New ALTIS ESPORT : ฟิลลิ่งที่เปลี่ยนไปจาก “แท็กซี่”

 

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด)

นับว่ายังดีที่ TOYOTA ยังเห็นความสำคัญของ XO AUTOSPORT ที่เป็นสื่อเกี่ยวกับ “สายซิ่ง” ชั้นนำของเมืองไทย เชื้อเชิญให้เราไปร่วมทดสอบ New COROLLA ALTIS ที่ยังเป็น Generation ที่ 11 งวดนี้มา “มาดใหม่” ปรับปรุงแต่งหน้าทาปากให้สวยสดงดงามกว่าเดิม สำหรับเรื่องสเป็ก ราคา สี อุปกรณ์ติดรถต่างๆ เปิดไปอ่านในเว็บไซต์ของ TOYOTA ได้เลย (เดี๋ยวจะมีลิงค์แนบให้ตอนท้าย) เพราะไม่จำเป็นต้องมาเล่าสเป็กซ้ำ มัน “เปลืองกระดาษ” เอาเป็น Pure Drive feeling เป็นสิ่งที่เราอยากนำเสนอมากกว่า เพราะมันมาจาก “ความรู้สึกที่ได้จากการขับจริง” ในครั้งนี้ มีรถทดสอบตั้งแต่ 1.8 V Navi ตัวท๊อป ที่เน้นใช้งานแบบบ้านๆ แต่มีตัวเด็ด !!! เราโฟกัสไปที่รุ่น ESPORT (เอสสปอร์ต) เราได้ทดสอบตัว ESPORT OPTION ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งเน้นความสวยงามและสมรรถนะแบบสปอร์ตอย่างชัดเจน แถมราคาก็ “ฟังได้” เทียบกับชุดแต่งที่มีมาให้จากโรงงานแบบครบถ้วน จนแทบไม่ต้องไปเสียตังค์เพิ่มที่ไหนอีก จะดีขนาดไหน จะทิ้งความเป็น “ขวัญใจแท็กซี่” ได้หรือไม่ และคุ้มราคาที่เสียไปจริงหรือเปล่า ไม่เอา “ยาหอม” ว่ากันแบบไม่มี “ราคาอวย” กันดีกว่า…

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome

 

สวยขึ้น เด่นด้วยล้อ 17 จากโรงงาน

ตอนที่ ESPORT โฉมก่อนออกมา เราก็ได้ไปขับทดสอบครั้งหนึ่งแล้วบนเขาบนดอย นับว่าได้ความประทับใจระดับค่อนข้างดี เอาเรื่องรูปโฉมภายนอก ส่วนตัวว่า “ผ่าน” เป็นชุดพาร์ทที่ดูแล้ว “กลมกลืน” ไม่หวือหวามาก แต่มาแนวเรียบหรู ดูภูมิฐานมากขึ้น เข้ากับลุคที่โฉบเฉี่ยว ยอมรับว่ารุ่นนี้พัฒนาขึ้นมา และทำได้ดีกว่ารุ่นที่แล้วๆ เยอะ ดูดีมีราคามากขึ้น หน้าตาก็ถูกดีไซน์ใหม่เกือบหมด (ในทรงเดิม) ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว ด้านท้ายจะเด่นกว่าด้านหน้าตามความคิดส่วนตัว ไฟท้ายเป็นแบบโคมแดง-ขาว ตัดกันดี โดยเฉพาะถ้าเป็นรถสีเข้มจะยิ่งตัดกันมาก กันชนหลังออกแบบให้เป็นทรง (คล้ายๆ) Diffuser รีดลมในแบบรถแข่ง ทำให้ดูมี Detail มากขึ้น จุดเด่นอีกประการที่ขาดไม่ได้ คือ ให้ล้อลายสปอร์ต 5 ก้านคู่ รูปตัว V ซึ่งตัวที่แล้วเป็นล้อลาย 7 ก้าน รูปตัว V เช่นกัน ซึ่งมองแล้วก็ไม่ต้องดิ้นรนไปเปลี่ยนใหม่ก็ได้ แต่ถ้าสายซิ่งจะเปลี่ยนก็จัดไป ทรงรถแบบนี้เข้ากับล้อได้หลากหลาย ส่วนยางก็เป็น MICHELIN PILOT SPORT 3 ขนาด 215/45R17 ที่เหมาะสมกับตัวรถอยู่มาก นับว่าดีที่ TOYOTA ตัดสินใจใส่ยางสมรรถนะสูงมาใน ESPORT เพราะช่วยเหลือได้มากทั้งความสวยงาม และ สมรรถนะในการขับขี่ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันในส่วนของ Handling นะครับ…

