My Name is… AEK GARAGE

XO AUTOSPORT No.242
STORY : T.Aviruth  (^_^!)
PHOTO : ธัญญนนท์ แสงภู่
รู้สึกเป็นเกียรติมาก ตั้งแต่กำเนิดคอลัมน์ My Nme is… ขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2012 จวบจนมาถึงปลายปี 2016 แล้ว ระยะเวลา 4 ปีเต็มๆ กับบุคคลทั้งในและนอกวงการ กว่า 40 ท่าน ที่มาแชร์สตอรี่รวมถึงประสบการณ์ของตัวเอง มาให้พวกเรารู้จักกันในอีกแง่มุมนึงของชีวิต ที่บางครั้งเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่า ในอีกมุมนึงเค้าทำอะไร(บ้าง) และในวาระครบรอบ 20 ปี ในเล่มนี้ บอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมออกสื่อ เป็นคนเบื้องหลังความสำเร็จของรถสวยๆ และ รถแรง ที่เราเห็นและคุ้นตา ส่วนใหญ่เราจะเห็นแค่สติกเกอร์บนรถที่บอกตัวตนว่า “AEK GARAGE” แต่ในครั้งนี้แหละ เราจะได้รู้จักสตอรี่ของผู้ชายที่ชื่อ เอกณรงค์ อัมพุชนานนท์ หรือ พี่เอก (เอก การาจ) กันแบบลึกซึ้งเลยเชียวล่ะ…

ผมกับพี่เอก โดยส่วนตัวรู้จักกันมาจากหน้าที่การงาน จนมีอยู่วันนึงผมไปเดินสวนจตุจักร  เจอพี่เอกมาเดินเล่น เลือกซื้อเสื้อผ้า ของสะสม ก็ยังคิดอยู่ในใจว่าพี่เค้าทำเกี่ยวกับสายรถซิ่งก็จริง แถมยังมีโมเมนต์เล่นของพวกนี้ด้วย ของพวกนี้ที่ว่าก็จะเป็นพวกวินเทจ อาทิ  เสื้อผ้า รองเท้า  กระเป๋า นู่น นี่ นั่น เต็มไปหมด  ก็รู้สึกว่า  ถ้านอกเหนือจากเรื่องรถซิ่ง  เรื่องของสะสมน่าจะคุยกับพี่เค้าได้อย่างเมามันส์แน่นอน นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดที่แวบขึ้นมาในตอนนั้น
จนวันนึงผมได้ประชุมในเรื่องคอนเทนต์เล่มที่คุณกำลังถืออ่านอยู่นี่แหละ…พอมาถึงคอลัมน์นี้ ก็มาสรุปว่าแขกรับเชิญในเล่มนี้จะเป็นใครกัน หลังจากซาวเสียงในที่ประชุม คำตอบที่เหมาะสมที่สุด มาหยุดที่ชื่อ “AEK GARAGE” แน่ล่ะว่า จะยังไงต่อไปดี ด้วยเหตุผลที่ว่า  เราแทบจะไม่เห็นพี่เอกให้สัมภาษณ์บทความอะไรเลย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการมา แล้วพี่เค้าจะให้สัมภาษณ์ลงคอลัมน์เหรอ? ก็มัวแต่คิดไปเองต่างๆ นานา  โดยยังไม่เคยโทรไปลองคุยกับพี่เอกดูสักครั้ง งานนี้ไม่ลองไม่รู้  ก็เลยยกหูหาพี่เอก บอกถึงความประสงค์ในการทำคอลัมน์ในครั้งนี้ เสียงปลายสายที่ตอบกลับมากระทบแก้วหูชั้นใน มันแปลคลื่นเสียงออกมาว่า “จะดีเหรอ? แต่ถ้าอยากสัมภาษณ์ พี่ก็ยินดีนะ แต่นัดพี่ล่วงหน้าก่อนก็ดีนะ งานเพียบเลยครับ”

“ความภูมิใจของการสะสม มันอยู่ที่เรื่องราวของของชิ้นนั้นๆ ได้มาอย่างไร จากใคร
มันมีเรื่องเล่าในตัวมันเอง  มันเป็นความทรงจำที่ทำให้เรานึกถึงกี่ครั้งก็ยิ้มได้เสมอ”

ตัดภาพเหตุการณ์มาวันที่นัดหมายเลยนะ…แน่ล่ะ ว่าจะสัมภาษณ์ให้เห็นถึงตัวตนและ ชีวิตที่เป็นอยู่ ก็เลยต้องมาลงสถานที่จริง นั่นก็คือที่อู่ AEK GARAGE ถ้าใครเคยมา คงจำบรรยากาศได้  แต่สำหรับท่านที่ไม่เคยมา  อู่จะอยู่ย่านซอยอินทามระ  อยู่ช่วงกลางๆ จากแยกสะพานควาย มุ่งหน้าออกฝั่งถนนวิภาวดี  ขับช้าๆ สังเกตดีๆ หาไม่ยาก ถ้าคุณเข้ามาจากฝั่งสะพานควาย อู่จะอยู่ทางขวามือครับ เมื่อเลี้ยวรถเข้าไปที่อู่ คุณจะพบความหนาแน่นของรถที่จอดอยู่เต็มอู่ ส่วนใหญ่ถ้าเดินตรงเข้าไปในบริเวณด้านใน ก็จะเป็นพื้นที่การทำงาน  แน่ล่ะ คุณจะเห็นรถเฟรมตัวหัวๆ จอดเรียงรายอยู่หลายลำ  ทุกครั้งผมก็ต้องเข้าไปทำงาน ณ ที่ตรงนั้น  แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่!!  ถ้าหันหน้าเข้าอู่ ทางขวามือ  ห้องกระจกใหญ่ด้านริมจะมีกำแพงที่พ่น Graffiti ชื่ออู่ไว้  วันนี้ผมจะเข้าไปทำงานในห้องนี้ ก่อนจะผลักประตูเข้าสู่ด้านใน  คุณก็จะสัมผัสถึง “คนเล่นของ” ตัวจริงอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน  เพราะของที่ผมเห็น คือ BEARBRICK ขนาด 1000% ถูกจัด Display อยู่ในตู้  ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ตัวเดียวน่ะสิ  ถ้าคนรู้จักเจ้าหมีพวกนี้ คงจะรู้พิษสงของค่าตัวมันดี  ยิ่งถ้าเป็นตัวที่ดีไซเนอร์ดังๆ หรือว่าทำร่วมกับแบรนด์เจ๋ง รับรองว่าค่าตัวของมัน อยู่บนฟ้า แน่นอนครับ

นั่นยังแค่หน้าประตู พอเปิดประตูเข้าไปก็ตาแตกเข้าไปอีก นอกจากเจ้าฝูงหมีที่ว่าแล้ว ในตู้โชว์ด้านในยังเต็มไปด้วยตุ๊กตา Buddy Lee อีกมากมาย  เป็นของสะสมที่คนชอบพวกของวินเทจหามาสะสมกัน ลองไป Search ดูครับ Buddy Lee เป็นตุ๊กตาใส่เสื้อผ้าแนว Western ของ LEE Jean  มีขนาดตัวไม่ใหญ่  แต่ค่าตัวของมันใหญ่เกินตัวซะเหลือเกิน  คนชอบสะสม ผมบอกได้เลยว่า “คลั่ง” แน่นอน ถ้าได้มาที่นี่  ที่เล่ามานี่ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้บอกนะ  เพราะถ้าบอกหมดทุกชิ้น มันจะเป็นคอลัมน์ Rare Item แทน My Name is… แล้วล่ะ  จากการที่กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วนั่งคุยกับพี่เอกอยู่สักพัก  ผมก็เริ่มเรคคอร์ดเครื่องบันทึกเสียง ถึงสิ่งที่พี่เอกเล่าต่อไปนี้ครับ “ผมเริ่มเล่นตอนประมาณอายุ 17-18 ปี มันเกิดจากความชอบมองรถสวยๆ บนถนน  ผมว่ามันก็คงคล้ายๆ กับเด็กวัยรุ่นทั่วไป ที่เจอรถสวยก็ต้องมอง เพราะหลงในเสน่ห์ ผมเองก็เป็นเช่นนั้น  ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนช่างก่อสร้างดุสิต ซึ่งก็มีความเกี่ยวพันในอนาคตต่อยอดธุรกิจทางบ้าน เพราะที่บ้านค้าขายวัสดุก่อสร้าง ก็ชีวิตวัยรุ่นเด็ก ปวช. เริ่มอยากจะมีรถสวยขับแบบเค้าบ้าง ซึ่งพวกรถที่เห็นแล้วชอบก็จะเป็นในกลุ่มรถสปอร์ต หรือไม่ก็รถขับหลัง เพราะในยุคนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังเป็นส่วนใหญ่  ผมก็มองว่ามีตังค์แค่ไหนก็ซื้อเอาแค่นั้นก่อน แล้วเรื่องของการขยับขยายในอนาคตค่อยมาว่ากัน  ซึ่งรถคันแรกที่ผมซื้อก็เป็น Toyota Corona TT 141 (หน้าแหลม) ก็เริ่มแต่งรถคันนี้กับกลุ่มเพื่อนๆ ที่เล่นรถ  ในยุคนั้นเดินหาของตามเซียงกงปทุมวัน ซื้อโช้คมือสอง เปลี่ยนแม็ก โหลดเตี้ย แต่งรอบนอกให้มันสวยก่อน  คราวนี้ก็มาเล่นที่รายละเอียด ในรูปแบบที่เหมือนกับตัวนอกบ้าง เพราะต้องการให้มันดูใหม่และ ทันสมัย เล่นไปสักพักก็เริ่มเปลี่ยนเครื่องยนต์  ซึ่งมันต่างกับสมัยนี้ ที่ชอบแต่งเครื่องก่อน แล้วค่อยไปเล่นภายนอกต่อ มันจะสับกันอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเรียนจบในระดับ ปวส. อนุปริญญา ก็เริ่มกลับมาช่วยธุรกิจทางบ้าน เริ่มซนไม่เรียนต่อ เที่ยวกระจุย สรุปประสบอุบัติเหตุ “หลับใน” รถชนยับเลย  ซึ่งนั่นก็หมายถึงกิจกรรมรถซิ่งต้องหยุดทันที เพราะครอบครัวเป็นห่วง พักจากตรงนั้นไปเป็นระยะเวลา 3 ปี  ก็มาเริ่มต้นที่รถคันใหม่กับเจ้า Nissan Cefiro (A31) ทำงานของที่บ้าน พอเลิกงานในช่วงเย็นก็มารื้อรถเอง แต่งนู่นนี่ไปเรื่อยๆ เริ่มซื้อรถเพิ่มขึ้น ทั้งรถเก่า รถใหม่ เจอถูกใจซื้อหมด  ซื้อเพื่อที่จะทำเล่นให้มันสวย!! อยากให้มันเป็นสตอรี่ของตัวเองในการปั้นรถแต่ละคัน จนคุณพ่อเอ่ยถามว่า  เห็นทำรถคนเดียวแบบนี้  ไปเอาช่างมาอยู่ช่วยงานมั้ย ตรงจุดนี้แหละ ก็เลยมองว่าในเมื่อมีที่ทางเป็นสัดส่วนอยู่แล้ว  ก็เริ่มเอารถมาทำเป็นกิจจะลักษณะ จากในช่วงแรกเรียกช่างมาเหมางาน  แต่ก็ได้ผลงานออกมาไม่ถูกใจ  ความเนียน ความสดใส มันยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ  ก็เลยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ้างช่างมาแบบรายเดือน  ก็เริ่มมีผลงานรถตัวเองออกไปให้คนได้เห็น  จนเริ่มมีลูกค้าสนใจเริ่มอยากเอารถเข้ามาให้ผมทำ  ก็ทำอยู่ในลักษณะนี้อยู่ 2 ปี เริ่มมีลูกค้าเข้ามาหามากขึ้น โดยรถที่แจ้งเกิดในยุคนั้นคือ Nissan 200SX เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตรถซิ่งแบบจริงจัง  รถคันนี้เป็นรถที่มีการอัพเดตเทรนด์การแต่งซิ่งตลอดเวลา  ของแต่งใหม่อะไรออก จะเห็นได้ในรถคันนี้ จนกลายเป็นที่รู้จักกันโดยทั่ว 200SX  AEK GARAGE

“ของทุกอย่างที่ผมสะสม มีใครมาขอแบ่ง ถ้าเคมีเค้าตรงกันกับผม ผมก็แบ่งให้นะ
มันเป็นความภูมิใจทั้งคนให้และคนรับ ที่ชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน
แล้วมันก็จะเกิดเป็นสตอรี่ต่อๆ ไป  ว่าของชิ้นนี้ได้รับต่อจากใครมา”

เสน่ห์ของการทำรถ 200SX คันนี้ที่ออกมาโดนใจ มันเกิดจากชุดบอดี้พาร์ทภายนอกที่ออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างชัดเจน โดยเริ่มจากพาร์ทที่เป็นของแท้ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเข้ารูปและลงตัว พอมาถึงขั้นตอนการสร้างรถ โดยการปั้นบอดี้พาร์ท ในช่วงแรกก็ใช้ชิ้นงานจากไฟเบอร์มาทดลอง  ผมว่ามันเวิร์ก  มันมีการพอง  และมีปัญหาบ่อย มีความหนาเกิดขึ้น ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนวัสดุเคาะเป็นเหล็กขึ้นรูปทั้งคัน ยกเว้นกันชน การใช้เหล็กขึ้นรูปนี่แหละที่ทำให้รถออกมาบาง เนี้ยบ เข้ารูป กลมกลืน เสมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของบอดี้รถ
จากตรงนี้แหละที่ลูกค้าเริ่มเข้ามาหา  แล้วเค้ามีความรู้สึกว่าที่นี่มีของเยอะ หาของที่นี่ง่าย เริ่มมีหลายๆ คนเอารถมาให้ที่นี่ทำ  เพราะทุกอย่างที่ได้กลับออกไปเปรียบเสมือนรถใหม่ทั้งคัน หลังจากนั้นก็เข้ามาสู่การทำเครื่องยนต์  เพราะเมื่อภายนอกสามารถทำออกมาได้ตามใจที่ต้องการ คราวนี้ความสวยจะมาคู่กับความแรงแล้ว พอเริ่มทำเครื่องยนต์ก็มีความคิดที่จะไปลงแข่งในสนามแดร็ก ก็ได้ไปลองวิ่งที่สนาม ก็ได้มาเริ่มรู้จักกับ “เฮียบ้วย” ปรีดา สุวรรณชัยศักดิ์  อยู่ด้วยกันจนกลายเป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกันมาก โดยทักษะที่ดีของการขับรถ ก็เลยมอบหน้าที่ของการขับรถแข่งให้กับเฮียบ้วย ส่วนผมเป็นคนชอบทำรถให้สวยอยู่ตลอดเวลา  ผมว่าหน้าที่การสร้างรถแข่ง เป็นอะไรที่เหมาะสมกับผมที่สุดแล้วนะ
พอเริ่มจริงจังกับเครื่องยนต์และความแรง มันก็ต้องมีการวางแผนในการนำรถไปเพื่อการแข่งขัน  อาทิ รถแข่งในรุ่นอะไร  กฎกติกาเค้าระบุไว้อย่างไร ก็วางแผนทำรถให้ตรงกับกติกาการแข่งขันของปีนั้นๆ  ซึ่งในแต่ละปีมันก็ต้องมีปรับเปลี่ยนกฎกติกาให้เข้ากับยุคสมัย  ส่วนการโมดิฟายรถและเครื่องยนต์ ก็จะอัพตามของในโลกที่มันมีดีขึ้นเรื่อยๆ  เลือกใช้อะไรที่มันดีที่สุด  เหมาะสมกับรถแข่งคันนั้นๆ
จนเข้ามสู่ยุคของรถเฟรม ผมมีความฝันในการทำรถเฟรมมานานมากแล้ว ศึกษาจากหลายๆ ที่ว่าจะจบลงแบบไหนถึงจะออกมาดีที่สุด แต่ด้วยการที่ได้รู้จักกับ “อ๋อ 77” มานาน ก็เห็นว่าเค้าเริ่มทำรถเฟรมได้ ก็เลยเริ่มมาลองทำทีละคัน โดยมีความคิดว่าอยากได้บอดี้รถรุ่นใหม่ๆ มาทำเป็นรถเฟรม ก็เลยสร้างขึ้นมา พอดีมีบอดี้ FT86 อยู่แล้ว ก็เลยสร้างเป็นรถเฟรมขึ้นมา ซึ่งมันก็สนุกตรงที่ว่า ผมได้แต่งรถ คืออยากได้มิติขนาดนี้  เพื่อใส่ล้อเท่านี้ แล้วใส่เครื่องยนต์แบบนี้ มันก็เลยออกมาเป็นรถแข่งอย่างที่เห็นครับ  มันเป็นความภูมิใจที่ได้ทำขึ้นมา

“ถ้ามีคำว่า “โกง” เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต
บอกเลย ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน”

นอกเหนือจากการทำรถ อีกมุมนึงในความสุขคือการได้หาซื้อของเล่น ของสะสม  ผมเล่นเกือบทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กๆ พวกเสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า หุ่นยนต์ ทุกอย่างที่เล่นกัน  ถ้าคิดว่าเอื้อมถึง  ก็จะหามาเล่น เพราะผมชอบ มันเติมเต็มชีวิตดี  แต่สุดท้ายมันจบอยู่ที่ว่า เราพอใจกับตรงไหนของมัน ไม่ใช่ดิ้นรนเพื่อที่จะได้มา แต่มันไม่มีความสุข แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ
ณ ตอนนี้ การเล่นรถซิ่งมันต่างกับเมื่อ 20 ปีที่ผมเริ่มเล่นเป็นอย่างมาก มุมมองผม ยุคนี้เล่นกันหนักมาก ใช้เงินเป็นตัวตัดสิน คำว่า “พรรคพวก” น้อยลงไป  ความเห็นแก่ตัวมากขึ้น  การแข่งขันสูงมากขึ้น  เข้าใจว่าทุกคนต้องดิ้นรน แต่ถ้าเรารู้จักคำว่า “ให้” กับ “พอใจ”  เราก็คงยังเป็นพวกกันอยู่  แต่ถ้าเมื่อไหร่ มันบีบคั้นมากเกินไป  มันก็ต้องถอยออกมา เป็นเรื่องปกติของทุกคน และทุกธุรกิจ  ทุกอย่างมันก็ทำให้ดูถดถอยลงมาเรื่อยๆ
อนาคตบอกตรงๆ ว่า ตอนนี้ทำรถน้อยลงนะ  แต่จะคอยช่วยเหลือทุกๆ คนที่ทำรถ ใครอยากทำอะไร ผมก็จะให้คำปรึกษาแนะนำจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมา  ส่วนตัวผมเองก็อยากจะจ้างคนสร้างรถเหมือนกันนะ เพราะผมเคยผ่านในจุดนั้นมาแล้ว ผมอยากหาคนที่ทำได้แล้วถูกใจผมบ้าง คือทุกวันนี้มีคนเอารถมาให้ทำอยู่เรื่อยๆ นะ อาจจะด้วยภาวะทุกคนที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น  เวลาที่จะมานั่งทำรถ มันคงไม่มีเหลือเฟือเหมือนแต่ก่อน มันก็จะสะท้อนกลับไปให้เห็น สิ่งนึงที่เกิดขึ้น คือ ความไว้ใจในชื่อของ AEK GARAGE ครับ”

ก็คงได้รู้จัก “คนเล่นของ” ในวงการรถซิ่งเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วนะครับ หลังจากที่ผมปิดเครื่องบันทึกเสียง ผมได้คุยกับพี่เอกนอกรอบ  ถึงแพลนอนาคตที่คิดไว้ แต่ยังไม่อยากกำหนดช่วงเวลา แต่เดี๋ยวถ้าเริ่มเมื่อไหร่ จะมาอัพเดตให้ฟังครับ…

เอกณรงค์  อัมพุชนานนท์

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome