My name is “Drag Diesel” 5 Heroes of Thailand

XO No.248
Photo : ธัญญนนท์ แสงภู่
โอกาสดีมีมาไม่บ่อย อยากได้ต้องคว้าไว้  เหมือนกันกับในครั้งนี้  My Name is… ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์หัวแถวระดับแนวหน้าของสายดีเซลบ้านเรา ที่เพิ่งจะกลับมาจากงาน Drag Star From Thailand 2017 @ Terenegganu Drag Battle ณ ประเทศมาเลเซีย ทั้ง 5 ท่าน ก็จะมี หนุ่ย & เป๋อ สุพรรณบุรี, โอ๊ต อู่ช่างขวัญ, เอ้ เรซซิ่งการาจ, จ๊อบ มนตรีดีเซล และ เบส เทอร์โบยำ
การรวมตัวของขุนพลแนวหน้าสายดีเซลครั้งนี้ ทาง ECU=SHOP เป็นผู้ประสานงานให้ รวมทั้งเอื้อเฟื้อพื้นที่การทำงานให้กับทีมงานในวันนั้น ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเคยผ่านตากันมั้ยครับ  สำหรับช็อปใหม่ของทาง ECU=SHOP  ที่ตั้งอยู่ปากทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าเดินทางมาจากถนนบางนา-ตราด เจอป้ายบอกทาง ซ้ายเข้าสนามบิน ให้เลี้ยวเข้ามาเลยครับ  แล้วแลซ้ายมือไว้ครับ  จะเห็นช็อปใหม่ ใหญ่โตสวยงามทันทีครับ
ซึ่งการรวมตัวเฉพาะกิจแบบนี้ เพื่อการทำคอลัมน์นี้โดยเฉพาะ หลายๆ ท่านรู้จักคุ้นเคยในชื่อเสียงและฝีมือของพวกเค้า แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่า จุดเริ่มต้นของแต่ละคน กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ เค้าต้องผ่านอะไรกันมาบ้างครับ…

หนุ่ย & เป๋อ สุพรรณบุรี
อนุวัฒน์ มณีอินทร์
“ผมเริ่มต้นกับรถซิ่ง ตั้งแต่ทำงานอยู่ที่ บริษัท  อีซูซุอึ้งง่วนไต๋สุพรรณ จำกัด  ติดตามดูแลส่วนงานรถแข่งออฟโรดของบริษัท ไม่ใช่ในแบบทางเรียบที่ทุกคนรู้จักผมในตอนนี้  โดยทางบ้านก็ประกอบกิจการอู่ทำสี ไม่ได้ทำเครื่องยนต์  ถ้าจะทำก็ทำรถตัวเอง  ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีคอมมอนเรล จะทำสเวิร์ลแชมเบอร์ (Swirl Chamber) แข่งเล่นอยู่ประสบการณ์จากการทำงานที่อีซูซุเกือบๆ 5 ปี ก็ตัดสินใจกลับมาสานกิจการอู่สีที่บ้านต่อ  เนื่องจากระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานค่อนข้างไกลพอสมควร โดยตั้งใจว่าจะเปิดอู่รถยนต์ทั่วไป  รับซ่อมบำรุง ให้กับคนในละแวกแถวบ้าน ไม่ได้คิดว่าจะกลายมาเป็นเหมือนปัจจุบันนี้ ซึ่งรถแข่งออฟโรดที่เคยทำเมื่อตอนอยู่ที่อีซูซุก็ยังคงทำอยู่ โดยเค้าจะส่งรถมาให้ทำที่บ้านเลย เนื่องจากอุปนิสัยเป็นคนชอบความเร็ว  ความแรง ก็มีโอกาสได้ทำรถเพื่อนไปลงแข่งในสนาม แข่งไปได้สักระยะเริ่มติดอันดับ มีคนรู้จัก แต่ไม่รู้ว่าทำที่ไหน ซึ่งมันก็เป็นช่วงที่เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล กำลังได้รับความนิยม  จากตรงนี้แหละที่เป็นจุดกำเนิด  หนุ่ย & เป๋อ โดยเอาชื่อตัวเองกับชื่อเพื่อน มาตั้งเป็นชื่ออู่
หลังจากนั้น ที่ไหนมีการแข่งขันก็จะไปร่วมอยู่เสมอ หลายๆ คนเริ่มเห็นว่าวิ่งแข่งมีตำแหน่งเสมอ เริ่มมีติดต่อเข้ามา อยากให้ทำรถให้ ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นมาจนถึงทุกวันนี้ก็หกปีแล้วครับ จากผลงานที่ผ่านๆ มา ในวันนี้เริ่มมีลูกค้าไว้วางใจเข้ามาให้ผมทำรถรุ่นใหญ่ๆ ไว้วิ่งเพื่อทำสถิติประเทศไทยแล้วครับ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในรถเฟรม อยากวิ่งให้ได้ 7 วิ.กลางๆ หรือถ้าดีไปเลยก็ 7 ต้นครับผม ส่วนหน้ายาวก็ต้องเร็วกว่ารถเฟรมครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องรอลุ้นผลงานกันที่ปลายปีครับ”
www.facebook.com/NuySuphan

เอ้  เรซซิ่งการราจ
พูลสวัสดิ์ กล่อมบรรจง
“สวัสดีครับผม  เอ้ เรซ  ซิ่งการาจ  จุดเริ่มต้นของผมไม่ได้เริ่มจากรถสี่ล้อ ผมเริ่มที่มอเตอร์ไซค์ ที่รู้จักกันดีว่า “เด็กแว้น” ตามประสาวัยรุ่นไทยคนนึงที่ชอบความเร็ว รถเก๋งก็ชอบนะ แต่ติดที่ปัจจัยหลัก ก็เลยเล่นแต่มอเตอร์ไซค์ จนขยับเข้ามาเป็นรถสนาม  ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ในทีม OMEGA แล้วก็มีร้านทำมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองครับ
ทำงานเก็บเงินสักพัก ก็พอจะมีทุนซื้อรถยนต์มาคันนึง เป็น Toyota Corolla KE36 เป็นรถแวน เครื่องยนต์ 4K ก็ไล่เปลี่ยนตามสเต็ปวัยรุ่นเลย มาเป็น 4A-GE ขยับมาเป็น CA18 DET ไปเล่น โรตารี่ 13B REW อยู่พักนึง แล้วก็กลับมาที่ CA18DET อีกครั้ง หลังจากนั้นก็ขยับมาเล่น Cefiro A31  เครื่อง RB20DET จากตรงนี้แหละที่ได้เริ่มเอารถไปลองวิ่งตามสนามแข่ง จากรุ่นแบร็กเก็ตสูงๆ ไล่ลงมาเรื่อยๆ อาชีพร้านมอเตอร์ไซค์ก็ยังคงทำอยู่ แต่เปลี่ยนงานอดิเรกมาเล่นรถแดร็กในสนามแทน ก็หาข้อมูลศึกษาวิธีการทำรถไล่สเต็ปมาเรื่อยๆ จนมาจบที่เครื่อง RB25DET วิ่งอยู่ 9.8 วินาที ก็คิดว่ามาสุดทางแล้วสำหรับตัวผมเอง  เพราะผมเริ่มมีครอบครัวด้วย จะเอาเงินมาใช้กับของเล่นอย่างเดียวก็คงไม่ได้แล้ว ก็เลยหยุดเล่นทุกอย่าง รวมถึงร้านมอเตอร์ไซค์ด้วย  แล้วกลับไปช่วยดูแลกิจการของที่บ้านแทนครับ ประมาณ 2-3 ปี  แต่ในช่วงที่ห่างหายไปก็มีโอกาสมาขับกระบะดีเซลให้กับอู่ที่เค้าทำรถไปลงสนามบ้าง

ประกอบกับมันเป็นช่วงกระบะดีเซล คอมมอนเรล เริ่มมีคนให้ความสนใจ  แต่ยังไม่ถึงกับบูมมากนัก ผมก็ไปซื้อ ISUZU มาใช้งานคันนึง  แต่งไว้ขับเล่นด้วยตามยุคตามสมัยในตอนนั้น  ก็เผอิญมีงานแข่ง ผมก็เอารถไปลองแข่งดู สรุปว่าได้อันดับ 1 ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เพราะรถไม่มีอะไรเลย แค่กล่องใบเดียวจริงๆ ก็เลยลองเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเครื่องยนต์คอมมอนเรล แต่ก็ไม่ได้มีอู่เหมือนอย่างตอนนี้ ตอนนั้นอยากโมดิฟายอะไร ก็ไปให้อู่เค้าจัดการให้ ทำไปทำมา สรุปว่า พัง ทีนี้ก็เริ่มไม่สนุกแล้ว  จึงตัดสินใจขายรถคันนั้นไป คิดว่าไม่น่าจะใช่ทางของเรา แต่เผอิญว่า อิสระ (น้องชาย) อยากทำรถกระบะไว้ลงแข่ง ก็ไปจัดแจงซื้อรถมาเป็นที่เรียบร้อย ผมเองก็เลยคิดว่ารถคันนี้คงต้องลงมือทำเองแล้วล่ะ ก็เลยเป็นที่มาของอู่ เอ้ เรซซิ่งการาจ มาจนถึงวันนี้ครับ พอได้ลงมือทำเอง จากที่เคยอยู่ชินกับการทำเครื่องยนต์เบนซิน พอมาจับเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล มันคนละเรื่องเลย  เหมือนเริ่มต้นใหม่หมดครับ  ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเตรียมตัวสำหรับรถหน้ายาว เพื่อลงวิ่งในงาน Souped Up ปลายปีนี้ครับ เค้าวิ่งกัน 7 วินาทีได้ ผมก็ต้องวิ่งได้เหมือนกับเค้าครับ”
www.facebook.com/aeracinggarage/

โอ๊ต อู่ช่างขวัญ
ฐาปกรณ์ เข็มกลัด
“จะบอกว่าเริ่มต้นกับรถซิ่งตอนไหน ก็คงต้องบอกว่าผมเริ่มต้นชีวิตกับรถมาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านผมเป็นอู่ครับ  คุณพ่อผมประกอบอาชีพช่างซ่อมรถยนต์ครับ ผมก็เลยโตมากับรถ พอเริ่มมีรถของตัวเอง  ผมก็เอาความคุ้นเคยจากการที่โตมากับอู่ซ่อมรถ มาใช้ปรับแต่งรถผมเอง โดยจุดเริ่มต้นก็เริ่มต้นเล่นปั๊มสายก่อนเลย ทำปั๊ม เปลี่ยนเทอร์โบ  ก็เหมือนทั่วๆ ไปที่ทำกันครับ เป็นช่วงจังหวะที่สนามคลอง 5 เสร็จสมบูรณ์พอดี  นับว่าโชคดีที่อยู่ใกล้บ้าน  ผมก็เลยมีโอกาสนำรถไปลองวิ่งที่สนามทุกวันศุกร์ครับ เพราะเป็นวันซ้อม เพื่อเก็บข้อมูลไว้ทำรถครับ
จนเข้าสู่ยุคเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ผมก็เริ่มเล่น มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งเป็นรถของผมเอง เอามาทำแข่ง บอกเลยว่าเป็นรถที่ทำยาก ณ ตอนนั้น ไม่ค่อยมีใครเอามาเล่นกัน  ต้องคอยมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายเรื่อง เช่น น้ำดัน แรงดันตก บ้าง ผมก็พยายามพัฒนารถคันนี้อยู่ประมาณ 2 ปี ทำจนมันเร็วได้  เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ผมทำวิ่ง 11.0 วินาที ก็นับว่าเร็วสุดในรุ่นตอนนั้นแล้ว หลังจากนั้นชื่อเสียงผมก็เริ่มมีคนรู้จัก เริ่มมีลูกค้าเอารถ ISUZU มาให้ทำ เพื่อนำไปสำหรับแข่งขันในสนาม เวลาตอนนั้นโดยเฉลี่ยวิ่งกันอยู่ 13 วินาทีต้นๆ แต่ผมทำรถคันนี้วิ่งอยู่ 12.8 วินาที ก็เริ่มที่จะมีคนรู้จักผมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีลูกค้าเอารถมาให้ทำเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จนถึงวันนี้ก็ขยับมาเป็นทำรถรุ่นใหญ่ขึ้น ก็ที่เห็นกันชัดเจนเป็นรถเฟรมที่ลงจัดอันดับในรุ่น Super Max Diesel ทำเวลาได้ดีที่สุดอยู่ที่ 7.5 วินาที ในอนาคตผมอยากทำเวลาให้ดีกว่านี้ครับ ตั้งตัวเลขไว้ที่ 7 วินาทีต้นๆ ถ้าเป็นไปตามที่คำนวณไว้ ผมต้องไปถึงอย่างที่ตั้งใจไว้ครับ”
www.facebook.com/โอ๊ต ฐาปกรณ์

เบส เทอร์โบยำ
ธนพล ชูเจริญผล
“ผมลืมตามาก็รู้จักรถเลย เพราะคุณพ่อผมประกอบอาชีพอู่รถยนต์  รับติดตั้งเฮดเดอร์เทอร์โบ  แล้วคุณพ่อผมก็ทำรถลงแข่งขันเซอร์กิตด้วย ยุคนั้นก็จะเป็นพวกกลุ่มรถกระบะปั๊มสาย ผมก็ได้คลุกคลีรถแข่งมาตั้งแต่เด็กๆ  จำได้ว่า 10 ขวบก็มีโอกาสได้ขับรถแล้ว ผมเริ่มต้นการแข่งขันในรูปแบบเซอร์กิต ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ก็ทำการแข่งขันมาตลอด จนได้แชมป์ในรุ่นเกรด C  จนในวันนึงได้มีโอกาสขยับไปขับสายแดร็กด้วย  
จนยุคสมัยเปลี่ยน เครื่องยนต์ถูกพัฒนามาเป็นคอมมอนเรล แทนสเวิร์ลแชมเบอร์ ซึ่งมันเริ่มมีระบบอิเล็กทรอนิกส์มาควบคุมที่ตัวรถมากขึ้น ซึ่งทาง ECU=SHOP เค้าก็หยิบยื่นโอกาสที่ดีให้กับผม  มาสนับสนุนผมให้เป็นนักแข่งของทาง ECU=SHOP ซึ่งผมก็ทำรถของผมไปแข่ง ส่วนทางช่างเบิร์ด หลัก 5 ตอนนั้นเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมาก เค้าก็ชักชวนผมให้ลองมาขับรถของเค้าดู  ปรากฏว่าผมขับแล้วทำเวลาออกมาดีทุกคัน ก็เลยมาเป็นคนขับรถให้กับช่างเบิร์ดด้วย แล้วก็รถแข่งที่บ้านด้วย สลับกันไป รุ่นใครรุ่นมัน  รวมถึงรถแข่งที่ทาง ECU=SHOP สนับสนุน ผมก็สามารถขับให้ได้ทุกคันครับ
ณ ปัจจุบัน ผมก็เปิดอู่เป็นของตัวเอง โดยรับติดตั้งกล่อง ECU แล้วก็ประกอบอาชีพการเกษตร เพราะผมมองว่าคนเราก็ต้องโตขึ้นทุกวัน แก่ไปคงไม่มีเวลาไปขับรถได้เหมือนตอนเป็นหนุ่มๆ ตอนนี้ยังไหวอยู่ก็พยายามทำผลงานให้ดีที่สุด โดยถ้าเห็นรถช่างเบิร์ดวิ่งที่ไหน ก็จะเห็นผมนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเสมอ ซึ่งโปรเจกต์ในอนาคตของช่างเบิร์ด อยากวิ่งรถเฟรมให้ต่ำกว่า 7.4 วินาทีครับ”
www.facebook.com/Best Turboyum Thanaphon Chucharoenpon

จ๊อบ มนตรีดีเซล
พิจารณ์ วงศ์สมบูรณ์
“ผมเริ่มซึมซับความซิ่งมาจากสาย 2 ล้อ ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ขี่แข่งในสนามนครชัยศรีอยู่ราวๆ 4 ปี ก็ประสบอุบัติเหตุหนัก คุณพ่อบอกให้เลิก แต่ด้วยความที่ผมเป็นวัยรุ่นอายุเพิ่ง 16 เอง ก็รั้น ยังมีแอบๆ ไปขี่อยู่บ้าง คุณพ่อก็จับได้ว่าผมยังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ ท่านเลยตัดสินใจในเมื่อห้ามไม่อยู่ ก็เปลี่ยนมาเป็นพาหนะที่มีความปลอดภัยมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ ก็เลยเป็นการก้าวจากสองล้อ ขึ้นมาเป็นรถกระบะแทน  
การก้าวเข้าสู่วงการกระบะดีเซลในตอนนั้น ก็เป็นช่วงที่ “ปั๊มสาย”  สเวิร์ลแชมเบอร์ กำลังเป็นที่นิยม นับเป็นก้าวแรกที่เดินเข้าสู่วงการแดร็กดีเซล โดยเริ่มต้นความแรงจาก บัญชายนต์ แล้วก็ลงแข่ง ณ สนามแข่งเฉพาะกิจ สนามบินราชบุรี  ผมเป็นคนขับ โดยมี แจ็ค (พี่ชาย) เป็นคนดูแล  ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่แข่งขันในสนามก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จักด้วยตำแหน่งแชมป์มาโดยตลอด  จนเดินทางเข้าสู่ในยุคคอมเมอนเรล  พี่เดช (บางแค) เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับ “น้าค่อม มนตรีดีเซล” ทำรถกันไปมาหาสู่จนสนิทกันเป็นครอบครัวเดียวกัน จนในวันนึง “น้าค่อม” (พ่อตาผม) บอกให้ผมกับพี่ชายไปเปิดอู่ จนมาเป็นอู่ จ๊อบ มนตรีดีเซล ในปัจจุบันนี้ครับ ส่วนอนาคตก็คงต้องพัฒนารถให้เร็วกว่านี้ อยากเห็นเลข 7.3 วินาทีในรถเฟรม แล้วก็มีหน้ายาวอีกคัน ซึ่งตอนนี้อะไหล่มาครบหมดแล้ว ไว้รอดูกันปลายปีครับ”
www.facebook.com/job.montri