“การทำงานทุกอย่าง ก็ต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งถ้าตัวเราเองยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ แล้วคนอื่นๆ จะมารับผิดชอบแทนเราได้อย่างไร”
STORY : T.Aviruth (^_^!)
PHOTO : พงศกร พรามแม่กลอง, ธัญญนนท์ แสงภู่
ชื่อ Kuroki Racing ผุดขึ้นในวงการทางเรียบอีกครั้ง! โดยมี บอสใหญ่ คุณอั๋น ATP Motor Sport หรือ อั๋น TEIN แล้วแต่ถนัดปาก เป็นผู้นำพา Kuroki Racing เข้ามาในประเทศไทย ด้วยความบังเอิญในช่วงคับขันตอนแข่งขัน จนลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โตมา ในชื่อ Kuroki Racing Thailand เรื่องราวมันเป็นอย่างไร คุณอั๋น และ มร.เคนจิ คุโรกิ จะตอบทุกอย่างอย่างหมดเปลือกในคอลัมน์นี้ครับ…
ถ้าคุณเป็นแฟนคลับแห่งวงการทางเรียบ คุณจะได้ยินชื่อของ Kuroki Racing เข้ามามีบทบาทเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดย เสี่ยอั๋น เป็นผู้ชักนำเข้ามาสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตในบ้านเราอีกครั้ง โดยการแนะนำจากเพื่อน ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นจากจุดนี้…ถ้าคุณอยากรู้ว่า มร.เคนจิ คุโรกิ เค้าเป็นใคร? เสี่ยอั๋นจะทำอะไรกับคำว่า Kuroki Racing Thailand ในคอลัมน์นี้มีคำตอบไว้ไขข้อข้องใจทั้งหมดครับ…
สำหรับการทำคอลัมน์ในครั้งนี้ การสัมภาษณ์ มร.เคนจิ คุโรกิ ทางทีมงานได้รับความอนุเคราะห์จาก พี่เหน่ง Driver MotorSport มาเป็นล่ามสื่อภาษา เนื่องด้วยว่าการที่ใช้ภาษาอังกฤษตอบโต้กับคนญี่ปุ่น อาจจะไม่ได้อรรถรส รวมถึงเรื่องราวไม่ละเอียดพอ ก็เลยต้องรบกวนเฮียเหน่งเป็นธุระจัดการให้ครับ โดยเรายกทีมไปสัมภาษณ์และถ่ายรูปกันที่สนามพีระฯ เพราะเป็นช่วงในการแข่งขันรายการ Thailand Super Series 2014 พอดี ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันพอดีครับ
แน่นอนว่า หลายๆ ท่านเกือบๆจะ 100% ที่รู้จักแบรนด์ TEIN และรู้จัก คุณอั๋น ATP Motor Sport กันเป็นอย่างดี ว่าเค้าเป็นใคร ดังนั้น ในช่วงบทสัมภาษณ์ครึ่งแรก ขอแนะนำให้ท่านได้รู้จักตัวตนของ มรเคนจิ คุโรกิ กันก่อน ว่าเค้าเป็นใครมาจากไหน โดยพี่เหน่งได้เริ่มต้นถาม แล้วเค้าได้ตอบมาว่า “ จุดเริ่มต้นเค้าคือจบการศึกษามัธยมปลาย แล้วก็ได้มาทำงานที่อู่ซ่อมรถ ทำงานไปด้วยแล้วก็เล่นรถไปด้วย ก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปในญี่ปุ่น ขับซิ่งบนถนน สักพักใหญ่ๆ จนมาถึงจุดอิ่มตัว คิดว่าทำแบบนี้ต่อไปเริ่มที่จะไม่สนุกแล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะลาออกจากงานที่ทำ ซึ่งในช่วงนั้นก็เริ่มแข่งขันในรูปแบบเซอร์กิตแล้ว ก็มีกลุ่มเพื่อนๆ นักแข่งด้วยกัน เอารถมาให้ทำ ถ้าทวนเข็มนาฬิกาย้อนไปที่จุดเริ่มต้นแข่งขันก็นานมากแล้วนะ เพราะปัจจุบันอายุก็ปาเข้าไป 60 ปีแล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นเค้าจะมีกฎเกี่ยวกับใบอนุญาตซ่อมรถ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือหมายความว่า ต้องมีประสบการณ์จากสถานประกอบการที่ทำงานระดับมาตรฐานกี่ปี ถึงจะมีสิทธิ์ไปสอบใบอนุญาตซ่อมรถให้ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นที่ระดับ 3 ไล่จนไประดับสูงสุดคือระดับ 1
มร.เคนจิ คุโรกิ อาศัยอยู่ที่เมืองคิวชู มิยาซากิ ซึ่งเป็นเขตต่างจังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงแรกที่เปิดอู่ ก็แข่งรถไปด้วย ซึ่งในย่านที่อยู่อาศัยสมัยนั้นยังไม่มีความเจริญ ภูมิประเทศเป็นป่าเขา รูปแบบของการแข่งรถยนต์ตอนนั้นก็เป็นลักษณะแรลลี่ครอสและยิมคานา โดยใช้รถยนต์ Sunny B110 และ Cherry ขับหน้ารุ่นแรกของ Nissan มาเป็นรถที่ใช้แข่งขัน ก็ใช้รถทั้ง 2 รุ่นนี้ทำการแข่งขันมาตลอดจนหมดอายุของรถรุ่นนั้น ไม่สามารถทำการแข่งขันได้ด้วยอายุของตัวรถ
หลังจากรถแข่งทั้ง 2 คัน ไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ก็เริ่มมองหารถแข่งคันใหม่ เพื่อนำมาใช้ทำการแข่งขัน ก็เลือกเจ้า Honda เจเนอเรชั่นแรก เครื่องยนต์ CVCC เป็นเครื่องแบบ 3 วาล์ว ปกติ 1 สูบ จะมี 2 วาล์ว แต่เครื่องตัวนี้จะมีวาล์วเล็กๆ อีก 1 ตัว เพื่อทำหน้าที่จุดระเบิดจากตรงนั้นก่อน เพื่อให้พุ่งลงมาในห้องเผาไหม้ใหญ่อีกที ลักษณะการทำงานคล้ายๆ กับห้องเผาไหม้ช่วยของเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเริ่มในการเล่นรถ Honda หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปตามเจเนอเรชั่นของรถ Honda ที่ออกมา แต่ก็ใช่ว่าจะทำอยู่ค่ายเดียว สาย Toyota AE 100, Nissan Skyline R30 และอีกหลายรุ่นในยุคนั้น แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเชิญไปเป็นนักแข่งให้มากกว่าทำรถ
ประมาณยุคแปดปลายๆ เกือบเข้าเก้าศูนย์ ได้มีโอกาสมาทำรถแข่งในประเทศไทยให้กับ คุณประเสริฐ อภิปุญญา โดยใช้รถ Honda Civic EF แข่งขันในยุคนั้น เดินทางไปมาอยู่ประมาณ 5 ปี ตลอดช่วงการแข่งขันของทีมแข่งในประเทศไทย ได้รู้จักกับคนไทยมากมายที่แข่งขันรถยนต์ทางเรียบในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ คุณ ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ ขับรถแข่ง Honda เช่นกัน
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ “ยุคฟองสบู่แตก” ในประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างจะชะลอตัวลงหมด แต่ก็เที่ยวทำรถแล้วไปแข่งตามเมืองต่างๆ กับลูกชาย ทำแบบนี้อยู่สักพัก ก็มาคิดทบทวนดูแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ก็เลยปรับแผนการแข่งขันใหม่ โดยออกไปแข่งในโซนเอเชียอาคเนย์ โดยมีจุดเริ่มต้นจากลูกค้ามาสั่งให้ทำเครื่องยนต์ส่งไปแข่งขันที่มาเก๊า แต่มันก็ไม่ค่อยได้ดีเท่าไหร่ เพราะรถแข่งองค์ประกอบทั้งหมดต้องสัมพันธ์กันทุกอย่าง จะเครื่องแรงจัดเพียงอย่างเดียวไม่ได้ Total Balance ต้องดี ก็เลยปรับเปลี่ยนเป็นทำรถแล้วส่งไปทั้งคัน มันก็ดีขึ้น และมีลูกค้าที่เห็นผลงานต่างก็ติดต่อเข้ามาอยู่เสมอ
จากการออกไปแข่งขันนอกประเทศญี่ปุ่น อาทิ อินโดนีเซีย เกาหลี และมาเลเซีย หลายประเทศในแถบนี้ที่มีการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ประเทศไทยสนุกที่สุด จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน มาแข่งรถที่สนามเซปังฯ ก็ได้เจอกับ คุณอั๋น เนี่ยแหละ…”
ก็คงได้รู้จักกับตัวตนของ มร.เคนจิ คุโรกิ กันไปแล้ว ซึ่งในอนาคตในช่วงเจนฯ 2 ของ Kuroki Racing จะถูกดำเนินต่อไปด้วย มร.ฮิเดฮารุ คุโรกิ ซึ่งเป็นลูกชายของเค้าที่เข้ามารับบทบาทแทนคุณพ่อ ทั้งทำเครื่องและเป็นนักแข่งในตัวอีกด้วย ทีนี้ก็ภาคต่อหลังจาก มร.เคนจิ คุโรกิ ได้พบกับ คุณอั๋น ที่สนามเซปังฯ โดยได้เล่าต่อให้ทีมงานฟังว่า “ในช่วงที่นำรถ Honda Jazz ไปแข่งขันที่สนามเซปังฯ จำได้ว่ารถมีปัญหา ซึ่งเมื่อมองดูเวลาก็ดึกมากแล้ว ราวๆ เที่ยงคืน ใจคิดว่า “พอเถอะ” ไม่แข่งแล้ว ทีมช่างแมคแคนิคก็ไม่มี ก็เลยคิดว่าไม่อยากไปรบกวนใคร เพราะเราเองก็ไม่ได้มีความชำนาญในเรื่องของรถแข่งประเภทนี้ ซึ่งในช่วงนั้น คุณอ๊อฟ หทัย ไชยวัณณ์ ก็เดินผ่านมาทักทาย แล้วก็รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถแข่ง เค้าก็เลยบอกว่าอย่าเพิ่งเลิก ให้มาลองคุยกับ Kuroki Racing ก่อนมั้ย? บอกตรงๆ ตอนนั้นไม่รู้จักชื่อที่ คุณอ๊อฟ แนะนำมาหรอก เพราะเราเพิ่งเริ่มแข่งขันในรูปแบบเซอร์กิตได้ไม่นาน คุณอ๊อฟ บอกว่า ให้มาเดินสายนี้น่าจะเหมาะกับ อั๋น เพราะสมัยก่อนตอนแข่งแดร็กก็ให้ทางทีม JUN จากญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแลให้ พอเปลี่ยนมาแข่งแบบเซอร์กิต ก็ให้ความเป็นมืออาชีพของเค้ามาช่วยดูแลก็น่าจะไปได้ดี พอได้ยินแบบนี้ก็เลยมีความคิดที่ว่า ก่อนที่จะเลิกราจากวงการนี้ เราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง? ก็เลยมาทบทวนตรงนี้ดู มันก็ยังไม่ดีที่สุด แล้วเราจะเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ ได้อย่างไร ก็เลยตัดสินใจทำมันให้ดีที่สุด ซึ่งถ้าเพื่อนๆ และ พี่ๆ ในวงการเห็นพ้องว่าดี ก็เลยจะขอเริ่มต้นใหม่จากจุดนี้ โดยมี คุณณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ เป็นที่ปรึกษา และก็เห็นพ้องตรงกันว่าเค้าเก่ง และมีความเป็นมืออาชีพ เพราะในอดีตเคยแข่งรถกันมาก่อน
หลังจากได้ข้อสรุปก็ตั้งใจเดินทางไปซื้อเครื่องยนต์ Kuroki Racing มาทั้งตัว เพื่อใช้ทำการแข่งขัน แต่เผอิญว่า เมื่อ มร.เคนจิ คุโรกิ ได้เจอกับ คุณณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ ที่เดินทางมากับผม เค้าปลาบปลื้มและดีใจมากที่ได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยที่แข่งรถด้วยกันมา ก็เลยกลายเป็นการสานสัมพันธ์และไว้เนื้อเชื่อใจกันได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ตัวเราเองก็เพิ่งจะทราบในวันนั้นว่าเค้าทั้ง 2 คนรู้จักกันก่อนอยู่แล้ว ยิ่งพอได้มาทำงานร่วมกันกับเราก็เกิดความชอบพอกันมากขึ้น ยิ่งเข้าเคยคลุกคลีกับคนไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็เลยเป็นเรื่องที่จูนกันได้ลงตัวและรวดเร็ว
จากการที่ได้ไปซื้อเครื่องยนต์ Kuroki Racing ทีเดียว 3 ตัว ผนวกกับมี คุณณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ เป็นที่ปรึกษา ทาง มร.เคนจิ ได้บอกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะเค้ารู้ว่าถ้า คุณณัฐวุฒิ ตั้งใจทำอะไรแล้ว เค้าจะทำแบบจริงจัง เพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ หลังจากเครื่องยนต์มาถึง พร้อมกับเซ็ตอัพ ทางเค้าก็เดินทางมาประเทศไทย เพื่อจัดการโปรแกรมกล่อง ECU แล้วพอมาเห็นว่าเราทำแบรนด์ TEIN ด้วย ก็ยิ่งทำให้เค้าสบายใจว่าเราเข้าใจวัฒนธรรมการประกอบธุรกิจแบบคนญี่ปุ่น จึงทำการติดต่อ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันเป็นไปอย่างสะดวกขึ้น
