซีย ก็ให้การยอมรับในผลิตภัณฑ์ โดยนำผลิตภัณฑ์ ALPHATECH  ไปใส่รถวิ่งที่ประเทศของเขา โดยมี ช่างเบิร์ด หลัก 5 เป็นคนเซอร์วิสให้ ก็ไปสร้างชื่อเสียงให้กับเขาว่าเป็นรถ Drag เครื่องคอมมอนเรล ที่สามารถทำเวลาได้เร็วที่สุดในมาเลยเซีย ตอนนั้นวิ่งอยู่ 11 วินาทีครับ

ตัวแทนจำหน่าย คือการตลาดที่สำคัญ

ในมุมการตลาด การกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และเร็วที่สุด คือสิ่งสำคัญ ตัวแทนจำหน่าย ALPHATECH ส่วนใหญ่ก็อยู่กันมานานตั้งแต่แบรนด์เริ่มต้นแรกๆ ทุกวันนี้ก็ยังดูแลกันอยู่ ซึ่งในการแบ่งเขตของการจำหน่ายสินค้า ในช่วงแรกๆ ก็จะมีลักษณะ 1 ตัวแทน ต่อ 1 จังหวัด  แต่เมื่อการตลาดมันขยายขึ้น ก็อย่างที่ผมบอก ผมก็ต้องเสิร์ฟของให้กับผู้บริโภคได้ง่าย และ เร็วที่สุด  ผมก็ต้องไปคุยกับตัวแทนเจ้าแรกในแต่ละจังหวัด  ว่าจะขอขยายตัวแทนเพิ่มอีกในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งแรกๆ เขาก็ตะขิดตะขวงใจ  แต่เมื่อผมเอาข้อมูลและยอดของผลิตภัณฑ์ที่โตขึ้นทุกปีไปคุยกับเขา เขาก็เข้าใจในแผนการตลาดที่ทำอยู่ครับ

เข้าสู่ยุค Mobile Application

เข้าสู่ยุค 4G สินค้าของเราก็จะปรับให้ยุคเข้าสมัย  สินค้ายุคใหม่สามารถจูนผ่านแอปฯโมบายได้แล้ว ไม่ใช่แค่จูนเนอร์ เป็นคนจูน ตัวลูกค้าก็สามารถเป็นจูนเนอร์เองได้ในตัว  สามารถนำไปปรับเล่นเองได้  เน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น ชุดสายไฟก็ไม่ต้องวายริ่ง ในยุคนี้มาเป็นแบบสายไฟสำเร็จรูป (Plug-in) เสียบได้เลย อาทิ คันเร่งไฟฟ้า ที่เป็นสินค้าขายดี เป็นต้น แต่ก็จะมีสินค้าบางรุ่นที่จะต้องติดตั้งจากตัวแทน เพราะมันจะต้องมีการเซตอัพก่อนครับ  ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ จะเกี่ยวข้องกับคอมมอนเรลกว่า 90%  ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็จะเป็นปลีกย่อย รวมถึงของมอเตอร์ไซค์ แต่ตลาดสาย 2 ล้อ จะทำที่ประเทศมาเลเซีย ไม่ทำตลาดในบ้านเรา ก็เพราะกลุ่มคนที่เล่น 2 ล้อ ในประเทศเขา จะเป็นผู้ใหญ่ แต่ในบ้านเราก็ทราบกันอยู่ว่าอายุน้อยๆ กันอยู่ ก็ยังไม่คิดจะทำตลาดในตอนนี้ครับ

ดีลเลอร์มากกว่าสองร้อยที่ทั่วประเทศ

เคล็ดลับที่แบรนด์เติบโตและแข็งแรงได้ ก็มาจากตัวแทนจำหน่ายครับ บริการหลังการขาย และการให้คำแนะนำข้อมูลลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา พวกผมสองคนถึงมายืนในจุดนี้ได้ครับ ก็ต้องขอบคุณตัวแทนฯทั่วประเทศ ที่ช่วยกันสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งจนเป็นที่ยอมรับของทุกคนครับ และในอนาคต ผมสองคนมองไว้ว่า จะไม่แตกไลน์สินค้า โดยไม่ได้โฟกัสที่แรงม้า หรือสมรรถนะของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวแล้ว  แต่ผมมองว่าอยากขยายตลาดให้ครอบคลุมถึงกลุ่มที่ใช้รถทั่วไปได้สัมผัสสินค้าของแบรนด์ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ ALPHA SCAN เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความแรงของเครื่องยนต์เลย เจ้าตัวนี้จะทำหน้าที่เหมือนหมอ คอยตรวจเช็กอุณหภูมิเครื่องยนต์ได้  ไฟแบตเตอรี่ไม่ชาร์จ หรือแม้กระทั่งเช็กโค้ด ความผิดปกติต่างๆ ของเครื่องยนต์ ซึ่งเจ้าตัวก็จะเป็นเครื่องสแกนความผิดปกติของเครื่องยนต์ ซึ่งที่คิดทำเจ้าตัวนี้ออกมา ก็เพราะในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ บางรุ่น เขาไม่มีเกจ์วัดความร้อน หรือช่องแสดงผลมาให้ ซึ่งเราจะรู้อาการได้ก็เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ดังนั้น เจ้าตัวนี้ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์อีกชิ้นที่ช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้กับรถของคุณครับ

เป็นเอก เพ็งวัน (เอก)

อุดร กาญจนพยัคฆ์ (อุ๊)

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome