Story : T.Aviruth (^_^!) / Photo : ทวีวัฒน์ วิลารูป
“ผมกลับมองว่าตัวผมเองไม่เก่ง!! …. ผมจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว”
ผมคิดว่าหลาย ๆ ท่านในที่นี้ หรือกำลังอ่าน XO AUTOSPORT อยู่ตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนตร์เรื่อง The Fast & Furious อย่างแน่นอน… และแขกรับเชิญของเราในเล่มนี้ ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน เค้าเป็นบุคคลที่เรามักได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่ค่อยได้เจอตัว และในวันนี้เค้าให้เกียรติกับคอลัมน์ “My Name is…” มาเล่าถึงเรื่องราวในช่วงเวลาสั้น ๆ ในการก้าวมาถึงจุดที่ฝันไว้ จนทุกคนรู้จักเค้าในชื่อว่า “แถม TKF ”
ผม และ โปเต้ (ช่างภาพคู่ใจ) พร้อมอุปกรณ์ถ่ายภาพชุดใหญ่ ยกทัพจากลาดปลาเค้า 66 มาทางเส้นบางบัวทอง เพื่อไปตัดเข้า พุทธมณฑล สาย 4 มุ่งเป้าหมายไปที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ TKF RACING ตั้งใจไว้ว่าจะให้ถึง 10 โมงเช้า แต่ก็สายจนได้ ช้าไปครึ่งชั่วโมง ทีมงาน XOTV นำทีมโดยพิธีกรฝีปาก “จัด” อย่างนายโก้ ก็มาถึงเวลาใกล้เคียงกัน โดยในวันนี้เรานัดหมายกับพี่แถม TKF อยากจะขอสัมภาษณ์ลงคอลัมน์ในหนังสือ XO และ XOTV ไปพร้อมกันเลย โดยมี นายโต้ เป็นผู้เดินเรื่องราว ประสานงานให้ทั้งหมดครับ
หลังจากถึงที่หมาย ทีมงานทุกท่านก็ประจำหน้าที่ของตัวเอง โดยไม่ต้องบอกกล่าว ผมกล่าวทักทาย ขอเรียกว่า “พี่แถม” เลยแล้วกันนะครับ เราคุยกันอยู่ประมาณ 10 นาที สายตาผมกวาดไปโดยรอบช็อป เพื่อมองหาโลเกชั่นที่จะถ่ายรูป ซึ่ง โปเต้ เองเค้าก็มีความเห็นเดียวกับผม เราต่างแยกย้าย โปเต้ ก็เริ่มเซ็ตไฟ มาร์กมุมเพื่อถ่ายรูป ส่วนทีม XOTV ก็เริ่มเซ็ตอัพฉาก เพื่อสัมภาษณ์ “พี่แถม” เช่นกัน ผมเริ่มเดินวนไปรอบ ๆ ช็อป เพื่อดูความอลังการ เห็นช่องซ่อมทั้ง GTR และ Z จอดเซอร์วิสอยู่หลายคัน เมื่อเดินลึกเข้าไปก็ผงะ!! กับเครื่องวัดแรงม้า ไอ้หยา!! มีพร้อมเสร็จสรรพ สมบูรณ์แบบในตัวเลยนะเนี่ย เมื่อเดินกลับเข้ามาในบริเวณโชว์รูม ก็ละลานตาไปด้วยล้อแม็กวงใหญ่กว่ากะละมังซักผ้าทั้งนั้นเลย ที่สำคัญ อุณหภูมิในห้องนี้เย็นฉ่ำ เหมาะแก่การนั่งสนทนา ผมจึงฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลังง่วนกับหน้าที่ของตนเอง ชักชวน “พี่แถม” ไปนั่งคุยกัน
บอกตรง ๆ ผมกับพี่แถม นาน ๆ จะเจอกันที มันก็เกิดอาการประหม่าเหมือนกันนะ ในช่วงแรก ๆ ที่นั่งคุยกัน แต่พอเริ่มถูกทางก็มีอรรถรสในการคุยมากขึ้น พี่เค้าเป็นคนที่จริงจัง และตั้งใจกับการทำงานมาก ผมแอบดูจาก Facebook สเตตัสที่พี่เค้าตั้งขึ้น มันเป็นเหมือนวิถีการทำงานที่เคยผ่านมา พบเจออะไรมาบ้าง และก็เก็บมาเป็นเรื่องราวเล่าให้ฟังเหมือนพี่สอนน้อง ยังไงยังงั้น หลังจากที่คุยนอกเรื่องเพื่อเรียนรู้สไตล์ของพี่แถม ผมก็เริ่มชักชวนให้พี่เค้าเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมา ให้ผมฟัง เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาจนมาเป็นวันนี้ได้ มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อผมเริ่มกดปุ่ม Record ของเครื่องบันทึกเสียง พี่แถม ก็เริ่มนึกย้อนกลับไปในอดีต โดยเค้าบอกผมว่า “คุณเคยดู The Fast & Furious มั้ย? ผมเองก็พยักหน้าตอบ เหมือนเป็นการชักชวนให้คนที่รับฟังนึกภาพคล้อยตามและเห็นภาพเหมือนกับเค้า พี่แถมเล่าให้ฟังว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็น First Impression ก็ว่าได้ เรื่องรถเนี่ย มันก็เป็นของคู่กับผู้ชายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ มันก็เป็นตัวจุดประกายเลยนะ ก่อนหน้านี้คนเล่นรถแต่งทั่วไป รวมถึงทั้งตัวผมเอง จะติดภาพกับรถซิ่งจากประเทศญี่ปุ่นมากกว่า ผนวกกับส่วนตัวแล้ว ผมชอบ “วิน ดีเซล” เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งพอมาเล่นหนังรถซิ่งแบบที่ชอบ ยิ่งทำให้ฟีเวอร์ใหญ่เลย หลังจากนั้นผมก็ฝังใจมาโดยตลอด ชอบอะไรที่เป็นสไตล์อเมริกัน ก็แต่งรถในแบบที่ชอบไปเรื่อย
แล้วเผอิญว่าจุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงที่ Z33 (350Z) คันที่ผมใช้อยู่ในตอนนั้น มันไปตรงกับ The Fast & Furious ภาค 3 ออกมาพอดี ที่เรารู้จักชื่อตอนว่า “Tokyo Drift” ถึงแม้ภาคนี้ขวัญใจของผมจะไม่ได้แสดงนำ แต่รถที่ใช้แสดงในเรื่อง Z33 มันเด่นอยู่มาก มันยิ่งทำให้ปลุกเร้าอารมณ์มากขึ้นทวีคูณเลยนะ ทำให้เกิดพลังที่อยากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ขึ้นมา ซึ่งมันคนละเรื่องกับธุรกิจของที่บ้านเลย พื้นเพที่บ้านประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ ที่ผ่าน ๆ มา ผมได้แต่คิด!! มาตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่า “เรื่องรถ กับ ทางบ้าน” มันเป็นได้แค่ทางที่ “คู่ขนาน” กันมาโดยตลอด ไม่สามารถบรรจบกันได้ เสียที…
จนกระทั่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมก็ตัดสินใจปรึกษากับครอบครัว เรื่องแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า โดยจะยึดธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอนี้ต่อไปอย่างเดียว หรือว่าจะแตกแขนงออกมาจับธุรกิจทางด้านอื่นควบคู่ไปด้วย โดยตัวผมเองเสนอขอไปจับงานที่ถนัด และชอบมาตั้งแต่เด็ก ก็คือธุรกิจทางด้านรถยนต์ ทางบ้านเค้าก็ให้โอกาสผมไปลองในสิ่งที่ปรารถนา ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้น ผมก็ได้เตรียมพร้อม และทำการบ้านเป็นอย่างดี จนได้เข้าสู่วงการธุรกิจรถยนต์อย่างเต็มตัวเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา โดยการเป็นศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ NISSAN ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามาทำงานนี้ ผมใช้ Z33 อยู่ก่อนที่จะเปิดศูนย์ฯ ประมาณ 1 ปี ผมก็ยังงง ๆ ตัวเองเหมือนกัน เพราะ Z33 ไม่ได้อยู่มในโพล ตอนผมจะซื้อรถเลยสักนิด แต่มันด้วยเหตุบังเอิญ! ผมจึงได้ครอบครองรถคันนี้ขึ้นมา ในตอนนั้นก็ไม่มีแพลนว่าจะเปิดศูนย์บริการ NISSAN ด้วย ผมคิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า
ศูนย์บริการฯ ผมยกให้เป็นงานเชิงธุรกิจ แต่ TKF Racing ซึ่งเปิดให้หลังจากศูนย์ NISSAN เปิดมาได้ 2 ปี นับจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ราว ๆ 5 ปี ซึ่งมันเกิดขึ้นจากความรัก แล ความชอบส่วนตัวของผมเอง ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกก่อนที่จะเปิดศูนย์ฯ ผมผูกพันกับ NISSAN มาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นทีมช่างของผมจะถนัดรถ NISSAN โดยตรง อีกทั้งรถในตระกูลนี้เค้าค่อนข้างได้เปรียบกว่าแบรนด์อื่น ๆ คุณจะเห็นได้ว่าเค้ามีรถในกลุ่ม Performance Car หลายรุ่น ถ้าคุณได้สังเกตก็จะเห็นว่าในสนามแข่งที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่รถที่นำมาใช้ทำการแข่งขัน ไม่ว่าจะ Drift หรือ Circuit ก็จะเป็น NISSAN แทบทั้งนั้น หรือแม้กระทั่งรถสปอร์ตที่ใช้งานของญี่ปุ่นที่วิ่งบนถนนก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น GTR, 370Z, 350Z เป็นต้น
ด้วยเหตุผลนี้แหละ ที่เป็นแรงผลักดันให้ผมเกิดพลังในการที่จะทำศูนย์บริการให้กับคนใช้รถกลุ่มนี้โดยเฉพาะ และค่อย ๆ ขยับขยายไปสู่รถแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่านอกจากสปอร์ตคาร์ค่ายนี้แล้ว ก็ได้ขยับขึ้นไปในกลุ่ม Super car อย่าง Audi R8 หรือไม่ก็ Lamborghini หลายท่านอาจจะมองว่าเราเป็นแค่ Racing Shop ทั่ว ๆ ไป แต่ผมอยากให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่า TKF Racing ไม่เพียงแค่สถานที่รับแต่งรถเพียงอย่างเดียว แต่เรามีทีมแมคคานิคที่เชี่ยวชาญ สามารถดูแลพื้นฐานที่สามารถปรับสภาพรถให้อยู่ในระดับสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เราไม่มุ่งเน้นความแรงอะไรมากมาย แต่สิ่งที่เราต้องการคือ รถที่ออกจากเราไปต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้จริง คนที่ใช้ต้องมีความสุขกับการได้ขับมัน
ผมมีความคิดว่า ก่อนที่เราจะโมดิฟาย รถเดิม ๆ มันอยู่ในพื้นฐานที่สมบูรณ์แล้วหรือยัง มันดีหรือยัง? ถ้ามันดีแล้ว การที่จะอัพเกรดขึ้นไป มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าพื้นฐานของรถไม่สมบูรณ์ รถมันทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำไปมันเสียเปล่า พังแน่นอน เพราะฉะนั้น ผมถือว่างานโมดิฟาย มันคืองานรอง งานดูแลพื้นฐานของรถผมถือว่าเป็นงานหลักมากว่า ผมเจอคำถามจากลูกค้าบ่อยมาก ว่ามันจะพังมั้ย? ซ่อมยากมั้ย? วันนี้เราทำไมไม่มองว่าเราดูแลรถอย่างถูกต้องแล้วหรือยัง? ถ้าเราทำถูกต้องแล้ว รถมันไม่เสียง่าย ๆ หรอก อย่าง GTR ที่บอกว่า ล็อตแรก ๆ มีปัญหาเรื่องเกียร์ อย่างที่ชอบพูดกันว่า 1,000 คันแรก รถมีปัญหา ถามว่าเป็นเรื่องจริงมั้ย? ผมตอบได้เลยนะว่า ไม่เป็นจริงเสมอไป!! ที่ผมตอบแบบนี้ก็เพราะว่า ผมเจอเลขตัวถังคันที่ สามพันบ้าง สี่พันบ้าง เกียร์พังเยอะแยะไป ส่วนรถเลขตัวถังไม่ถึง 1,000 ขับโหดด้วย วิ่งมา 3-4 หมื่นกิโลฯ แล้วไม่พังก็มี ซึ่งที่มีปัญหาเรื่องเกียร์พังในช่วงแรกๆ ก็เป็นเพราะว่าเราดูแลเค้าไม่ครบทุกขั้นตอน
อย่าง GTR R35 ใช่ว่าดีลเลอร์ NiISSAN ในญี่ปุ่นทุกที่จะได้เซอร์วิส อย่างแรกเลยคือต้องเป็น Official โดยได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัทแม่โดยตรง ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่ ข้อมูล อะไหล่ รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ เค้าจะไม่ซัพพอร์ตให้คุณเลย ซึ่งในเมืองไทยเนี่ยไม่มี Official เพราะ NISSAN ไม่เอา GTR มาขายตั้งแต่แรก เท่ากับว่าประเทศไทยไม่มี Official ไปโดยปริยาย แต่ผมโชคดีที่ผมได้ Official จากต่างประเทศมาสนับสนุน ทั้งในแง่ข้อมูล เทคนิค อะไหล่ ซอฟต์แวร์ทุกอย่าง ยกตัวอย่างเจ้า GTR R35 ช่วงแรก ๆ เมื่อครบระยะ บ้านเราจะถ่ายแต่ของเหลวกันเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่เค้าระบุไว้ชัดเจน ที่นอกจากถ่ายของเหลว คือต้องตั้งระยะห่างของคลัตช์ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งการตั้งระยะห่างของคลัตช์ไม่จำเป็นต้องใช้ประแจสักชิ้น เพียงแต่ใช้เครื่องมือเฉพาะของเค้า คือ Consult มาสแกน ปรับระยะ ก็จบ ทุกอย่างเป็นไปตามสเป็กมาตรฐานโรงงานกำหนด
และในวันนี้!! ผมอยู่กับ NISSAN มาโดยตลอด และเมื่อผมมองย้อนกลับไปดูตัวเองเมื่อในอดีต มันก็เป็นเรื่องบังเอิญเหมือนกันนะ เพราะรถคันแรกที่ผมใช้ก็คือ NISSAN รุ่น Sunny Coupe FF จำได้ว่าเอาโมฯไปอัดกันเล่นบนถนน ซึ่งในยุคที่ผมเล่นรถนั้นก็ต้อง “พาเลซ” มันเป็นยุคเริ่มต้นของเครื่องยนต์เทอร์โบ บล็อกฮิต ๆ ของ TOYOTA ก็เป็น เครื่อง 3TG (Twinplug) , NISSAN เป็นเครื่อง FJ 20 จาก Skyline R30 และถ้า MITSUBISHI ก็เป็นเครื่อง Sirius ประมาณนี้ ผมเองก็ใช้เจ้า Sunny Coupe FF เนี่ยแหละ โมฯ เซ็ตเทอร์โบ ไปวิ่งกับเค้า หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนรถเรื่อยมานะ มาเป็น Cefiro A31, 300ZX, Silvia S13 จะเห็นได้ว่ารถที่ผมใช้มาจะเป็นตระกูล NISSAN แทบทั้งสิ้น จะมีแตกไลน์ก็เป็น MAZDA RX-7 (Efini), Porsche 91, MB SL, SLK, 300CE รถเหล่านี้ก็เคยได้สัมผัสมาหมดแล้ว
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายรสชาติ ผมมองว่ารถ NISSAN เค้าออกแบบมาให้เป็น “Every Day Use” ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมายนัก แต่สามารถใช้งานได้ทุกวัน ซึ่งพอเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว มีหลายคนก็ถามผมว่า ทำไมถึงเลือกที่ทำ NISSAN? หลังจากที่ผมได้สัมผัสกับแบรนด์นั้มาตลอดก็ทำให้รู้ว่า สิ่งที่อยากตอบออกไปให้ทุกคนที่ถามก็คือ มันเป็นรถที่ดี ถือว่าเป็น Hi Performance Car ของญี่ปุ่น คุณเคยสังเกตมั้ย? ทำไม NISSAN จึงออกแบบโลโก้ให้เป็นกลม ๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึง “ตราพระอาทิตย์” นั่นก็เปรียบเสมือนรถยนต์แห่งชาติของคนญี่ปุ่น
ความรู้สึกของผมตอนนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ทำในจุดนี้ ตอนแรกที่ทำธุรกิจ ก็ยังไม่รู้สึกอินอะไรมากนัก รู้แค่ว่าเป็นสิ่งที่ชอบ และอยากทำ แต่ตอนนี้ความรูสึกมันเปลี่ยนไปมาก ผมปลื้มใจ และภูมิใจที่ได้ทำ NISSAN ในปีแรกที่ทำการตลาด ผมสามารถทำเป้ายอดขายขึ้นมาเป็นที่ 1 สาขา ปีถัดมาผมก้าวมาเป็นที่ 1 ของกรุงเทพฯ และในปีที่ 3 ผมก็ก้าวมาเป็นดีลเลอร์ที่มียอดขายอันดับ 1 ของประเทศไทย และจนถึงปัจจุบันนี้ ผมก็ยังครองแชมป์ยอดขายต่อสาขามา 4 ปีซ้อน
จากรถมวยรองที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของคู่แข่ง วันนี้ผมพาเค้าขึ้นมาให้คู่แข่งถึงกับต้องจับตามองและคิดใหม่ ผมถือว่ามันเป็นความท้าทายเป็นอย่างมาก และผมก็ก้าวข้ามผ่านมันมาได้ ถือว่ามันเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าของผมเหมือนกันนะ ซึ่งถ้าอ่านมาถึงตรงนี้และใครที่เคยอ่าน Status บน Facebook ของผม จะเห็นได้ว่า ผมได้สื่อไปถึงน้อง ๆ ให้มีความสำนึกอยู่ในตัวเองตลอดเวลา
ผมเคยเห็นน้อง ๆ แอบมาดูผมซ่อมรถที่อู่ ผมถามเค้าว่า “มาทำไร… เด็ก ๆ น้องเหล่านั้นเค้าตอบแบบซื่อ ๆ เลยว่าผมอยากดูครับ มันทำให้เรารู้สึกว่า น้อง ๆ เหล่านั้นกำลังมองว่าเรา เค้าเห็นเราเป็นฮีโร่ เพราะฉะนั้นในเมื่อเค้ากำลังมองในสิ่งที่เราทำอยู่ มันจะเกิดสำนึกของความรับผิดชอบ ในสิ่งที่เราสื่อออกมาให้เค้าได้ดู หลาย ๆ ครั้งที่ผมสื่อออกไปให้ใครได้ดู มันไม่ได้หมายถึงความสวยงามของรถสปอร์ต หรือซูเปอร์คาร์เท่านั้น!! แต่วันนี้สิ่งที่ผมสื่อออกมาให้เห็น มันหมายถึงการที่จะได้มา คุณต้องมีความพยายามมากนะ มันต้องมาจากความตั้งใจของคุณ แล้วคุณจะได้มัน!!
สำหรับตัวผมเองที่มายืนในจุดนี้ บอกได้เลยว่ามันไม่ได้มาจากความเก่ง! ตรงกันข้าม ผมกลับมองว่าตัวผมเองไม่เก่ง!! “ผมจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว” ทำทุกอย่างมากกว่าคนอื่น ๆ และทุกสิ่งที่ผมได้มาในวันนี้ มันเกิดขึ้นจากความตั้งใจของผมทั้งหมด แล้วอีกสิ่งที่อยากบอกให้รู้คือ ของพวกนี้ มันไม่ได้มีขาเดินเข้ามาหาคุณ แต่คุณเองนั่นแหละที่มีขา เดินเข้าไปหามัน คุณอย่าบอกว่า “ชอบ” แล้วก็ท้อ เพราะไม่มีทาง ทั้ง ๆ ที่คุณยังไม่ทันจะได้ลงมือทำเลย คุณต้องตั้งใจ พยายาม ขวนขวาย แล้วคุณก็จะมีเอง…
ในวันนี้ผมคิดว่าตัวเองมาเกินจุดของคำว่าฝันแล้ว วันแรกที่ผมเดินก้าวมาบนธุรกิจเส้นนี้ วันนั้นผมก็จะมีการตั้งความหวังว่าจะไปให้ถึงเท่านั้น เท่านี้ ซึ่งเมื่อผมมองย้อนกลับไปในวันนั้น วันนี้ผมเดินเลยจุดที่ผมดีใจมามากแล้ว และอีกสิ่งที่ผมอยากจะทำต่อไปคือการทำ Shop สมบูรณ์แบบ ทันสมัย และใหญ่ที่สุด สามารถรองรับรถได้วันละหลายสิบคัน พร้อมบริการที่ครบวงจรจากการบำรุงรักษา เซอร์วิส นอกจากด้านพื้นฐานของรถ แล้วก็จะเพิ่มด้าน ตัวถัง สี แอโรพาร์ท รวมไปถึงการตกแต่งและโมดิฟาย คือทุกอย่างจะอยู่ที่นี่ที่เดียว
เหตุผลที่ทำให้ผมมีความคิดที่จะเปิด Shop ก็เป็นเพราะว่า เมื่อเรานึกถึงรถแต่ง เราก็จะนึกถึงแต่ประเทศญี่ปุ่นก่อนเสมอ ไม่เคยมองถึงบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างประเทศเพื่อนบ้านเรา อาทิ สิงคโปร์, มาเลเซีย เลย ซึ่งแรงบันดาลใจนี้มันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนผมไปดู Shop ต่าง ๆ ในสิงคโปร์ มันทำให้ผมมีความรู้สึกว่าเราช้ากว่าพวกเค้าอยู่พอสมควร ทางด้านการแต่งรถ มันจึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผมที่จะทำ Shop แบบนี้ขึ้นมา
มันอาจเป็นเพราะว่า เมื่อก่อนรถประเถทนี้มันน้อย บ้านเราก็จะไม่ได้ทำรถพวกนี้ในบอดี้ รู้จักแต่เครื่อง แล้วก็เอามาวางข้ามสายพันธุ์กันไปมา แต่ในต่างประเทศเค้าไม่ค่อยทำแบบนี้ เล่นกันแต่รถตรงบอดี้ แต่พอมาระยะหลัง ๆ รถ Sport หรือ Super Car มีเข้ามาในบ้านเรามากมาย มันจึงทำให้ผมมีความคิดที่ Shop ในฝันขึ้นมาครับ…
นี่เป็นความรู้สึกในใจของ “ปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์ หรือ พี่แถม TKF Racing” แขกรับเชิญ My Name is… คนที่ 9 เข้ามาถ่ายทอดให้กับคุณผู้อ่านได้รับรู้ว่า ไม่มีอะไรที่มันยาก!! ถ้าเราตั้งใจจะทำมันจริงๆ ไม่ใช่แค่คิดว่าจะ… แต่สุดท้ายแล้วก็ท้อไปเอง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลงมือทำ!! ผมว่าเป็นอีกหนึ่งข้อคิดที่ควรจำให้ขึ้นใจ แล้วนำประยุกต์ใช้กับตัวคุณ ไม่แน่ ในอนาคตรถซีดานอาจสูญพันธุ์ เพราะพวกคุณนั้นได้ขับรถในฝันกันหมดแล้ว… ส่วนตัวผมเองอาจจะเป็นได้มาเป็นแขกรับเชิญในคอลัมน์นี้บ้าง ก็เป็นได้!!
วลีโดนใจ
“ของพวกนี้ มันไม่ได้มีขาเดินเข้ามาหาคุณ แต่คุณเองนั่นแหละที่มีขา เดินเข้าไปหามัน”