ซึ่งพอเพื่อนๆ ในวงการได้ทราบว่าทางเรามีเครื่องยนต์ Kuroki Racing ก็ให้ความสนใจติดต่อซื้อเครื่อง ทั้ง K20A และ L15A ไป 7-8 ตัว ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป “ความตั้งใจแรกคือแค่ให้ทางญี่ปุ่นเข้ามาซัพพอร์ตเกี่ยวกับรถทั้งหมด เพราะเรามองเค้าเป็นมืออาชีพในด้านนี้ ส่วนตัวเราก็มีหน้าที่เตรียมตัวให้พร้อมแข่ง แบ่งกันไปเลย จะได้ตั้งใจทำอย่างเต็มที่”
จากจุดเล็กๆ ที่ได้รู้จัก กลายมาเป็นเรื่องราวใหญ่โต มีชื่อ Kuroki Racing Thailand ขึ้นมาให้เห็น ด้วยความคึกคัก และมีผู้คนให้ความสนใจมาแข่งขันรถยนต์ในรุ่น Super Production กันมากขึ้น จากกลุ่มรถแข่งไม่กี่คัน กลายเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ 20-30 คัน ก็เลยเกิดเป็นธุรกิจขึ้นมา นอกเหนือจากธุรกิจ ทางเค้าเองก็อยากร่วมสนุกในการแข่งขัน เลยโดดลงไปร่วมแจมในรุ่น Super 2000 นำรถแข่ง 2 คัน เข้ามาแข่งขันในประเทศไทย โดยมี มร.ฮิเดฮารุ คุโรกิ เป็นคนขับ ส่วน มร.เคนจิ คุโรกิ เป็นผู้เซ็ตอัพรถให้ลูกชาย พร้อมกับมีเอนจิเนียร์มาร่วมดูแลทีมแข่งอีกคน
และในอนาคตได้วางแพลนว่าจะนำรถ Super Taikyu HT4 รุ่นไม่เกิน 2,000 C.C. มาจากญี่ปุ่น เพื่อมาลงทำการแข่งขันในรุ่น Endurance ซึ่งนี่คือแพลนของปีหน้า หลายคนอาจจะมองว่ามีธุรกิจ TEIN อยู่แล้ว ทำไมถึงมาทำตรงนี้อีก ซึ่งตัวผมเองมองว่า มอเตอร์สปอร์ตกับธุรกิจของเรา เดินไปแนวทางเดียวกัน เพราะในอนาคตธุรกิจโช้คจะเป็น TEIN Thailand Sale Limited ก็จะเป็นอีกหนึ่งบริษัท สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ในส่วนมอเตอร์สปอร์ตที่กำลังทำอยู่ ณ ตอนนี้ คือการต่อยอดให้เดินควบคู่กับ TEIN ไป เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเรา และผลจากการแข่งรถยนต์ก็ได้ประสบการณ์จากสนามแข่ง นำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ อาทิ การเซ็ตช่วงล่างของรถให้กับลูกค้าที่ไว้วางใจบริการจากเรา”
ก็คงได้รู้จักตัวตนของ มร.เคนจิ คุโรกิ กันไปเต็มๆ รวมทั้งที่มาของโปรเจ็กต์ Kuroki Racing Thailand จาก คุณอั๋น ATP MotorSport ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ที่สนใจในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบได้ตัดสินใจครับ ว่าที่มาที่ไปของโปรเจ็กต์คืออะไร แล้ววันนี้ถ้าคุณเลือกที่จะทำอะไรในชีวิตสักอย่าง คุณเข้าใจในตัวเองดีแล้วรึยังครับ… ว่าสิ่งทำนั้นคืออะไร?
วาทะโดนใจ
“ทุกรายการของการแข่งขัน ถ้าเราทุ่มเทและตั้งใจอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราต้องยอมรับตัวเราเองให้ได้ ถ้าคุณควบคุม สมาธิ สติ ได้ นั่นก็คือชัยชนะของตัวเราเอง”
“ทุกๆ คอมเมนต์ในการทำรถ มันมีความหมาย อาทิ ทำไมไม่ใช้แบบนี้ ทำไมถึงใช้แบบนั้น อะไรประมาณนี้ แต่ท้ายที่สุด เราต้องมาสรุปกับตัวเองก่อน ว่าสิ่งที่มีอยู่ เราทำมันถูกต้องหรือยัง? หรือเราฟังเค้าพูดมาอย่างเดียว เราต้องทบทวนว่าเราเข้าใจตัวเองแล้วหรือยัง? หรือว่าจะเน้นทำตามแต่ที่เค้าพูดมา…”
Mr. Hideharu Kuroki
Mr. Kenji Kuroki