พศิน ลาทูรัส นักขับดาวรุ่งชาวไทยวัย 23 ปี สร้างผลงานสุดยอดเยี่ยมในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแบบเอ็นดูรานซ์สุดโหด รายการเซปัง 12 ชั่วโมงด้วยการคว้าอันดับ 2 ภายใต้รถแข่งเฟอร์รารี่ 488 จีที3 หมายเลข 50 สังกัดเอเอฟคอร์เซที่ต้องต่อสู่กับยอดรถแข่งจากทีมโรงงานอย่างปอร์เชและออดี้อย่างดุ เดือดท่ามกลางสภาพอากาศแปรปวนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประเทศมาเลเซีย
นับเป็นการปิดท้ายฤดูกาลของนักขับไทยวัย 23 ปีอีกครั้งกับการแข่งขันที่มาเลเซียหลังจากที่ดวลความเร็วในฤดูกาลนี้ด้วยโปรแกรมสุดโหดนับตั้งแต่ต้นปีที่มอนซ่าประเทศอิตาลีในเดือนเมษายนกับนัดเปิดฤดูกาลของบลองค์แปงจีทีเอ็นดูรานซ์คัพซึ่งถือเป็นรายการหลักของนักขับไทยในปีนี้รวมถึง 2 รายการปิดท้ายฤดูกาลอย่างเอฟไอเอจีทีเวิลด์คัพที่มาเก๊าเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมารวมถึงเซปัง 12 ชั่วโมงซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของการแข่งขันที่เอสอาร์โอเป็นผู้จัดการแข่งขันรายการอินเตอร์คอนติเนนทัลจีทีคัพ
พศินคัมแบ็กสู่แทร็กที่ใช้เป็นสังเวียนแข่งขันฟอร์มูล่าวันรายการมาเลเซียกรังด์ปรีซ์อีกครั้งหลังจากลงแข่งที่สนามแห่งนี้เมื่อปี 2013 ในรายการเซปัง 12 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายของนักขับไทยรายนี้ก่อนจะออกไปหาประสบการณ์กับการแข่งขันในทวีปยุโรป โดยในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพศินร่วมงานกับทีมเมทที่กรำศึกบลองค์แปงจีที 2016 ด้วยกันมาทั้งปีอย่างมิเคเล รูโกโลและอเลสซานโดร ปิแอร์กูดี
เซปังเซอร์กิตได้รับการปรับปรุงผิวแทร็กใหม่ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่พศินลงทำการแข่งขันเมื่อปี 2013 อย่างไรก็ดีรถแข่งเฟอร์รารี่หมายเลข50 ก็ต้องเจอปัญหาในการทำงานเมื่อมีข้อผิดพลาดทางเทคนิคก่อนจะแก้ปัญหาและกลับมาทำเวลาจนคว้ากริดอันดับ 15 ในการออกสตาร์ทมาครอง
ทีมงานต้องรื้อรถแข่งออกมาแทบทั้งคันเพื่อหาข้อผิดพลาด ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังเจอเงื่อนไขที่ยากลำบากตามแบบฉบับของการแข่งขัน เซปัง12 ชั่วโมง ซึ่งมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ผิวแทร็กทั้งลื่นและท้องฟ้าปิดในช่วงครึ่งหลังของเรซ
พศินและเพื่อนร่วมทีมต้องมองออกไปสู่การแข่งขันด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่เพื่อต่อสู้แย่งอันดับจากกริดสตาร์ทที่ไม่สู้ดีนัก (กริดที่ 15) ที่สำคัญยังต้องขับเคี่ยวกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งจากทีมโรงงานที่อยู่ในแถวหน้า ส่งผลให้นักขับภายใต้รถแข่งหมายเลข 50 ต้องพยายามเร่งเครื่องอย่างหนักเพื่อแย่งอันดับในช่วงต้นการแข่งขันให้ได้
ในเรซดังกล่าวมีนักขับระดับ “แพทตินัม” ถึง 14 คนอยู่ในรายชื่อนักขับ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่มหน้าของการแข่งขัน ส่วนพศินจัดอยู่ในนักขับระดับ “ซิลเวอร์” ซึ่งถือว่าเป็นรองลงมาถึง 2 ขั้น โดยนับเป็นความสำเร็จอย่างมากอีกขั้นของนักขับไทยที่มีอายุน้อยที่สุดในสนามด้วย นับเป็นการแสดงถึงความสำเร็จได้อย่างชัดเจนหลังลงแข่งขันเพื่อหาประสบการณ์ในยุโรป 3 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ซึ่งต้องลงแข่งขันในรายการชั้นนำของโลกอย่างบลองค์แปงจีทีเอ็นดูรานซ์คัพ
ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาหลายครั้งตลอดการแข่งขันทำให้เรซนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับรถแข่งหมายเลข50 โดยพวกเขาต้องนำรถเข้าพิตครั้งที่ 2 เพื่อเปลี่ยนยางฝนสำหรับการไล่ล่าโพเดี้ยมในช่วงท้ายและมองไปถึงโอกาสในการคว้าชัยชนะด้วย อย่างไรก็ดีรถแข่งเฟอร์รารี่สีเหลืองที่ขับโดยพศิน, รูโกโลและกูดีก็สามารถจบการแข่งขันด้วยการคว้าอันดับ 4 มาครองได้สำเร็จและนับเป็นผลงานที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ศึกเซปัง12 ชั่วโมงนับเป็นการแข่งขันที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในช่วงท้ายปีของพศิน โดยรายละเอียดการแข่งขันในฤดูกาลหน้าของนักขับรายนี้จะเปิดเผยอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2017
พศินเปิดเผยว่า “มันเยี่ยมมากที่ได้กลับมาแข่งขันที่เซปังอีกครั้งหลังเว้นวรรคไป 2-3 ปีซึ่งถือเป็นสนามแห่งหนึ่งที่ผมลงแข่งขันมากที่สุดก่อนหน้าและผมรักสนามแห่งนี้เช่นเดียวกับการแข่งขันเซปัง12 ชั่วโมงนี่คือครั้งที่ 3 ของผมและมันเป็นเรซที่ยอดเยี่ยมที่นี่มักมีความท้าทายเสมอปีนี้แทบไม่ต่างจากปีอื่นๆที่มีอากาศแปรปรวนตลอดเวลาโดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของเรซ”
“ผมคิดว่าเรามีผลงานที่ดีในนัดปิดฤดูกาลมันจะดีกว่านี้ถ้าเราจบบนโพเดี้ยมแต่ผมแฮปปี้กับผลการแข่งขันและยินดีกับการต่อสู้ครั้งนี้ของผมเองที่ต้องขับเคี่ยวกับทีมโรงงานตลอดทั้ง 12 ชั่วโมงและรักษามาตราฐานของพวกเราได้เป็นอย่างดี”
“ผมอยากขอขอบคุณผู้สนับสนุนและทุกๆคนที่หนุนหลังผมตลอดทั้งปี และตอนนี้ผมก็เริ่มต้นมองถึงการกลับสู่การแข่งขันอีกครั้งในปีหน้าแล้ว”