My Name is…สาธิต สุวรรณ์ทอง

XO 262
PHOTO : ธัญญนนท์ แสงภู่

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว รอเวลาแค่ไปถึงเท่านั้นเอง  เช่นกันกับผู้ชายที่มาให้ผมสัมภาษณ์ในครั้งนี้  ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับครอบครัวที่ค้าขายเกี่ยวกับของทะเล แล้วก็กลายมาเป็นผู้ผลิตล้อแม็กแบรนด์ดังสุดฮิต ณ ปัจจุบัน จากการที่ได้นั่งคุยกัน ผมมีความรู้สึกว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดมาให้เค้าเดินทางสายนี้ครับ
GAIA Wheel แพ็กคู่มาพร้อมยาง Splendid Tires  กลายเป็นของคู่ใจมหาชนคนแต่งรถซิ่งไปเรียบร้อยแล้ว  ทั้งแม็กและยาง อยู่ภายใต้การบริหารงานจากผู้บริหารวัยรุ่นอย่าง คุณสาธิต สุวรรณ์ทอง ที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ในการเข้าถึงแก่นกลุ่มคนผู้ชื่นชอบการแต่งรถ ผมเคยสัมภาษณ์เค้าลงใน Club XO มาแล้ว แต่ในวันนี้ผมคุยกับเค้าอีกครั้งในฐานะแขกรับเชิญของคอลัมน์ My Name is… หลายคนคงเกิดคำถามว่า เค้าเป็นใคร ทำไมถึงได้ลงในคอลัมน์นี้  ผมจะบอกว่า เพียงระยะเวลาสั้นๆ ที่เค้าสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเอง แล้วทำให้ทุกคนยอมรับได้ นี่คือคีย์เวิร์ดสำคัญที่ผมอยากจะให้ทุกคนได้รู้จักเค้า อย่างที่ผมบอกข้างต้น  มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นเค้า  ลองไปรู้จักตัวตนของผู้ชายคนนี้กันครับ “ การเริ่มต้นของผมเกิดขึ้นในช่วงอายุ 17 ปีครับ  เป็นช่วงวัยรุ่นเต็มตัวเลย  ที่บ้านผมทำธุรกิจค้าขายเกี่ยวกับของทะเล ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับรถเลย แต่ผมชอบรถ ก็คิดว่าเด็กผู้ชายวัยรุ่นในช่วงอายุขนาดนี้ก็คงมีความชอบเหมือนผมเกือบจะทุกคน ซึ่งผมก็มีโอกาสไปรู้จักกับเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่ง เป็นคนที่ชอบเต่งรถเหมือนกับผมนี่แหละ ด้วยความเป็นคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน  ก็เลยรวมกันไปตัดล้อญี่ปุ่นมือสองมาขาย โดยใช้หน้าร้านของรุ่นพี่ เอาของมาวางขายแชร์กับร้านเค้า  เหตุผลที่ผมเริ่มขายของก็เพราะว่า  เวลาผมมองรถครั้งแรก สิ่งที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของรถให้สวยขึ้นได้ทันทีก็คือ ล้อแม็ก ผมก็เลยหุ้นกันกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนของผมเค้าก็มีวิชาติดตัวทางสายการค้าขายล้อมือสองจากญี่ปุ่นอยู่บ้าง ก็เลยใช้คำว่า “ลองทำดู” แต่ในใจผมก็คิดว่า ปลายทางมันน่าจะเจ๊งแน่นอน

“ส่วนตัวแล้ว ผมชอบลักษณะล้อที่เป็นแบบ 5 ก้าน
มันก็เลยเป็นเหมือน Signature ของแบรนด์ผม”

ประสบการณ์อะไรก็ไม่มี ความรู้การศึกษา ผมก็เรียนจบแค่ ม.3  คือที่บ้านผมเค้าอยากให้ผมเรียนให้จบการศึกษาสูงๆ เหมือนคนอื่นๆ เค้า  แต่ตัวผมเองนี่แหละ ที่ไม่อยากเรียน  แต่ใช่ว่าจะไปเกเรที่ไหนนะครับ  คือผมอยากทำงาน อยากหาเงิน มากกว่าการไปเรียนหนังสือ  ซึ่งธุรกิจที่ผมทำกับเพื่อนๆ มันก็มาได้ถึง 2 ปี  มันมาไกลกว่าที่คิดไว้เยอะ  แต่มันก็ไม่ได้สวยหรู  ระบบการจัดการก็ไม่มี ทุนจมอยู่ในของ พอกกันไปพอกกันมา  ทางบ้านเค้าก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการที่ผมมาทำอาชีพแบบนี้ เพราะเค้ามองว่ายังเด็ก ประสบการณ์น้อย แล้วก็รายได้ไม่แน่นอน  ไม่เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งในช่วงที่ผมทำธุรกิจค้าขายล้อกับเพื่อนๆ ผมก็ยังคงช่วยธุรกิจงานที่บ้านควบคู่กันไปด้วยครับ

ตัวผมเองก็ไม่รู้จักกับการแต่งรถกระบะ แต่…มันเป็นช่วงรถกระบะคอมมอนเรล เริ่มนิยมนำมาแต่งกัน แต่ล้อญี่ปุ่นที่ผมเอามาขาย มันเป็นล้อทั่วๆ ไป ซึ่งมันไม่ตรงกลุ่มกับสายกระบะเค้านิยมกัน  ผมก็เลยลองเข้าไปศึกษาในออนไลน์ ว่าคนที่เค้าเล่นรถกระบะ เค้านิยมแต่งรถกันแบบไหน ก็ไปเจอว่าเค้านิยมล้อแฟชั่นแบบนี้  ผมก็มานั่งคำนวณว่าที่ตัวมีทุนอยู่เท่าไหร่ ร้านก็ไม่เป็นของตัวเอง แล้วผมจะไปตัดล้อจากบริษัทใหญ่ๆ มาขายได้ยังไง ซึ่งผมมองว่า ถ้าผมไปตัดล้อแฟชั่นมาขายในออนไลน์  น่าจะทำกำไรได้มากกว่าตัดล้อมือสองมาขายอย่างแน่นอน  ผมก็ติดต่อบริษัท เค้าไป ว่าจะขอซื้อล้อไปขาย  สิ่งที่ได้กลับมา มันไม่ใช่คำตอบ  แต่มันเป็นคำถามที่ตามมามากมาย อาทิ ไม่มีหน้าร้านจะขายยังไง  เครดิตก็ไม่มี แล้วจะเปิดบิลได้อย่างไร ประจวบเหมาะกับที่ผมได้เจอเซลล์ขายล้อของบริษัทนี้  เค้าก็คุยกับผมดีนะ  ผมก็เลยลองทำเรื่องขึ้นไปเสนอ เค้าก็อนุมัติให้ผ่าน อย่างผมทำเรื่องเสนอขอหลักร้อยวง เค้าก็อนุมัติมาแค่หลักสิบวง ในมุมเค้าผมก็เข้าใจนะ  เพราะโนเนมอยู่ เค้าก็คงไม่กล้าปล่อยเครดิตให้

ผมก็เลยตามขั้นตอนกรรมวิธีลงขายของผม กับล้อแฟชั่นที่ตัดมาขาย ปรากฏว่าคนชอบ ออร์เดอร์เดินดีตลอด มากี่ชุด กี่ชุด ก็หมด จนทางบริษัทเค้าก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมขายดีกว่าร้านที่มีหน้าร้านอีก ผมก็ยังคงสั่งในจำนวนน้อยตามที่เค้าให้มาขายอยู่เกือบๆ ปี ก็สามารถสั่งเพิ่มจำนวนที่เยอะขึ้นได้ แต่ทั้งหลายทั้งปวง  ผมก็ยังคงต้องซื้อเงินสดอยู่เหมือนเดิม ยังไม่สามารถเครดิตได้ ผมก็ทำแบบนี้มาตลอด คือขายตามกระทู้ออนไลน์ ไม่มีหน้าร้าน ขายได้ก็ไปตัดของใหม่มาเก็บไว้บ้าน  ทำวนไปเรื่อยๆ  แต่บอกเลยนะว่าขายดีมาก

จากวันที่แค่ตัดของมาขาย ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ ถ้าผมกลายมาเป็นผู้ผลิตล้อแม็กเองล่ะ จะมีโรงงานไหนเค้ารับผลิตไหม กับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่อายุเพียง 22 ปี ที่อยากจะมีลายล้อเป็นของตัวเอง ผมใช้เวลาอยู่ครึ่งปีในการหาโรงงานผลิตล้อแม็ก เพราะผมไม่ได้เริ่มต้นมาทางสายนี้  ในที่สุดผมก็มาเจอโรงงานหนึ่ง จากเซลล์ขายล้อ ผมบอกกับเค้าว่าอยากหาโรงงานทำล้อแม็ก  เค้าบอกกับผมว่า  นายจะไปทำล้อขายเลยหรอ เอาแค่ตัดล้อขายก็พอมั้ง ผมก็ฝากเรื่องไว้กับเค้า  จนวันหนึ่งเค้าก็เอาล้อมาส่งผมเหมือนเดิม พร้อมกับบอกว่า หาโรงงานให้แล้วนะ ทิ้งเบอร์ให้ผมโทรไปคุยเอง   ก็ติดต่อนัดกันเข้าไปคุย  ครั้งแรกที่ผมเข้าโรงงาน มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เพราะผมก็ไม่เคย แล้วไม่รู้ว่ามันต้องใช้อะไรบ้าง  ทางเจ้าของโรงงานเค้าก็คุยดี ก็ถึงแพลนว่าอยากจะทำอะไรบ้าง ในครั้งแรกผมจะเปิดแค่โมลด์ เดียว เป็นลายแฟชั่น เมื่อทางเจ้าของโรงงานเห็นลายที่จะทำ เค้าก็เตือนด้วยประสบการณ์ที่เค้าผ่านมาว่า อย่าทำเลยลายนี้  เค้าเคยทำมาก่อนเมื่อสิบปีที่แล้ว สรุปว่า ขายไม่ได้   พอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกบั่นทอนความตั้งใจเลยนะ คำพูดว่าเจ๊ง มันน่ากลัวมากสำหรับการค้าขาย   เพราะผมมีทุนแค่ก้อนเดียว  ผมก็ยังไม่ตกลง ขอเอาคำว่าเจ๊ง กลับมาคิดเป็นการบ้านก่อน แต่ด้วยสัญชาตญาณจากการขายล้อแฟชั่นมา  ผมฟันธงเดินหน้าต่อ ยังไงก็ต้องขายได้ลายนี้  ผมก็เลยตอบตกลงขึ้นโมล์ดแรก  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมคิดอยู่เสมอว่า ทำไมเจ้าของโรงงานถึงเชื่อในดุลยพินิจการตัดสินใจของผม ทั้งๆ ที่ยักษ์ใหญ่แบรนด์ดังก็เป็นลูกค้าของที่นี่มากมายอยู่แล้ว คนอื่นเค้าเปิดที 20-30 โมลด์ แต่ผมเปิดแค่โมลด์เดียว ลายเดียวเลย ทำไมเค้าถึงเชื่อว่าผมจะเอาไปขายได้ หรือเป็นเพราะการคุยเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถรู้ว่าเคมีมันตรงกันหรือเปล่า ผมเองก็ตอบไม่ได้
เมื่อขึ้นโมลด์แรกออกมาเสร็จสมบูรณ์ ก็มาถึงคราวจำนวนการผลิต  ขั้นต่ำต้องสั่งเป็นจำนวนตามที่เค้ากำหนด คือ 2,000 วง ผมก็แสดงศักยภาพให้เค้าเห็นว่า เมื่อของมาถึงผม ผมสามารถขายหมดภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน ทางโรงงานเองก็ตกใจว่าผมขายยังไง ทำไมใช้เวลาเร็วมาก ของหมดเกลี้ยง  มันพีคสุดในชีวิตผมมากนะ ในการขายแบบนี้  คีย์หลักที่ทำให้ของมาแล้วกระจายได้อย่างรวดเร็ว คือ ในระยะเวลาที่รอการผลิต  ผมก็ขายในออนไลน์ไปก่อนล่วงหน้า  ก็ลิสต์รายชื่อลูกค้าไว้ พอของมา ผมก็แค่ยกหูหา โอนตังค์ ส่งของ ก็จบแบบรวดเร็วมาก เรียกว่าวันรับของ บ้านผมแทบแตก รถมารับของทีเป็นร้อยๆ คัน วันนั้นเป็นวันที่ผมถือเงินสดในมือเยอะมาก ซึ่งที่บ้านผมเค้าก็ตกใจ ซึ่งในที่สุดเค้าก็ยอมรับว่า ผมทำมาหากินสายนี้ได้อย่างเต็มตัว แถมเค้ายังสนับสนุนทุนมาช่วยสมทบให้ผมเดินต่อไปครับ


“คำว่า GAIA มีพี่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้มา

ซึ่งเป็นคำเรียกชื่อ เทพของกรีก  ที่ปกครองพื้นดิน
ก็เลยนำมาประยุกต์ใช้ในอารมณ์ที่ว่าคุณยิ่งใหญ่สุดบนถนน”

ผมก็มีโปรเจกต์ว่าจะต้องขึ้นล้ออีกกี่ลาย นับตั้งแต่นี้ไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ทุนมหาศาล  แล้วอีกอย่างคือความไว้ใจของโรงงานยังไม่เชื่อในตัวผม  ซึ่งไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าผมจะทำต่อ หรือจู่ๆ ก็พับโปรเจกต์หายไปเลย  ผมก็ยังคงดำเนินกระบวนการทำล้อขายอยู่ประมาณ 2 ปี  ก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องมีเครื่องหมายการค้า หรือแบรนด์ที่เป็นของตัวเองอย่างจริงจังแล้ว ซึ่งจากระยะเวลาที่ร่วมงานกับโรงงาน ก็ทำให้เกิดความไว้วางใจเกิดขึ้นเป็นลำดับ เรียกกันบ้านๆ ว่าซี้กับโรงงานแล้ว ก็ได้ทีมวิศวกรของโรงงานมาช่วยออกแบบลายล้อแม็กให้ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีการแบ่งแยกประเภทของล้อ ว่าทำมาสไตล์ไหน แนวไหน คิดแค่ว่าสร้างแบรนด์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว ผมก็เลยนำความชอบส่วนในสไตล์ล้อ 5 ก้านมาเป็นพื้นฐานออกแบบ จนได้เป็นล้อลายแรกของแบรนด์ GAIA  มีแค่ลายเดียว ไซซ์เดียว แต่ 2 ขนาด  แต่มีมากสีหน่อย ก็ลองเอามาทำตลาด   ปรากฏว่ามันดีทันทีเลย
ซึ่งในช่วงที่ผมเริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเอง  ก็เริ่มทำให้เป็นรูปแบบมาตรฐานของบริษัทเล็กๆ  คือ มีฝ่าย 2 คน มีบัญชี 1 คน เปิดเป็นธุรกิจครอบครัวอยู่ในบ้าน  วิ่งส่งล้อตามร้านขายที่มีหน้าร้าน แต่ยังเป็นในรูปแบบค้าเงินสดอยู่ เพราะทุนผมยังไม่มีสำรอง ที่ผมตัดสินใจไม่ได้ขายส่งพ่อค้า แต่เปลี่ยนเป็นผมมาวิ่งส่งร้านค้าเอง ก็เสมือนกับป่าล้อมเมือง  คือกระแสมันไปจุดในกระทู้ออนไลน์ เมื่อมันเริ่มมีคนพูดถึงมากขึ้น ภายนอกก็เริ่มอยากได้บ้าง ภายนอกนี่ก็คือในระบบของร้านค้านะครับ ก็ประมาณว่าไปซื้อล้อลายนี้มาจากไหน ก็สอบถามไปบริษัทต่างๆ ก็ไม่มีใครรู้ เพราะเค้าไม่ได้เป็นผู้ผลิต เค้าก็ไปสอบถามจากคนที่มาตัดของผมไปขาย ก็รู้ว่ามาจากผม  ทำให้ร้านค้าก็วิ่งมาเข้ามาหา ก็เลยเกิดเป็นการซื้อ-ขาย ในระบบร้านค้า รวมถึงออร์เดอร์ที่เค้าสั่งเข้ามาก็มีจำนวนมากครับ ซึ่งทางร้านค้าเค้าก็มีฐานลูกค้าที่สามารถกระจายออกไปอีก มันเป็นการแพร่กระจายบอกต่อให้คนเห็นมากยิ่งขึ้นด้วยครับ
บอกกันตรงๆ ว่าล้อแม็กผมในยุคนั้น ไม่ได้มีมากไซซ์ เพราะผมไม่มีทุนที่มากพอจะไปเปิด โมลด์เพิ่ม ก็เลยมาเล่นที่รายละเอียดของล้อ หรือไม่ก็เล่นที่สีสลับไปมา จนสักพักหนึ่ง เหมือนมันเริ่มอยู่ตัว ผมก็เลยผลิตลายกับไซซ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้รองรับกับความต้องการของตลาด ซึ่งลูกค้าเองก็สอบถามเข้ามาว่ามีแค่ลายเดียวเองหรอ อะไรประมาณนี้  ผมก็ขอตอบในคอลัมน์นี้เลยแล้วกันครับ  ผมไม่ต้องการที่จะซ้ำใคร  เหมือนกับหลายแบรนด์ที่เค้าตั้งไว้ว่า เดือนหนึ่งต้องออก 10 แพตเทิร์น เลยอะไรประมาณนี้  แต่สไตล์ผมคือ ออกแพตเทิร์นเดียว แยกออกมา 3 ไซซ์ คือผมอยากให้คนชอบในเอกลักษณ์ของมัน ไม่อยากให้ออกมา 20-30 แพตเทิร์น แล้วคนก็จำไม่ได้ครับ คือผมอยากให้คนนึกถึงปุ๊บ ก็จะจำภาพล้อลายนี้ขึ้นมาทันที อะไรประมาณนี้ครับ นอกจากในกลุ่มของรถซิ่งที่รู้จัก ผมก็เปิดกลุ่มตลาดออฟโรด ภายใต้ชื่อ โครโนเทค ขึ้นมา เพื่อสร้างสีสันให้วงการ มีความแปลกใหม่เกิดขึ้นเสมอ


“ผมใช้ชื่อ SPP (ทรัพย์เพิ่มพูน) มาก่อนอยู่ 2 ปี

แล้วค่อยเป็นชื่อ GAIA อย่างที่รู้จักกันครับ”

ถัดจากเรื่องของแม็ก ก็มาที่เรื่องของยาง ซึ่งผมทำตลาดยางได้สัก 3 ปีที่ผ่านมา  เพราะมันเป็นของคู่กัน ถ้าผมทำมันจบได้ในที่เดียวก็จะสมบูรณ์แบบ  ผมก็ศึกษา แล้วก็เดินทางไปประเทศจีน เพื่อดูโรงงานที่เค้าผลิตยาง ซึ่งผมก็ไปจบกับคุณภาพการผลิตที่มาตรฐานโรงงานหนึ่ง ซึ่งมาทราบว่า เป็นหนึ่งในสี่ของโรงงานผลิตยางที่ได้รับมาตรฐานคุณภาพในประเทศจีน ก็ตกลงทำสัญญากับที่โรงงานในการผลิตยาง โดยคุยกับเค้าในขั้นตอนการผลิตไซซ์และรูปแบบ ให้เข้าและรับกับแม็กที่ผมมีอยู่  ที่สำคัญ เรื่องของการออกแบบ ก็จะมีทีมของเค้า กับทีมของผม ทำงานมาวิเคราะห์กัน ว่าสิ่งที่ออกแบบมา มันสามารถใช้งานได้จริงอย่างที่ต้องการหรือไม่  ซึ่งในมุมมองของผมในวันที่ตกลงผลิตยางกับทางประเทศจีน  ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า เมื่อออกวางขาย จะขายได้มั้ย  แต่ผมก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าผมต้องทำได้  ซึ่งผมก็ต้องบอก ในตลาดยาง ผู้ผลิตแบบผมมีเยอะมากในประเทศไทย   ซึ่งแต่ละแบรนด์เค้าก็จะมีกลุ่มลูกค้าของเค้าอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มลูกค้าผมก็อยู่ในตลาดกลางลงมาครับ  การที่จะขึ้นไปแข่งกับตลาดบน  บอกเลยว่าทำไม่ได้ครับ เหนื่อยเกินไป ผมมองแบบนี้ครับ  ผมมองว่ากลุ่มลูกค้าในประเทศไทย มีลักษณะเหมือนพีระมิด  จากฐานล่างขึ้นไปพื้นที่ตรงกลาง พีระมิด มีพื้นที่จำนวนมากกว่า กลางขึ้นไปยอดแหลมของพีระมิด  สำหรับประเทศไทย กลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังในตลาดกลางลงมามีมากกว่าตลาดกลางขึ้นบนครับ ผมก็เลยมองการตลาดตรงนี้เป็นจุดแรก ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิต  นั่นคือ ทำมาขายใคร เป็นอันดับแรกครับ ส่วนซื้อไม่ซื้อ นั่นคืออีกกระบวนการหนึ่ง คือเรื่องของราคา  ซึ่งกระบวนการขั้นตอนนี้ละเอียดอ่อน  ผมใช้การศึกษาจากราคาที่ต่ำที่สุดในตลาด  และเอามาเปรียบกับของตัวเอง เบ็ดเสร็จแล้ว มีกำไรมั้ย ถ้าขายเท่าเค้า ถ้าไม่ได้ก็ต้องกลับไปดูว่าทำไมแพงกว่าเค้า  แล้วที่แพงกว่า เพราะดีกว่าเค้าตรงไหน ผมนั่งทบทวนอยู่นาน จนพบคำตอบ ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ทำเพราะอยากให้สิ่งที่คิด มันเกิดออกมาเป็นชิ้นงานที่ไม่ซ้ำใคร  เพราะฉะนั้น เรื่องของคุณภาพที่มีในตัวสินค้าแล้ว คุณจะได้ ดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วยครับ
ก็อย่างที่ทราบว่าผมก็เริ่มจากเล่นรถมาก่อน  ซึ่งผมเป็นคนไม่มีสตางค์  แต่ ณ ปัจจุบันก็พอจะมีทุนบางส่วน ก็เลยอยากทำรถเพื่อตอบสนองความชอบของตัวเองอีกครั้ง  ก็เลยเริ่มจากทำรถ Drag  ทำไปวิ่งกับเค้า จะแพ้ หรือชนะ ไม่สนใจ ขอแค่ได้ทำรถออกมาได้อย่างที่ใจต้องการก็พอ  ก็เล่นอยู่พักใหญ่เลย ก็เกิดความคิดที่ว่า ผลิตภัณฑ์ของผมไม่สามารถซัพพอร์ตการแข่งขัน Drag ได้เลย ก็เลยตัดสินใจมาที่ Drift ตรงรุ่นที่สุด ทั้งแม็กและยาง ตรงประเด็นเต็มๆ ก็เลยเกิดเป็น Silvia S15 คันสีแดงที่เคยลง XO ไปนั่นแหละครับ โดยตั้งใจทำรถคันนี้เพื่อไปแข่งต่างประเทศ เพื่อให้ต่างชาติได้รู้จัก ซึ่งก็จะสอดคล้องแผนการตลาดในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ผมไปในด้วยครับ ถามว่ามันประสบความสำเร็จมั้ย มันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ครับ แต่ผมได้ทำในสิ่งที่ใจต้องการแล้วครับ”
จากวันนั้นถึงวันนี้ 7 ปีแล้ว ที่เดินบนเส้นทางนี้ มันเร็วมากนะครับ จากเด็กตัดล้อ กลายมาเป็นผู้ผลิตล้อแม็ก GAIA  และยาง SPLENDID TIRES ที่ครองใจกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบการแต่งรถ ผมว่าด้วยอายุเพียงเท่านี้ เค้ามาไกลถึงขนาดนี้  ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ เพราะจะรีบปิดคอมพ์ แล้วออกไปหาตัวเองให้เจอแบบผู้ชายที่ชื่อ สาธิต สุวรรณ์ทอง บ้างครับ

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome