เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ภาพ : Honda Thailand Official
สำหรับ Crossover SUV ที่สาย H รอคอย กับ New HR-V ตัวใหม่ จริงๆ คิวต้องออกก่อน New CIVIC แต่ไม่เป็นไร ออกตอนนี้ก็ยังทัน รูปโฉมก็ดูออกหรูหราแนว “ผู้หลักผู้ใหญ่” มากขึ้น หลายคนก็อาจจะยังไม่ชิน ดูไม่สปอร์ตวัยรุ่นเหมือนตัวเก่า แต่ก็นะ มันก็ต้องเติบโตไปตามกาลเวลา คราวนี้มาเป็น “ไฮบริด e:HEV” ครบทุกรุ่น ตั้งแต่ E, EL, RS ด้วยหนา มีอะไรที่น่าสนใจ เราขอเหลาถึงตัว RS ที่เป็น Top Grade ดูแล้วกัน ว่าจะสมราคาหรือเปล่า…
- กระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต (รุ่น E และ EL เป็นสีเดียวกับตัวรถ)
- สีทูโทน แดงอิกไนต์ + หลังคาสีดำ
- กันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม
- ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
- ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
- ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke
- ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
- เผยมุมมองใหม่ด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Glass Roof)
ภายใน “เคลียร์ปัญหาช่องแอร์ในตำนาน”
RS จะมากับภายใน “หนังดำด้ายแดง” แบบสปอร์ต รวมไปถึงมาตรวัดเข็มสีแดง เพิ่มความมันส์ในอารมณ์ แป้นเหยียบแบบสปอร์ตเช่นกัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System โดยช่องปรับอากาศได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร แต่ตัวก่อนจะมีปัญหาเรื่องช่องแอร์ด้านหน้าออกแบบประหลาดๆ เป่าโดนคนด้านหน้า ด้านหลังไม่โดน เกิดปัญหาตีกันจะตายห่าน ข้างหน้าพอดี ข้างหลังจะร้อน ข้างหลังเย็น ข้างหน้าหนาว (ก็ไม่รู้จะออกแบบมาเพื่อ) แต่ตัวใหม่นี้ ก็ยังคงดีไซน์เดิมอยู่ แต่แก้ปัญหาด้วยช่องแอร์ตอนหลัง แต่มีเฉพาะรุ่น EL และรุ่น RS ส่วนรุ่น E ก็ยังคงต้องตีกันตามเดิมล่ะมั้ง อื่นๆ ก็มีที่น่าสนใจของรุ่น RS เช่น..
- ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรีพร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย(Wireless Charger)
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
- ไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบ LED เปิด–ปิดแบบสัมผัส
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย
- ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่องด้านหน้า 2 ช่องและด้านหลัง 2 ช่อง
1.5 L Atkinson Cycle + e:HEV “131 ม้า”
ทั้ง 3 เกรด จะเป็น “ฟูลไฮบริด” แบบ e:HEV ไม่ต้องแย่งกัน ขุมพลัง 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC พร้อมระบบ Atkinson Cycle พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) แบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออนน้ำหนักเบาและ
ขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่…
สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนทั้ง 2 ตัว ให้กำลังสูงสุดรวมเครื่องยนต์ถึง 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที กระดิก Teen ก็มาทันใด โดยระบบ e:HEV มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ซึ่งระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมที่สุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ ได้แก่
- EV Drive Mode มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้า
จากแบตเตอรี่ มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง โดยแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความจุมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมด EV Drive Mode ได้อย่างต่อเนื่อง - Hybrid Drive Mode โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดทันใด
เหมาะสำหรับขณะต้องการอัตราเร่งแซง - Engine Drive Mode โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่
บทสรุปหลายคนสนใจเรื่อง “ราคา” โดยทาง HONDA จะเปิดราคาขายในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้แต่มี “แพลม” ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ “99X,XXX บาท” (รุ่น e:HEV E) และ “1,2XX,XXX บาท” ในรุ่น e:HEV RS ใครเล็งไว้ก็เตรียมตังค์ถ้าได้ขยี้จะนำมาเหลาให้ฟังนะจ๊ะ…