My Name is… ดิว

q

มันไม่มีฟลุ้คนะ ในการที่จะก้าวมายืนบนตำแหน่งนี้ได้  ทุกอย่างมีที่มาและที่ไปเสมอ กว่าจะเติบโตเป็น TEIN TEAM THAILAND อย่างทุกวันนี้ได้  บอสอั๋น สู้ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เริ่ม และในวันนี้สิ่งที่เค้าทำอยู่ เริ่มแสดงถึงศักยภาพให้เห็นอย่างชัดเจนบนโพเดียมของการแข่งขัน  เมื่อ ดิว ยศรัญ แสนสุข นักแข่งในทีม สร้างผลงานได้อย่างน่าตื่นเต้น  จนหลายๆต่อหลายคน เอ่ยถามว่า เค้าคือใคร  My Name is…
เล่มนี้ มีคำตอบ รับรองว่าอ่านจบ รู้จักเค้าอย่างแน่นอนครับ…

ซึ่งในวันนัดสัมภาษณ์ ก็นับว่าโชคดีที่ Mr. Kuroki  ได้เดินทางมาเตรียมความพร้อมของรถแข่ง เพื่อที่จะทำการแข่งในปีนี้พอดี  เลยมีโอกาสได้เห็นการทำงานแบบมืออาชีพของคนญี่ปุ่น เห็นแล้วต้องยอมรับว่าเค้าใส่ใจในทุกรายละเอียดในการทำงานจริงๆครับ ตั้งแต่การประกอบเครื่องยนต์ จนไปถึงการเตรียมตัวรถเพื่อการแข่งขัน โดยขั้นตอนการประกอบเครื่องยนต์ ทำตัวถังรถ จะถูกสร้างขึ้นที่ ATP MOTORSPORT  ซึ่งผมก็เลยถือโอกาสนี้ นัด คุณดิว มาสัมภาษณ์กันที่นี่เลย


“ผมไม่ใช่คนที่ขับรถเร็วที่สุด แต่เวลาในแต่ละรอบของผมเท่ากันมากที่สุด

การแข่งขันมันไม่ได้วัดกันแค่รอบเดียวจบ
เค้าวัดผลกันหลังผ่านธงตาหมากรุกครับ” 

ผมถามคุณดิวว่า คุณเริ่มเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างไรครับ คุณดิวบอกกับผมว่า “ผมนี่ชอบรถมาตั้งเด็กๆ เลย ในยุคที่เค้าเริ่มฮิตเปลี่ยนเครื่องยนต์มือสองจากญี่ปุ่น  ผมก็เอารถที่บ้านนี่แหละไปวางเครื่องกับเค้าด้วย ตอนนั้นเครื่อง 7 M GTE กำลังนิยมมาก  ผมก็เอา Nissan Big M ที่บ้านนี่แหละ ยัด 7 M GTE ลงไปเลย  หลังจากนั้นได้ไม่นานก็เปลี่ยนมาเล่น Benz W123 เปลี่ยนเครื่องเป็น 1JZ-GTE  เริ่มโมดิฟายเครื่องยนต์ เปลี่ยนเทอร์โบ GReddy T88 ผมทำรถกับอู่พี่ต้อม Build Up ในบางกรวยครับ  ก็ใช้รถคันนี้แหละครับ ลงแข่ง Drag ด้วย  ได้ถ้วยรางวัลจากการลงสนามครั้งแรกในชีวิตก็ที่สนามบินราชบุรีครับ  หลังจากนั้นผมเรียกอาการนี้ว่า เสพย์ติดถ้วยรางวัล  ถ้ามีงานแข่ง Drag ที่ไหนก็จะไปร่วมตลอด จนมาในยุคแรกๆ ของสนามคลอง 5  ผมก็ใช้เจ้า W123 คันเดิมนี่แหละไปวิ่งกับเขา  ก็เริ่มมีความรู้สึกว่า รถคันนี้น้ำหนักมันมากไป วิ่งสู้เขาไม่ได้  ก็เลยตัดสินใจกระโดดขึ้นไปเล่นรถสปอร์ตเลย  เป็น Nissan Skyline R32 มาทำรถแข่งเลย  คืออันไหนไม่ใช้ก็ถอดออก  ส่วนไหนหนักก็ตัดมันออก  ทำให้มันเบาที่สุด เป็นรถแข่งเต็มตัว  ส่วนเครื่องเป็น 3JZ ฝา 1JZ ท่อนล่าง 2JZ ก็เป็นฝีมือพี่ต้อม เป็นคนดูแลรถให้เหมือนเดิม

ซึ่งเมื่อก่อนยังไม่แรงมากก็ไม่เท่าไหร่  ทีนี้พอรถแรงขึ้นมาก  มันเริ่มน่ากลัว  จากประสบการณ์ที่เจอกับตัวก็เพื่อนผมเองนี่แหละ คุณนำลาภ  ศรีเงิน เค้าจะขับ 200SX คันสีเขียว ส่วนผมขับ Skyline R32 สีขาว  เผอิญว่าวันนั้นที่สนามคลอง 5 ออกตัวคู่กันพอดี  คือการแข่งจับเวลาแบบ ET ไม่ต้องชิงไฟ  พร้อมแล้วค่อยออก  พอไฟเขียวปุ๊บ  ผมก็ส่งสัญญาณให้คุณนำลาภ  ออกตัวไปก่อน พอเค้าชู้ตออกตัวไปแป๊บนึง ผมก็กดตามออกไปเลย   ยังไม่ทันไร ผมก็งง ว่าทำไมรถคุณนำลาภ ถึงมาวิ่งอยู่ในเลนผม หลังจากนั้นก็หมุน ควันตลบ ผมก็เบรกตัวโก่งเลยนะ นึกว่าเพื่อนเค้ากำแพง เละแน่ ผมก็ค่อยขยับรถผ่านเข้าไปในกลุ่มควันที่ลอยอยู่ ก็เห็นเพื่อนออกจากรถ แล้ววิ่งมาขึ้นที่รถผม แล้วก็ช่วยกันเอาถังดับเพลิงในรถผมไปช่วยดับไฟของรถเพื่อนผมที่เสียหลักอยู่ข้างแทร็ก   แต่รถเค้าไม่ชนกำแพงนะ  แค่เสียหลักแล้วเป๋ มีน้ำมันรั่ว ทำให้เกิดไฟไหม้

จากเหตุการณ์นั้นมันก็แหยงๆ เหมือนกันนะ แต่วัยรุ่นก็ไม่คิดมาก ก็ยังแข่งอีกเหมือนเดิม ก็มาถึงก่อนออกสตาร์ต ต้องเบิร์นยาง เพื่อนผม นำลาภ คนเดิมนี่แหละ เป็นคนบอกไลน์  ผมก็เบิร์นท่วมเลย  นำลาภ ก็ส่งสัญญาณ ยังๆ เอาอีก ยังไม่พอ  ผมก็จุ่มคันเร่งมิดเลย เพราะเพื่อนบอกให้เติม  ปรากฏว่า เครื่องระเบิดหน้าเส้นเลย ไฟลุกรถ นั่นแหละ ระทึกขวัญผมมาก  หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามที่พวกเราเคยติดตามกัน  ผมก็เลยมานั่งคิดว่า มันไม่น่าจะใช่ทางของผมแล้วล่ะ ส่วนตัวผมคิดว่า ผมสนุกแค่นี้ก็พอ ซึ่งมันประจวบเหมาะมานั่งคุยกับเพื่อนสนิทในกลุ่ม ก็เลยชักชวนกันไปลองแข่งขันเซอร์กิตดูบ้าง  ก็เลยตัดสินใจซื้อรถใหม่ออกห้าง TOYOTA VIOS ไปแข่งเซอร์กิตกับเพื่อนๆ พร้อมกัน 4 คัน

“ในความคิดผม มันเปลี่ยนไป เมื่อเจอ Mr. Kuroki 
ไม่ต้องไปนั่งลองผิดลองถูก เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรอีกต่อไป
เตรียมตัวเตรียมร่างกายให้พร้อมก็พอครับ”

โดยลงแข่งขันกันในรายการ Pro. Racing Series  กับ Super Car Thailand  โดยใช้รถ TOYOTA แข่งอยู่ 2 ปี ก็รู้สึกว่าทำยังก็วิ่งสู้ Honda ไม่ได้  ทั้งๆ ที่ซ้อมกันบ่อยมาก แต่ก็ยังเสียเปรียบ Honda หลายๆ ด้าน ทั้งกำลังเครื่องยนต์ การเข้าโค้ง ก็เลยตัดสินใจย้ายค่าย  ซึ่งผมเองก็ทำการบ้าน ถามเพื่อนๆ พี่ๆ นักแข่งในสนาม ว่าจะเลือกระหว่าง City กับ Jazz มันมีข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ ต่างกันอย่างไร  ซึ่งผมเป็นคนชอบขับรถมี Grip เยอะ ก็เลยเลือก City เพราะถ้าเป็น Jazz ท้ายมันจะไว อารมณ์เหมืนตอนแข่ง Drag มันยังอยู่ในความทรงจำครับ ผมคิดว่าไม่เหมาะกับสไตล์การขับรถของผม ก็เลยจบที่ City โดยอาจารย์ออฟ เป็นผู้ลงมือทำรถแข่งให้ครับ  ก็มีโพเดียมให้ขึ้นรับถ้วยตลอดทั้งปี พร้อมกับครองแชมป์ประจำปี  ในรายการ Pro. Racing Series Class C ได้สำเร็จครั้งแรกคือผมแข่งทั้งสปริ้นต์เรซ และเอนดูแรนซ์ กลายเป็นว่าต้องเอารถคันเดียววิ่งทั้ง 2 รูปแบบ อาจารย์ออฟ แนะนำว่า ให้ใช้รถแข่งขันเฉพาะทางไปเลยดีกว่า  เอาคันเดียว มาปรับวิ่งแบบนั้นที แบบนี้ที มันไม่เวิร์ก  อาจารย์ก็แนะนำให้ไปซื้อรถแข่งของ คุณติณห์ ศรีตรัย  ซึ่งเพิ่งได้แชมป์มาสดๆ ร้อนๆ เลย ซึ่งรถคันนี้เป็นเครื่องยนต์ Kuroki Racing  หลังจากซื้อรถเสร็จ  ผมก็เตรียมแผนหาเครื่องยนต์สำรองอีกตัว  ก็ไปซื้อเครื่อง Kuroki Racing จากพี่อั๋น มาเป็นสแปร์อีกหนึ่งตัว  คราวนี้อาจารย์ออฟ ก็พาผมไปรู้จักกับพี่อั๋น  เหมือนกับบอกว่าผมต้องไปต่อ  เค้าส่งให้ได้เป็นแชมป์ประจำปีไปเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งตามกฎการแข่งขัน ผมจะต้องขยับรุ่นการแข่งขันขึ้นไปเป็นคลาสบีในปีหน้า  บทสรุป ผมก็เข้ามาเริ่มต้นกับพี่อั๋น ATP MOTORSPORT โดยเอารถคันเก่าที่ได้แชมป์ปีที่แล้ว มาทำใหม่ โดยเปลี่ยนเครื่องยนต์ Kuroki Racing กล่อง MoTeC M800 ให้คุณปอ เป็นคนจูนให้ ช่วงล่างยังให้อาจารย์ออฟ เซตให้เหมือนเดิม  รถออกนี่ทุกอย่างดีหมด เว้นแต่มันเลี้ยวไม่ได้!!  ผมก็บอกอาจารย์ว่ามันเลี้ยวไม่ได้จริงๆ ตะกี้ก็วิ่งไปหากำแพงมารอบนึงแล้ว   ในจังหวะที่รถจอดอยู่ที่พิต ทุก

“ผมมาถึงจุดนี้ได้ ต้องขอขอบคุณ อาจารย์ออฟ ที่พาผมเจอกับพี่อั๋น
ซึ่งตอนนี้ก็เปรียบเสมือนพี่ชายผมคนนึงเลย มร.ฮิเดะ
คนนี้เป็นลูกชาย Mr. Kuroki เป็นพี่ชายอีกคนที่สอนผม
และคนสำคัญที่ทุกคนในทีมเรียกว่าป๊า (Mr.  Kuroki) 
ก็เสมือนเป็นพ่ออีกคน ที่คอยสอนทุกย่าง
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการแข่งขันเพียงอย่างเดียว
ในเรื่องนอกสนาม การใช้ชีวิต ป๊าก็คอยชี้แนะอยู่ตลอดเวลาครับ
รวมถึงผู้จัดการนัทที่คอยดูแลทุกอย่างในทีมมาโดยตลอดครับ”

คนกำลังหาวิธีที่จะทำให้รถเลี้ยวได้  มร.คุโรกิ  มร.ฮิเดะ กับ  พี่อั๋น เดินมาดูและถามไถ่ ว่าเครื่องยนต์เป็นอย่างไรบ้าง  ผมก็ตอบว่าทุกอย่างดีหมด  แต่ว่ารถเลี้ยวไม่ได้ พอ มร.คุโรกิ ทราบว่ารถเลี้ยวไม่ได้  ก็ก้มลงไปดูช่วงล่าง แล้วก็บอก ว่า No No แบบนี้ไม่ถูกต้อง ผมก็งง ว่าเค้ามองด้วยสายตา แล้วรู้เลย? แล้วสรุปมันผิดตรงไหน  มร.คุโรกิ เค้าก็ปรับช่วงล่างให้รถผมใหม่  แล้วพอกลับไปวิ่งอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนเดิม รอบเท่าเดิม เบรกที่เดิม แต่ผมเร็วกว่าเดิม 2 วินาที  ผมตกใจนะ เค้ามองด้วยสายตา แล้วสามารถปรับนู่นนิดนี่หน่อย รถเร็วขึ้นได้ สุดมาก  คือผมไม่ได้อุปทานไปเองนะ ก็แข่งรถมา 3 ปี  ซ้อมบ่อย รางวัลก็มีให้เห็น  คือรู้ความสามารถของตัวเองว่าไปได้ขนาดไหน แต่พอมาเจอแบบนี้ก็ทำเอาทึ่งในประสบการณ์ของเค้าเหมือนกัน นี่สิของจริง  ศรัทธาเลย

ผมก็มานั่งปรึกษาหารือกับอาจารย์ออฟ  ทรงไหนดีครับ อาจารย์บอกว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า  งั้นส่งไปทั้งคันเลยดิว  ให้พี่อั๋นเป็นคนดูแลให้  ตั้งแต่นั้นผมก็เอารถเค้าไปให้พี่อั๋นดูแล  เรียกว่ารื้อทำใหม่หมดทั้งคัน ตามสเป็กรถแข่ง Kuroki Racing  รถออกมาวิ่งดีมาก ในปีนั้นประสบผลสำเร็จได้ที่ 2  ซึ่งต้องบอกว่าช่วงสนามต้นๆ ปี รถยังทำไม่เสร็จ ไม่ได้ลงแข่ง แต่พอได้แข่งก็สามารถไต่อันดับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ได้ ไอ้อาการเสพย์ติดถ้วยรางวัล มันหวนกลับมาอีกแล้ว ก็เลยซื้อรถ City อีกหนึ่งคัน ให้พี่อั๋นจัดการให้ให้ทั้งคัน  ซึ่งคันใหม่นี้บอกเลยว่ารถสดใหม่มาก เร็วกว่าเดิม  ขับไล่รถแข่ง มร.ฮิเดะ นักแข่งญี่ปุ่น ลูกชาย มร.คุโรกิ ได้ติดๆ เลย  ซึ่งในปีนั้น คะแนนเก็บของผมได้ที่ 2 Over All แต่เป็นแชมป์ในคลาสบี  ซึ่งผมก็แข่งรถมาตลอด มีไปร่วมขับเอนดูแรนซ์ กับพี่อั๋น และ มร.ฮิเดะ ด้วย ก็มีโพเดียมให้ยืนรับรางวัลมาตลอด  ซึ่งก็คว้าถ้วยอันดับ 2 ของแชมป์ประจำปีมาครองได้

จากวันที่เริ่มต้นมาจนถึงทุกวันนี้ ผมได้ผ่านอะไรมาหลายอย่าง แข่งรถจบ แล้วกลับบ้านเลยก็บ่อย ไม่ต้องรอรับถ้วย หรือไม่ก็ต้องนั่งรอซ่อมรถ ยกเครื่องอะไรเหล่านี้ คนที่แข่งรถทุกคน ผมว่าเค้าเคยสัมผัสประสบการณ์นี้แทบทั้งสิ้น  แต่สำหรับผมในทุกวันนี้ แข่งรถจบ รับถ้วย อาบน้ำ กลับบ้าน ได้เลย  ต้องยอมรับในความเป็น Professional ของ มร.คุโรกิ ครับ”

ในปีนี้โจทย์ของ คุณดิว ใหญ่ขึ้น จะต้องก้าวขึ้นมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ กับนักแข่งมืออาชีพ ที่มีชื่อเสียงในสนามแข่งมานาน  ผลงานในปีนี้จะเป็นอย่างไร  คงต้องคอยลุ้นคอยเชียร์กันต่อไปครับ