ภายใน เปลี่ยนสไตล์ได้เฉียบขาด แต่…

สำหรับภายในของ ALTIS Gen. 11 นี้ ตั้งแต่แรกมาแล้วยอมรับว่าเปลี่ยนลุคใหม่จากเดิมที่เน้นออกแบบ ง่ายเกินไปจนดูเชยเกินเหตุ ตัวนี้ “ปฏิวัติใหม่” ออกแบบได้หรูหรา ดูแล้วตั้งใจจะเป็น “น้องๆ LEXUS” ก็ว่าได้ สำหรับใน New ALTIS ก็มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบกันใหม่เล็กน้อยให้ “เตะตา” มากขึ้น ช่องแอร์ซ้ายขวา จากเดิมเป็นทรงเหลี่ยม งวดนี้มาเป็นทรงกลม 5 ก้าน สไตล์ Retro ที่นิยมดีไซน์นี้ในรถแพงๆ ดูดีขึ้นเยอะเลย มาตรวัดเรืองแสง มีขอบโครเมียมดูสปอร์ต พวงมาลัยจับกระชับดี ทรวดทรงไม่ขี้เหร่ ซึ่งดูแล้วเปลี่ยนลุคไปจากตัวก่อนๆ แบบคนละโลก ชุดคอนโซลส่วนกลางจะมีจอ Touch Screen ขนาดเท่า Tablet ใช้งานง่ายดี นับว่าเป็นความปลอดภัยเพราะจะได้ไม่ต้อง “ควาน” หากันนาน เชื่อเหอะว่าคนขับรถส่วนใหญ่ก็มีขับไปกดไปบ้างแหละ ห้ามไม่ได้หรอกน่า นวมหุ้มหน้าปัดดูดี เป็นวัสดุอ่อนนุ่ม ดูดีมีราคาไม่แข็งโป๊ก นับว่าการดีไซน์หน้าปัดโดยรวมในรุ่นนี้ “ผ่าน” แต่ว่า มีจุดที่น่าติตรง “กรอบนาฬิกา” เป็นพลาสติกสีดำธรรมดาๆ ตัวนาฬิกาก็ดูพื้นๆ เลยไปกันใหญ่ ที่เพื่อนร่วมทาง Comment มาว่า Look Cheap ไปหน่อย ไหนๆ รถคันละเกือบล้านก็ควรจะมีเส้นโครเมียมล้อม หรืออะไรประมาณนี้ให้มันดูดีขึ้นกว่านี้อีก…

 

เสียงรบกวน เขาว่าทำให้ดีขึ้นนะ

สำหรับในด้านการเก็บเสียง ทาง TOYOTA บอกว่ามีการใช้วัสดุป้องกัน (Insulator) ที่ดีขึ้น ก็ต้องลองทดสอบจริงจากการขับขี่ การขับบนถนนในเมือง การเก็บเสียงรบกวนจากรอบด้าน อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้กับรถราคาขนาดนี้     ก็คงไม่หวังไกลขนาดต้องเงียบกริ๊บบบ อันนั้นมันรถหลายล้านครับ ส่วนการเก็บเสียงจากช่วงล่าง โดยมากก็จะมีเสียงจาก “ยาง” มาชัดเจน ก็ไม่โทษกันเพราะเป็นยางสปอร์ต ที่จะต้องส่งเสียงบดถนนมากกว่ายางรถนั่งนุ่มๆ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่มีติหน่อยตรงเวลาวิ่งทับเศษกรวดต่างๆ บนถนน จะมีเสียงดีดก๊องแก๊งมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคนนั่งหลังจะได้ยินเสียงรบกวนชัดหน่อย ในความเร็วสูงบนถนนเรียบ อันนี้อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เท่าที่จำได้ถ้าเปรียบกับ ESPORT ตัวก่อน นับว่ายังไม่ดีขึ้นแบบเด่นชัดนัก…

ขุมพลัง 2ZR-FBE เร้าใจพอมันส์

พลัง 141 PS กับเครื่อง 1.8 ลิตร ก็ยังเหมือนเดิม แต่มีการปรับปรุงโปรแกรม ECU ให้ตอบสนองไวขึ้นทั้งระบบ มาพร้อมระบบ DUAL VVT-i สเป็กไปดูเองในเว็บ การตอบสนองถ้าอยู่ในโหมด SPORT นับว่าสนุกมาก มันจะปรับลิ้นเร่งไฟฟ้าให้ตอบสนองไวทันใจ แทบไม่ต้องไปหาของแต่งมาใส่ก็ได้ รอบเครื่องก็ลากได้ยาวขึ้น ทำให้การเร่งแซงทำได้คล่องแคล่ว (ผู้โดยสาร 4 คน ขณะที่ทดสอบ) เป็นเครื่องที่ตอบสนองในช่วงกลางได้ดี แต่พอช่วงรอบปลายๆ เกิน 6,000 rpm ก็ช้าลง เพราะอย่าลืมว่ามันนามสกุล F ที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก จริงๆ เกินกว่านี้เราก็ไม่ได้ใช้หรอก ไอ้ที่จะใช้จริงๆ เป็น “ช่วงต่ำและกลาง” มากที่สุดต่างหาก ความเร็วจาก 100-180 km/h ทำได้ไม่ยาก มีทางโล่งๆ หน่อยก็เห็นได้ แต่เลยจากนั้นไม่รู้นะ เพราะไม่ได้ลอง…

เกียร์แบบ Super CVT-i ที่ยังมีโหมด Sequential แบบ 7 สปีด ให้อีก การขับขี่ปกติ ตำแหน่ง D คือเร็วที่สุด แต่ในโหมด Sequential ก็จะเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในทางโค้งมากๆ หรือทางขึ้นลงเขา ที่ต้องมีการ Hold ตำแหน่งเกียร์ไว้เพื่อต้องการกำลังต่อเนื่อง อันนี้สนุกอยู่ ถ้าใช้โหมด SPORT เดินทางไกลผมไม่แนะนำ เพราะรอบเครื่องจะใช้สูงกว่าโหมดปกติที่ความเร็วเท่ากัน มันปรับอัตราทดให้สูงขึ้นอีกหน่อยเพราะต้องการอัตราเร่ง ทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้น ถ้าขับเดินทางปกติไม่ต้องใช้โหมดนี้หรอกครับ ปกติถ้าขับเนียนๆ กับความเร็วคงที่ ไฟเตือน ECO ขึ้น ทำให้ประหยัดและเครื่องทำงานน้อยลง…

Handling ไม่เลวเชียว แต่เด่นที่ Brake

สิ่งที่เราอยากรู้โดยเฉพาะในด้าน Handling กับ Braking ที่เหมือนเป็นจุดกังขาของค่ายนี้เสมอมา การขับขี่โดยทั่วไป ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลระดับพอเพียง แต่ไม่มากเพราะตัว ESPORT เซ็ตค่าโช้คอัพและสปริงไว้แนว “เฟิร์มกระชับ” เรียกว่าจัดกันใหม่หมด ถ้าคนชอบแนวนี้ก็โอเคเลย แต่ถ้าชอบนุ่มๆ เป็นหลัก ไปซื้อตัวปกติเอาแล้วกัน จากการได้ลองทั้งในสนาม TOYOTA EXPERIENCE PARK การสลาลอม หรือ Lane Change ทำได้ดีในรถระดับนี้ การตอบสนองคมและไวขึ้นกว่า ESPORT ตัวก่อน ในความเร็วสูง การควบคุมยังมั่นใจได้จนถึงระดับ 180 km/h ก็จะต้องตั้งใจควบคุมกันมากขึ้นหน่อย ถือว่าปกติสำหรับความเร็วขนาดนี้ซึ่งคงไม่มีโอกาสได้ใช้บ่อยนัก โดยรวมถือว่าอยู่ในระดับดีใช้ได้สำหรับรถสไตล์นี้…

แต่สิ่งหนึ่งที่เด่นมาก คือ “เบรก” สมัยก่อน TOYOTA มีจุดอ่อนเรื่องนี้จริงๆ เบรกจับตัวไวจนหัวทิ่ม กะน้ำหนักค่อนข้างยาก เหมือนดีไซน์ไว้ให้แตะแผ่วๆ เบาๆ แล้วทำงานเลย เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากออกแรง ขับในเมืองช้าๆ มันก็พอได้อยู่หรอก แต่พอขับเร็วๆ เหยียบลึกกลายเป็น “ลื่น” ไปซะอีก ไม่ต้องมาดราม่ากับผมหรอกเพราะคนที่ใช้แบรนด์นี้มาก่อนเขารู้กันทั้งนั้น แต่พอมาเป็น Gen นี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงนิสัยใหม่แบบคนละเรื่อง จากการทดสอบเบรกทั้งในสนาม และบนถนนที่ความเร็ว 180 km/h ลงมาเหลือประมาณ 90 km/h (ขณะทดสอบมีรถเปลี่ยนเลนมา เลยถือโอกาสลอง ไม่แนะนำให้ทำตาม ให้ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น) ไม่จำเป็นต้องกระทืบเบรก เพียวแต่ไล่น้ำหนักเท้าลงไปอย่าง Smooth ในลักษณะของ Soft Brake เบรกจะดูดตามเท้าลงไป ฟิลลิ่งจะคล้ายกับรถค่ายยุโรป ซึ่งมีความนุ่มนวลดี เบรกอยู่ เรื่องนี้สำคัญมากเพราะเป็นความปลอดภัยโดยตรง ไอ้เรื่องช่วงล่างถ้าอยากได้เพิ่มก็เสียตังค์หาโช้คสปริงชุดแต่งใส่เข้าไป แต่เรื่องเบรกมันดัดแปลงทีหลังกันยาก ผมเลยให้ความสำคัญกับตรงนี้มากกว่า…

สรุป จากการได้ทดสอบ New ALTIS 1.8 ESPORT OPTION ทั้งในสนามและการเดินทางในพิกัด 200 กม. ที่เป็นทั้งผู้นั่งและผู้ขับ โดยภาพรวมเป็นรถที่คุ้มค่ากับราคา “เก้าแสนสามเก้า” ก็นับว่าเพียงพอ สำหรับคนที่ไม่ได้เน้นอุปกรณ์อะไรจุ๊กจิ๊กมากมายนัก แต่ถ้าชอบอะไรที่ “ฟรุ๊งฟริ๊ง” เพิ่มขึ้น ก็ต้องเป็น ESPORT OPTION ที่ต้องเพิ่มกะตังค์ไปอีก “สี่หมื่น” ก็ดีอย่างไม่ต้องไปใส่อะไรเพิ่มอีก ภาพรวมถ้าต้องการ “ซื้อแล้วจบ” ไม่ต้องแต่งต่อก็ยังได้ หรือถ้าจะ “คัน” ใส่เสน่ห์เติมนิดๆ หน่อยๆ ก็เพียงพอแล้ว…

 

ข้อมูลเพิ่มเติม : www.toyota.co.th