เช่ารถซิ่ง “ตัวเทพ” บนแผ่นดินญี่ปุ่น

 

STORY :  นิธิวัชร์ ทิพยทัศน์ / PHOTO  : วรุตม์ สีหนาท

ในยุคนี้ การขับรถบ้านๆในญี่ปุ่น เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

การขับรถสปอร์ตสักคันคงเป็นสิ่งที่ผู้อ่านทุกคนใฝ่ฝันใช่ไหมครับ การจะมีรถสปอร์ตสักคันในไทย ในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เพราะก็เริ่มมีตัวเลือกรถสปอร์ตญึ่ปุ่นยุค 90-00 ที่ราคาจับต้องได้ให้เลือกพอสมควร แต่การจะขับรถสปอร์ตให้ฟินที่สุด ก็ควรจะได้ขับบนถนนที่ราบเรียบ มีโค้งให้เล่นใช่ไหมครับ ซึ่งในประเทศไทย ต้องบอกว่ายากมากแน่ๆ แล้วถ้าได้ขับรถสปอร์ตญี่ปุ่นบนถนนญี่ปุ่นละครับ จะสนุกแค่ไหน?

การเช่ารถขับในญี่ปุ่นนั้น จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากครับ มีหลายบริษัทให้เลือกมากมาย ยกตัวอย่างทั่วไป ง่ายๆ ก็เช่น Toyota Rent A Car, Nissan Rent A Car, Times Car Rental และอีกมากมายเลยครับ แต่บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีแต่รถทั่วไปให้เราเช่า แล้วถ้าอยากขับรถสปอร์ตล่ะ ทำไงดี

จริงๆ มันก็มีอยู่หลายที่หลายเว็บครับ ที่เราจะสามารถเช่ารถสปอร์ตมาขับเล่นได้ในประเทศญี่ปุ่น แต่เราขอแนะนำเว็บนี้ดีกว่า เพราะว่าง่ายและมีภาษาอังกฤษด้วย นั่นก็คือ www.omoren.com/en ขั้นตอนการจองก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากมายครับ หลังจากเปิดเข้าหน้าเว็บของเขาแล้ว แถบด้านบนก็จะมีให้เลือกค้นหา ว่าจะหาจากสาขา (Shop List) หรือหาจากประเภทรถ (Vehicle.Price) ซึ่งผมแนะนำว่าหาจากสาขาจะสะดวกกว่าครับ เพราะเราจะได้รู้ว่าเราสะดวกใกล้ที่ไหน แต่ถ้าให้แนะนำสาขาที่มีรถให้เลือกเยอะที่สุด ก็คงต้องเป็น Noda Head Office ครับ ซึ่งสาขานี้จะอยู่แถวชิบะ เข้าใจง่ายๆ ก็ใกล้ๆ สนามบินนาริตะ นั่นเองครับ หลังจากเราเลือกสาขาได้แล้ว เลื่อนลงมาด้านล่างก็จะเจอกับรูปรถและราคาครับ ซึ่งจะมีรายละเอียดชัดเจนทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อ (Maker) รุ่น (Name) ระบบเกียร์ (Transmission) และที่สำคัญที่สุด คือ ราคาครับ ซึ่งก็จะมีแยกตั้งแต่ 6 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมงครับ และจะมีพิเศษอีกอย่าง คือ เวลากลางคืน (Night Time) ซึ่งก็คือการเช่าตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็น จนถึง 11 โมงในวันรุ่งขึ้น เรียกง่ายๆ ว่าเอาไว้ไปขับซิ่งบนทางด่วน หรือเอาขับไปจุดพักรถดูรถซิ่งคันอื่นๆ ได้เลยครับ หลังจากเราเจอรถที่ถูกใจแล้ว ก็กดเลือกเข้าไปได้เลยครับ พอเข้ามาด้านใน จะมีรูปรถให้เห็นในหลายๆ มุม  รวมไปถึงสเปกรถโดยละเอียดเลยทีเดียว ไล่ไปตั้งแต่ ยี่ห้อ (Maker) รุ่น (Name) รุ่นย่อย (Model/Grade) ขนาดเครื่องยนต์ (Displacement) แรงม้าสูงสุด (Max Output) แรงบิดสูงสุด (Max Torque) สีตัวรถ (Color) สีภายใน (Interior Color) ระบบเกียร์ (Transmission) ด้านของพวงมาลัย (Handle) ไล่ลงมาด้านล่างอีกนิดจะเจอกับข้อมูลอื่นๆ คือ สถานที่ที่รถอยู่ (Shop) ประเภทของรถ (Related Categories) รวมไปถึงอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ (Equipment) และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ราคา ครับ อย่างที่บอกไปว่าจะมีตั้งแต่ 6 ชั่วโมง (6H) 9 ชั่วโมง (9H) 24 ชั่วโมง (24H) และเวลากลางคืน (Night Time) และที่มีเพิ่มขึ้นมาคือ การเช่าเพิ่มวันต่อไป (Thereafter 24H) ซึ่งก็คือราคาหากเราเช่าเกิน 24 ชั่วโมงแรกครับ รวมไปถึงมีค่าประกันภัยต่อวันด้วย (CDW) ซึ่งเป็นกฎบังคับให้ทำครับ ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นรถ ถัดมาก็จะเป็นคำอธิบายต่างๆ โดยฝั่งซ้ายจะเป็นกฎข้อบังคับของรถคันนั้นๆ (Notes on this car) ตัวอย่าง เช่น  จำกัดระยะทางไหม ห้ามสูบบุหรี่หรือเปล่า ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นข้อบังคับของการจอง (Notes on reservation) เช่น อายุห้ามต่ำกว่าเท่าไหร่ ต้องมีบัตรเครดิตไหม พอเราทำความเข้าใจครบแล้ว ก็มาถึงจุดสำคัญที่เราจะรู้ว่า ช่วงเวลาที่เราต้องการ รถคันนี้ว่างให้เราเช่าไหม ซึ่งก็จะเป็นรูปแบบปฏิทินเลยครับ (STEP 1) ดูได้ง่ายๆ ก็คือ ถ้าเป็น X แปลว่า รถไม่ว่างหรือร้านปิดในวันนั้น ถ้าเป็น O ก็สบายมากครับ ว่างฉลุย แต่ถ้าเป็น      แล้วหละก็ หมายความว่ามีคนเช่าแล้วในบางช่วงเวลาของวันนั้นครับ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเช้าหรือกลางคืนก็ได้ หลังจากเราดูแล้ว ถ้าช่วงที่เราต้องการว่าง ก็มาเลือกช่วงที่เราต้องการได้เลยครับ (STEP 2) เริ่มจากวันที่เราต้องการเริ่มเช่า (Departure) ก็ใส่ ปี เดือน วัน และเวลา ที่เราต้องการได้เลย แล้วก็มาใส่วันที่เราต้องการจะคืน ( Return) หลังจากนั้นก็มาเลือกออปชันเพิ่มเติม (STEP 3) ซึ่งก็คือประกันภัยนั่นเอง แนะนำให้เลือกไว้ครับ โดยเลือกที่ CDW Subscription ครับ ต่อมาเว็บก็จะสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้เป็นเงินเยนครับ โดยจุดนี้เราสามารถเลือกเพิ่มจำนวนผู้ขับขี่ได้ด้วย หากว่าเรามีเพื่อนอยากซิ่งรถคันเดียวกับเรา ก็เพิ่มตรงนี้ได้เลยครับ (Number of drivers) หลังจากเสร็จเรียบร้อย เราก็ตรวจดูวันที่  เวลา ค่าใช้จ่ายอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างถูกต้องเรียบร้อย ก็กดยืนยัน แล้วไปจ่ายเงินกันเลยครับ (Reserve with this content (go to payment screen)) หลังจากนั้นเราก็ต้องมาล็อกอินเข้ายูสเซอร์ของเราที่ได้สมัครไว้ หรือถ้าเป็นครั้งแรก เราก็จะต้องสมัครสมาชิกใหม่ โดยกดที่ (Sign up) ครับ ก็จะต้องกรอกข้อมูลต่างๆ ได้แก่ ชื่อนามสกุล (Name) ประเทศ (Country) ภาษา (Language) รหัสไปรษณีย์ (Zip code/Postal Code) ที่อยู่ (Address) เบอร์โทร (Tel) เบอร์มือถือ (Cell) อีเมล (e-mail) ตั้งพาสเวิร์ดของเรา (Password) คำถามคำตอบเวลาลืมพาสเวิร์ด (Hint when forgetting a password) วันเกิด (Birthday) เพศ (Sex) ประเภทใบขับขี่ (Driver License) หมายเลขใบขับขี่ (Driver License Number) วันที่ได้รับใบขับขี่ (License acquisition date) เลขพาสปอร์ต (Passport Number) ประเภทการแจ้งเตือนในอีเมล (About mail magazine sending) หลังจากกรอกทุกอย่างครบเรียบร้อย ก็กดยืนยัน (Agree) ได้เลยครับ หลังจากนั้นเราจะได้รับอีเมลตอบกลับ แล้วก็สามารถเข้ามาล็อกอินเพื่อทำการจองต่อได้เลยครับ หลังจากกลับเข้ามาก็จะเป็นขั้นตอนการจ่ายเงิน ซึ่งเราก็ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตต่างๆให้เรียบร้อย แล้วก็กดยืนยันการจองและชำระเงินไป หลังจากนั้นก็จะได้รับอีเมลยืนยันกลับมา เท่านี้เราก็พร้อมจะบินไปขับรถซิ่งที่ญี่ปุ่นกันแล้วละครับ

หลังจากจองทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย วันที่เราเตรียมจะเดินทาง อย่าลืมเอกสารสำคัญได้แก่ 1. ใบขับขี่ทั้งของไทยและใบขับขี่สากลครับ ซึ่งใบขับขี่สากลสามารถติดต่อทำได้ที่ขนส่งใกล้บ้าน โดยนำสำเนาพาสปอร์ต สำเนาใบขับขี่ไทย รูปถ่าย 2 นิ้ว และค่าธรรมเนียม 505 บาทไปติดต่อที่ขนส่งได้เลยครับ 2. บัตรเครดิตใบที่เราใช้จ่ายเงินตอนจอง และ 3. พาสปอร์ตของเรานั่นเอง เมื่อเราเดินทางไปถึงสาขาที่เราได้เลือกตอนเช่ารถแล้ว ก็แจ้งรุ่นที่เราจองไว้กับพนักงานได้เลยครับ ไม่ต้องกังวลไป พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้สบายมากครับ ระวังอย่าไปสายนะครับ ต่อมาพนักงานก็จะทำเอกสารการเช่ารถให้เรา เราก็ตรวจดูรายละเอียดอีกครั้ง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็เซ็นยืนยันอีกนิดหน่อย เราก็จะได้ไปเจอรถแล้วครับ หลังจากเอกสารเสร็จสิ้น พนักงานก็จะพาเราไปดูรถ ดูสภาพรถ รวมไปถึงแนะนำการใช้งานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมสตาร์ตรถออกไปซิ่งกันได้เลยครับ สิ่งที่พึงระวังในการขับรถในญี่ปุ่นก็คือ สัญญาณไฟต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนข้ามถนน ที่ญี่ปุ่นถือเป็นมารยาทอย่างยิ่งครับ หลังจากขับขี่อย่างปลอดภัย สนุกสนานเรียบร้อย จนถึงวันที่คืนรถ ก็เพียงแค่เติมน้ำมันกลับมาคืนให้เต็มถัง โดยเติมน้ำมันตัวพรีเมียมเท่านั้น ห้ามเติมตัวธรรมดาโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถเสียหายได้ครับ  หลังจากนั้นก็นำไปคืนที่สาขาที่เราเช่ามา พนักงานก็จะทำการตรวจสภาพรถว่ามีอะไรเสียหายไหม ถ้ามี เราก็จะต้องทำการยื่นเคลมประกันที่เราได้ทำไว้ แต่ถ้าไม่มีก็เรียบร้อย เสร็จสิ้นกระบวนการ

เห็นไหมครับ การจองรถซิ่งไว้ซิ่งในญี่ปุ่นก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงคันไม้คันมือกันแล้วสินะครับ งั้นรีบหาเวลาว่าง แล้วไปลุยกันเลยครับ ผมต้องขอตัวไปจองรถไว้ซิ่งทริปหน้าก่อน และพบกันใหม่นะครับ