แฉด่วน !!!
New YARIS
ลุคสุดไฉไล แต่ไส้ในล่ะ ???
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
แฟนๆ ECO Car สาย “โตต้า” ได้เฮ เพราะ “ยาริสใหม่” ขวัญใจมหาชนเพิ่งจะเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ งานนี้สายซิ่ง สายชิค สายฮิป สายเสมอ ฯลฯ อะไรก็ตาม ต่างก็รอลุ้นว่าไอ้ที่เปิดตัวมาใหม่น่ะ “ใหม่จริงมั้ย” และ “มีอะไรใหม่มั่ง” ไอ้เราก็พลอยลุ้นไปด้วยว่ามันจะมีอะไรมากระแทกหน้ากระทั้นใจให้เราตื่นเต้นจนยกมาเป็นประเด็นกันมั่งไหมวะ แต่ก่อนอื่นก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนถึง “หลักการล่อ” ล่อตาล่อใจนะ !!! ว่าจะพูดถึงหลายทีแล้ววันนี้สบโอกาสก็เอาซะหน่อย…
ไอ้คำว่า “New” ในการเปิดตัวรถ ปกติก็จะเข้าใจกันใช่ป่ะ ว่ามันคือ “รุ่นใหม่” สมัยก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้พวก “เล่นคำ” นำมาใช้กับการเปิดตัวรถรุ่น “ไมเนอร์เชนจ์” ที่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตา อุปกรณ์หลักๆ บางอย่าง แต่ “ไม่ทั้งหมด” ตัวรถและเครื่องยนต์ ช่วงล่าง พวกนี้ยังเป็นพื้นฐานเดิม อาจจะมีเปลี่ยนนิสัยบ้างแต่ไม่เปลี่ยนจุดยืน ประมาณว่า “ปรับปรุง” ในบางรุ่น (เน้นว่า บางรุ่น นะครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะหา Dak กับของเดิมไปยันเปลี่ยนรุ่นจริงๆ) ส่วนคำว่า All New นั่นหมายถึงว่า “เปลี่ยนแปลงใหม่หมด” ก็คือ “เปลี่ยนรุ่น” ไปเลยนั่นเอง เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะรับสื่อ ก็ตีความหมายหน่อยละกันว่าเขาสื่อถึงอะไร…
สำหรับพื้นฐานของ YARIS ก็จะอยู่ในหมวดของ B-Segment ซึ่งจริงๆ แล้วในญี่ปุ่น ดั้งเดิมเลยคือ VITZ คนญี่ปุ่นก็อ่านออกเสียงว่า “วิต-สึ” ซึ่งคนละอย่างกับ WISH รถอเนกประสงค์ หรือ “วิช-ฉุ” ถ้าผิดขออภัย บางที “อินทรพี แสงดูม” ก็อาจจะมีมั่วดริ๊งค์บ้างตามประสา ในปี พ.ศ. 2549 คนไทยก็ได้สัมผัส YARIS Hatchback กัน ซึ่งขายดิบขายดีเพราะตอบโจทย์การใช้งานของวัยรุ่น รวมถึงวัยแร่ด (อย่างผม) มีความคล่องตัวสูง สมรรถนะดี ประหยัด ทนถึกสไตล์ “โตต้า” และในปี พ.ศ. 2556 ก็ได้ฤกษ์ถลกผ้า “YARIS ECO” ซึ่งเป็นอีโคคาร์สไตล์สปอร์ต ยอมรับว่าออกแบบมาได้สวยงามโดนใจวัยรุ่น ซึ่งเครื่องใหม่เป็น 3NR-FE มีเรี่ยวแรงน่ารัก 86 แรงม้า กับเกียร์ CVT “อย่างเดียว” ซึ่งตอนนั้นผมได้ร่วมทริปทดสอบ หลายท่านลงความเห็นจะมีข้อติหน่อยที่ว่า “ช่วงออกตัวจะช้า” มี Lack ไปวูบนึงแล้วค่อยไป ก็เข้าใจว่าเครื่องความจุน้อย และตัวรถหนักกว่าคู่แข่งอย่าง BRIO ตอนหลังก็มีอู่สายซิ่งที่ “เซ็ตเทอร์โบ” โมดิฟายเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้รถตอบสนองเร็วขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่ท่านอยากจะ “คัน” เล่นกับหอย…
สำหรับ New YARIS ตัวไมเนอร์เชนจ์ใหม่นี้ ก็เปลี่ยนหน้าตาใหม่เป็นแนว “หรูหรา” มากขึ้น ด้านหน้าเปลี่ยนไปมากจนไม่เหลือเค้าเดิม ด้านหลังก็เพิ่มขนาดไฟท้าย จริงๆ แล้วเพิ่ม “แผงทับทิม” มาที่ฝาท้าย ทำให้ไฟดูยาวขึ้น ส่งผลให้ตัวรถดูกว้างขึ้น สำหรับ “สี” ตัว Signature ก็จะเป็น “Citrus Mica Metallic” มันก็จะเขียวมะนาวหน่อยๆ ในรุ่น Top คือ G ก็จะให้สิ่งน่าสนใจมา อาทิ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบ Follow Me Home ส่องแสงตามตูดเวลาลงจากรถไปแล้วจะดับเอง มือจับประตู + หน้ากระจังโครเมียม สำหรับภายใน คอนโซลหน้าแต่งด้วยวัสดุสีเงินเมทัลลิก (รวมถึงรุ่น E) ส่วนอื่นๆ ก็เป็นวัสดุสี Piano Black เงางามตามท้องเรื่อง อื่นๆ ก็ไปดูเองในเว็บไซต์ก็แล้วกัน…
สำหรับ “เครื่องยนต์ + เกียร์ + ช่วงล่าง” ก็ยังคงเดิมเอาไว้ แต่ที่อยากรู้คือจะแก้ปัญหาตอนออกตัวมี Lack หน่อยๆ ด้วยหรือเปล่า ถ้าแก้ตรงนี้ได้ก็จะดีมาก อันนี้ก็ต้องรอว่า TOYOTA จะใจดีเชิญกูไป “ขยี้” อีกมั้ย ถ้าได้เหนี่ยวแล้วจะมาเหลาให้ฟัง (ไม่ได้ขับแล้วคุย ทำไม่เป็นว่ะ) แต่อยากจะบอกไว้ ใครก็เชียร์รุ่นท๊อปๆๆๆๆ แต่สำหรับผมแล้ว กลับมองตัวเลือกที่น่าสนใจ “รุ่นถูกสุด” คือ J ECO ซึ่งจะมีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็น กระจกหลังเป็นมือหมุน จริงๆ แล้วก็น้อยครั้งที่ด้านหลังจะเปิดกระจก ด้านนอกเป็นวัสดุสีดำส่วนมากซึ่งดูจริงๆ มันก็ตัดกับตัวรถดีแบบดุๆ ล้อกระทะขอบ 14 นิ้ว แบบซื่อๆ แต่สายซิ่งก็ไม่ต้องสนใจ “ยังไงก็เปลี่ยนอยู่แล้ว” ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนชอบ “ของประหยัด” เน้นใช้งานจริงๆ หรืออยากได้ฟิลลิ่งซิ่งแบบดิบๆ เพราะยังไงเรามา “เพิ่ม” ทีหลังได้ตามใจชอบอยู่แล้ว พูดง่ายๆ ไม่ต้องซื้อตัวแพง ซื้อตัวถูกมาแต่งก็คุ้มค่า เพราะส่วนใหญ่สายซิ่งก็เห็นจ้องแต่จะเปลี่ยนของกันทั้งนั้นแหละ แต่ก็นับว่า TOYOTA ใจถึง ใส่ Air Bag รอบคันถึง 7 ใบ รวมถึงรุ่น J ECO นี้ด้วย เรียกว่าระบบความปลอดภัยเวลา “เล่นลีลา” มาเต็ม เอาสิ เชียร์รุ่นถูก แทนที่จะเชียร์รุ่นท๊อป มีใครบ้าเขียนแบบนี้มั่งหรือเปล่าวะท่านผู้ชม แต่บอกไว้ งานนี้ไม่มโน ลองพิจารณาดูกันเองเด้อครับ…
สำหรับโตโยต้า ยาริส รุ่นปรับโฉมใหม่ จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น 7 สี (Citrus Mica Metallic / Orange Metallic/ Red Mica Metallic/ Super White/Silver Metallic / Gray Metallic/ Attitude Black Mica)
- รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 609,000 บาท**
- รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 559,000 บาท**
- รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 529,000 บาท**
- รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 479,000 บาท**
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน
ยาริส รุ่นปรับโฉมใหม่ ปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกให้มีความเฉี่ยวรอบคัน เพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์พร้อมไฟ LED Light Guiding, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED, ไฟตัดหมอกหน้า และไฟท้าย LED Light Guiding ที่สะท้อนถึงความหรูหราทันสมัยอย่างลงตัว
การออกแบบภายในตอบรับไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า ห้องโดยสารของยาริส รุ่นปรับโฉมใหม่ ยกระดับดีไซน์ล้ำสมัยเน้นความกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ติดตั้งวัสดุซับเสียงรบกวนทำให้มีความผ่อนคลายเหนือกว่ารถในกลุ่มซับคอมแพ็กแฮตช์แบ็ค
ความสนุกในการขับยังคงอยู่เหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์ DUAL VVT-i 1.2 ลิตร ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ตอบสนองการขับที่ดีขึ้นด้วยกำลังสูงสุด 86 แรงม้า และมีอัตราประหยัดน้ำมัน 20 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับน้ำมัน E20 รวมทั้งสร้างความมั่นใจในทุกสถานการณ์ขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยสูงสุดเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น และเป็นหนึ่งเดียวในรถยนต์แฮตช์แบ็กขนาดเล็กที่มีถุงลมนิรภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “นับจากวันนี้เป็นต้นไปเราจะจารึกอีกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของยาริส แฮตช์แบ็ก อันเป็นการสืบทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครของยาริส รถที่เป็นที่สุดของความใช่ ในสไตล์คุณ ยาริส แฮตช์แบ็ก รุ่นปรับโฉมใหม่ จะเข้ามาเติมสีสันในชีวิตคุณพร้อมมอบสไตล์อันโดดเด่น และพลังความคิดสร้างสรรค์อย่างล้นเหลือ เมื่อได้ยลโฉมรถยาริส แฮตช์แบ็ก รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ คุณจะสะดุดตาไปกับรูปลักษณ์ที่มาพร้อมสไตล์ที่โดดเด่น และเมื่อก้าวเข้าไปในรถ คุณจะพบกับห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้นโตโยต้า ยาริส ใหม่ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ครบครัน เพื่อให้คุณ และคนที่คุณรักซึ่งนั่งอยู่ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รู้สึกอุ่นใจได้ในทุกสถานการณ์ ที่สำคัญคือเมื่อคุณขับรถคันนี้ ทุกสายตาบนท้องถนนจะจับจ้องมายังคุณ ด้วยความรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของยาริส ใหม่ เช่นกัน”
ทางด้านนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “โตโยต้า จะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้า และผู้ที่สนใจได้ร่วมสัมผัสยาริส ใหม่ ที่โชว์รูมโตโยต้า ทั่วประเทศ ในวันที่ 22-24 กันยายน 2560 เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับอย่างทั่วถึง พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ ที่สำคัญเรายังได้จัดเตรียมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ด้วยโปรแกรม Convini-EXT ทางเลือกใหม่จากแพ็กเกจที่คุ้มค่าด้วยการรวมสิทธิประโยชน์ 3 รายการ ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถยนต์ยาริส ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบเงินดาวน์ และดอกเบี้ยต่ำ พร้อมประกันภัย และการขยายการรับประกันคุณภาพ นอกจากนี้เราขอมอบราคาพิเศษในช่วงแนะนำสำหรับลูกค้าที่จอง และออกรถตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 และจะปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกับยาริส เอทีฟ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป โดยยาริส ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น 7 สี และมีเป้าหมายการขายในปี 2560 ที่ 3,200 คันต่อเดือน”
ร่วมสัมผัส “New YARIS…YES, THAT’S RIGHT!” ที่สุดของความใช่ ในสไตล์คุณ และสอบถามรายละเอียด ได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย โตโยต้า 467 แห่งทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ข้อมูลโตโยต้า ยาริส รุ่นปรับโฉมใหม่ “New YARIS…YES, THAT’S RIGHT!”
ภายนอก…YES THAT’S COOL!
- ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์พร้อมไฟ LED Light Guiding (เฉพาะรุ่น G)
- ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า (เฉพาะรุ่น G)
- ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED (ในทุกรุ่น) พร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม (เฉพาะรุ่น G)
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (ในรุ่น G และ E)
- มือจับประตูโครเมียมพร้อมระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry (เฉพาะรุ่น G)
- ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (ในรุ่น G และ E)
- พวงมาลัยหุ้มหนัง (เฉพาะรุ่น G) พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง (ในรุ่น G และ E)
- มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะ MID (ในรุ่น G และ E)
- เครื่องเล่นวิทยุ CD/ MP3/ WMA พร้อมช่องต่อ USB/ AUX และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth (ในรุ่น G และ E)
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD (ในรุ่น G และ E)
- พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบเพื่อการเข้า–ออกสะดวก
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start) (เฉพาะรุ่น G)
- ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ควบคุมการล็อก – ปลดล็อกประตูและที่เก็บสัมภาระท้ายรถ (เฉพาะรุ่น G)
- แผงบังแดดคู่หน้า (ในทุกรุ่น) พร้อมกระจกแต่งหน้า (ในรุ่น G และ E)
- กระจกไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบด้านคนขับฝั่งผู้ขับขี่
- ที่วางขวดน้ำบริเวณประตูผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า
- ช่องเสียบชาร์จไฟ 12V พร้อมช่องเก็บของข้างเบรกมือ
- ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ พร้อมที่ปิดสัมภาระด้านท้าย (ในรุ่น G และ E)
- เบาะที่นั่งด้านหลังปรับ–พับแยกอิสระแบบ 60:40 (ในรุ่น G และ E)
- กล่องเก็บของอเนกประสงค์ใต้ที่วางแขนตรงกลาง
- ลิ้นชักเก็บของฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า
- ช่องเก็บของข้างผู้ขับขี่
- ที่วางขวดน้ำ บริเวณคอนโซลด้านหน้าระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- ช่องเก็บของหลังเบาะที่นั่งคู่หน้า (เฉพาะรุ่น G)
- เครื่องยนต์ 3NR-FE 1,200 ซีซี 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUAL VVT-i
- แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า (63 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
- ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ แบบ EFI
- น้ำมันเชื้อเพลิง รองรับสูงสุด E20
- มาตรฐานไอเสีย EURO4
- อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 20กม./ลิตร
- เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock
- พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)
- ระบบช่วงล่างเต็มประสิทธิภาพ
- ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics)
- หลังคาแบบ Catamaran ลดการปะทะของแรงลม
- ระบบสัญญาณเตือนสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง (ในรุ่น G และ E)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control)
- กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer (ในรุ่น G และ E)
- ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow-Me-Home) (เฉพาะรุ่น G)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control)
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
- ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
- ดิสก์เบรกคู่หน้า
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า พร้อมระบบกลไกดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ
- โครงสร้างนิรภัย GOA แข็งแกร่งปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก
- การออกแบบเพื่อลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้างทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening)
- ชุดซ่อมยางฉุกเฉินพร้อมที่ปั๊มลม