STORY : T. Aviruth (^_^!)
PHOTO : ธัญญนนท์ แสงภู่
กล้ายืนยันได้ว่า ผู้ชายที่คุณกำลังจะได้รู้จักต่อไปนี้ เค้าเป็น “Icon” หลักๆ ในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสาย “โตโยต้า” ถ้าเป็นคนเล่นรถ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จัก “Arto” แน่นอน ด้วยประสบการณ์ในสนามแข่งตั้งแต่ยุคบุกเบิกจนมาถึงปัจจุบัน มีความหลากหลาย น่าสนใจ และสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆให้กับมอเตอร์สปอร์ตมาโดยตลอด และในวันนี้เค้าจะมาเล่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมา พร้อมทั้งเผยที่มาโปรเจ็กต์รถแข่งคันใหม่ล่าสุดให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันครับ….
ทีมงาน XO AUTOSPORT ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Super GT ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งนอกเหนือภารกิจนำรถระดับหัวแถวของ Souped up Thailand Records ไปวิ่งโชว์แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสเหมาะในการเข้าเก็บรายละเอียดรถแข่งคันใหม่ล่าสุดของ Toyota Team Thailand ที่มาเปิดตัวในสนามนี้เป็นครั้งแรก และเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้สัมภาษณ์ คุณสุทธิพงษ์ สมิตชาติ หรือ พี่อัฐ หนึ่งใน Icon หลักทางกีฬามอเตอร์สปอร์ตสายโตโยต้า ชื่อของ Arto จะเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึง
เพื่อให้ได้อรรถรสในการคุย ทางทีม XO ได้บุกไปยัง Pit ของรุ่น GT300 ของรายการแข่งขัน Super GT ซึ่งในนั้นจะมีรถแข่งของทีมไทยอยู่ 2 คัน คือ วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ นักขับไทยสังกัด i-mobile AAS ขับ Porsche ส่วนอีกคันคือรถแข่งคันใหม่ล่าสุดของ Toyota Team Thailand เป็นรถ Toyota 86 (GT300) ที่เสร็จหมาดๆ แล้วส่งตรงจากญี่ปุ่น มาเพื่อร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
นับว่าเป็นวันที่วุ่นๆ อีกหนึ่งวัน ในการทำคอลัมน์นี้ เพราะทุกอย่างใหม่หมด การสัมภาษณ์ก็เลยต้องนั่งคุยกันที่ Pit เลย เพราะทางพี่อัฐ จะได้ดูแลเรื่องการเซอร์วิสไปในตัวด้วย ซึ่งผมเองก็ไม่รีรอที่จะหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมากดบันทึก หลังจากที่เราหยิบเก้าอี้สนามมานั่งกันคนละตัว พร้อมทั้งเอ่ยว่า แนะนำตัวเองหน่อยครับพี่อัฐ “ก็อย่างที่ทุกคนรู้จักนะครับ สุทธิพงษ์ สมิตชาติ หรือ อัฐ แล้วแต่จะเรียกกัน ถ้าทวนเข็มเวลาย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต ก็ต้องมี 30 กว่าปีแล้วนะ ที่ใช้ชีวิตและทุ่มเทการทำงานให้กับวงการนี้ จากการเริ่มต้นแข่งรถ Toyota ในประเทศไทย เริ่มตอนแรกยังเป็นรุ่น Amateur แล้วค่อยขยับรุ่น Turn Pro ที่ประเทศญี่ปุ่น น่าจะประมาณยุค 80’s ใช้รถ Toyota TE71 เป็นรถที่ใช้แข่งตอนอยู่ญี่ปุ่น เริ่มจาก Group C แล้วขยับมาเป็น Group A เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกลับมาแข่งรถที่ประเทศไทย ก็ขยับมาแข่งอีกหลากหลาย อาทิ Southeast Asian, Super Saloon, GROUP A, TOURING CAR, CLASS 2 จนมาถึงในยุคปัจจุบันก็ยังมีลงสนามแข่งอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องหลักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เน้นทำทีมแข่งเป็นหลักมากกว่า โดยเริ่มต้นทำทีม Toyota Team Thailand เซ็นสัญญาตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งในปี 2015 ที่จะถึงในปีหน้าก็จะครบรอบ 30 ปี ของ Toyota Team Thailand พอดีครับ
ส่วนชื่อ Arto ที่ทุกคนมักถามว่ามาจากไหน จริงแล้วๆ ก็ไม่มีอะไรลึกซึ้ง เป็นชื่อของผมเอง คือผมชื่อ “อัฐ” พออยู่ที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆก็จะออกเสียงเรียกชื่อ “สุทธิพงษ์” ก็เรียกยาก ครั้นจะเรียกนามสกุลก็ยาว ก็เลยเรียก “อัฐโตะ” มาจากที่นู่น ผมเองก็ใช้ชื่อนี้เป็นคาแรกเตอร์ของผมมาตลอด แม้แต่ชื่อบริษัทของผมเอง ทั้งที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยก็ใช้ชื่อนี้เหมือนกันครับ เพราะในวงการ เค้ารู้จักผมในชื่อ Arto มากกว่าชื่อเล่นหรือชื่อจริงของผมครับ
พอมาในยุคของการทำทีมแข่ง มันก็ต่างจากการเป็นนักแข่ง ต้องมาคิดคำนึงหลายเรื่อง เพื่อการเติบโตของทีมในวันข้างหน้า ขึ้นชื่อว่าการแข่งขัน ถ้าจะทำให้สำเร็จไปตามวัตถุประสงค์ มันก็ต้องขึ้นกับองค์ประกอบหลายด้านมาก แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าจะแข่งรถ ก็คงต้องเลือกดูที่ Regulation เป็นอย่างแรก ถ้าเราแข่ง เราไม่จำเป็นต้องชนะ ซึ่งการที่จะได้ชัยชนะมันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายด้านมารวมกันจนเกิดความพร้อมมากที่สุด รถอาจสู้ไม่ได้ก็มี หรือในบางกรณี รถอาจจะสู้ได้ แต่ตัวนักแข่งไม่พร้อมก็มี จากตรงนี้แหละจึงเป็นจุดคิดที่ทำให้ผมทำโปรเจ็กต์ Toyota Racing School ขึ้นมา เพื่อสร้างนักแข่งใหม่ให้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ต ขึ้นมาแข่งขันในรายการ Toyota One Make Race พร้อมกับให้โอกาสกับผู้ที่เป็นแชมป์ของการแข่งขันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Toyota Team Thailand
ในความตั้งใจของผมที่ทำตรงนี้มาก็เพื่ออยากให้โอกาสกับ “คนรุ่นใหม่” ได้เข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไม่หยุดนิ่ง และก้าวไปข้างหน้า ความตั้งใจที่เกิดขึ้นนี้ ผมมองจากตัวเองเป็นหลัก ซึ่งในยุคที่ผมทำการแข่งขันนั้น ผมไม่รู้ทิศทางของตัวเองหรอกว่าจะเลือกเดินทางไหน มีทั้งการแข่งขันทางฝุ่น, ทางเรียบ ก็ลองมาหมด จนค้นพบตัวเอง ซึ่งพอมาในสมัยปัจจุบัน ก็เลยอยากจะมีความชัดเจนให้กลุ่มน้องๆ ที่เริ่มต้น ได้ค้นพบตัวเองตั้งแต่ Racing School ว่านี่ใช่หรือไม่? ตามที่ใจต้องการ ก่อนที่เริ่มต้นเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัว
ผมมองว่าคนไทยหลายๆ คนมีฝีมือมาก แต่ช่วงจังหวะหรือโอกาส ยังขาดอยู่ ผมก็เลยหาวิธีสร้างโอกาสส่งสริมให้กับพวกเค้าตามนโยบายของโตโยต้า ซึ่งถ้าจะให้ส่งเสริมกันทุกคน คงเป็นไปไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีคัดเลือกมาจากการแข่งขัน Toyota One Make Race อย่างที่บอกไว้ตอนต้น โดยสิ่งแรกที่นักแข่งใหม่จะได้เรียนรู้ในการเข้าร่วมทีมคือ การใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งผมเน้นความเป็น Team เป็นเรื่องหลัก คือไปไหนมาไหน จะเดินทางกันเป็นทีม เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่ารุ่นพี่เค้าปฏิบัติตัวกันเช่นไร ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องของฝีมือด้านการแข่งขัน สิ่งสำคัญที่ผมเน้นที่สุดคือ “การวางตัว” ที่เหมาะสม เป็นมิตรกับทุกคน ไปไหนมาไหนสามารถทักทายได้กับทุกคน เพราะทุกคนที่แข่งรถด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทีมไหน สังกัดไหน ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ผมจึงเน้นมากในจุดนี้ สโลแกนของโตโยต้าที่ว่า “Spirit To Win”
และในช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าทิศทางแนวโน้มการแข่งขันของเมืองไทย จะหนักไปทาง GT3 เพราะรถแข่งส่วนใหญ่จะอยู่ในคลาสนั้น ซึ่งทางโตโยต้าเอง ไม่มีรถ GT3 และในประเทศญี่ปุ่นเค้าแข่งกัน GT3 กับ GT300 แข่งด้วยกันได้ ก็เลยคิดโปรเจ็กต์ใหม่ในการทำรถแข่งเพื่อมาแข่งขันใน Super GT ในช่วงปลายปี 2012 โดยให้ทาง DOME เป็นผู้ออกแบบทั้งหมด จนกลายเป็นรูปเป็นร่างในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งด้วยความสดใหม่ของรถ ต้องคอยปรับจูนให้เข้าที่ เพราะเป็นรถใหม่ ได้ทดสอบลองวิ่งที่แรก ที่สนาม Okayama Circuit และมาเปิดตัวแข่งขันที่แรกในประเทศไทย ในแพลนของสายการผลิตจะผลิตออกมาทั้งหมดแค่ 7 คันเท่านั้น โดยคันแรกของโลก ก็คือคันที่ท่านเห็นอยู่ในหนังสือนี่แหละครับ!!”
เป็นบทสัมภาษณ์ที่กระชับ แต่สามารถบอกถึงจิตวิญาณและความตั้งใจของพี่อัฐ ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งในปีนี้รถ GT300 คันนี้คงอยู่ในช่วงพัฒนาระบบให้ลงตัวสมบูรณ์แบบ ส่วนแพลนในปีหน้าได้สั่งรถ GT300 เพิ่มไปอีกคัน เพราะว่ามีรถคันแรกให้เก็บข้อมูลไว้เพื่อพัฒนาด้านการแข่งขันสำหรับถ่ายทอดสู่รถแข่งคันใหม่ในอนาคต ส่วนตารางการแข่งขันในปีหน้า ตั้งใจไว้ว่าจะไปแข่งขัน Asian Le Mans หรือไม่ก็ Super GT อย่างแน่นอน