(วางรูป 01 เปิดเรื่อง)
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่ (TakeSnap)
ห่างหายกันไปพักใหญ่ กับ “รถพิเศษ” ที่มีความแปลกประหลาดไม่ซ้ำใคร คงจำกันได้กับเต่าโรตารี่ ภาษาฝรั่งเรียกว่า RotoBug มาจาก Rotor + Bug ที่มาโชว์ความโหดแบบคลาสสิกเมื่อราว 2 ปีก่อน ปีนี้เอาอีก หนักกว่าเดิม!!! เพราะเป็นแนว Customize Car สไตล์นี้ต้องยกให้ OYSTER VW ของ “บอย” ที่คลั่งไคล้ในรถ VOLKSWAGEN Classic รวมถึง PORSCHE 356 และสุดยอดในตำนาน คือ 550 SPYDER ซึ่งใช้พื้นฐาน BEETLE หรือ “โฟล์คเต่า” รถพวกนี้เกิดจากฝีมือของ Dr. Ferdinand Porsche ทั้งสิ้นโดยเจ้า 550 SPYDER นั้น นับว่าเป็นรถที่มีคุณค่าสูงลิบ เป็นสปอร์ตยุคนั้นที่เป็นเครื่องแบบวางกลาง หรือ Mid-ship (รถเต่าเป็นเครื่องท้าย) เป็นรถที่ผลิตมาเพื่อการแข่งขัน มีจำนวนเพียง “90 คัน” ทั่วโลก !!! ไม่แปลก ที่มันจะแพงอะไรขนาดนั้น ปัจจุบันก็นิยมทำ “จำลอง” หรือเรียกให้หรูๆ ก็ว่า “Replica” แต่คันนี้มาแบบเหนือธรรมดา เป็นขุมพลัง Rotary ตามสไตล์ของ OYSTER VW จะแสบสันมันส์สะเด่าแค่ไหน เราจัดให้แฟนๆ XO AUTOSPORT ดูกันแบบ Exclusive จริงๆ…
ตำนานที่ “ลี้ลับ” (Mystery) เป็นที่กล่าวขวัญของคนทั่วโลก ว่ามันคือ “Cursed PORSCHE” หรือ “ปอร์เช่ต้องคำสาป” จนกลายเป็นตำนาน “พาหนะหลอน” (Haunt Vehicle) ระบือโลก ที่ใครๆ ก็อยากจะรู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับเจ้า PORSCHE 550 SPYDER ที่ดาราหนุ่มสุดฮอตอย่าง James Dean โดนอาถรรพณ์ของมันพาไปถึงฆาต!!! และหลังจากนั้น ก็มีเรื่องราวหลอนๆ เกิดขึ้นกับคันนี้อีกมาก กระแสดังไปทั่วโลก ทำให้ PORSCHE 550 SPYDER โด่งดังและโคตรมหาแพงขึ้นต่อเนื่อง (รถแท้นะ) ลองมาดูตำนานหลอนๆ กัน เพื่อให้รู้ว่าที่มาเป็นยังไง…
James Dean นอกจากจะเป็นดาราแล้ว ยังชอบในมอเตอร์สปอร์ตอย่างมาก เริ่มแข่งขันโดยซื้อรถ PORSCHE SUPER SPEEDSTER โมดิฟายจาก Competition Motors ใน Hollywood, California ในปี 1955 เขาได้เอา SPEEDSTER ไป Trade สอยเจ้า PORSCHE 550 SPYDER ที่มีความแรงและเร็วเหนือชั้นกว่า ซึ่งรถรุ่นนี้ผลิตมาเพื่อใช้แข่งขันโดยเฉพาะ โครงสร้างเป็น Spaceframe ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียมและบางชิ้นส่วนก็ใช้ไฟเบอร์กลาส แต่มันไม่ควรนำมาวิ่งบนถนน เพราะลักษณะของตัวรถไม่อำนวย มันจึงเหมาะกับการอยู่ใน Track เท่านั้น… รถคันนี้มีเลขตัวถังสุดสวย VIN 550-0055 หรืออาจจะหมายถึง “550 คันที่ 55” ก็ได้ ซื้อเพื่อลงแข่งขันในรายการ Salinas Road Race ในเมือง Salinas, California ทาง Dean ก็ได้ส่งรถไปให้ George Barris นักแต่งรถยอดฝีมือ ฉายา “King of Kustomize” (เขียนไม่ผิดหรอก อเมริกันชอบ “สแลง” แบบนี้แหละ) จัดการทำเบาะใหม่เป็นคาดสีแดง หรือแนว Tartan Seat ท้ายรถคาดแถบสีแดงตั้งแต่ไฟท้ายขึ้นมา ทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น ซึ่งบางคนก็บอกว่าดูแล้ว “สยอง” เหมือนปิศาจสำหรับชื่อของมัน คือ “Little Bastard” ถ้าแปลเป็นไทยแบบเก๋ๆ ก็คือ “ระ Yum น้อย” จริงๆ แล้ว ชื่อนี้มาจาก Bill Hickman ซึ่งเป็น Stunt Driver หรือ “มือขับสตั๊นต์” ที่สนิทกับ Dean เขาเรียก Dean ว่า Little Bastard ส่วน Dean ก็เรียก Hickman ว่า “Big Bastard” ก็ “ระ Yum ตัวพ่อ” เลยเอามาตั้งชื่อรถคันนี้ เรื่องของเรื่องก่อนจะเป็นเรื่อง ก่อนหน้านั้น Deans ดันไปเจอดารารุ่นใหญ่ Alec Guinness ณ หน้าห้องอาหารใน Hollywood ได้ถามว่า “รถผมเป็นอย่างไรบ้าง” กะจะอวดเต็มที่ แต่ Guinness กลับรู้สึกตรงกันข้าม ซึ่ง Dean ได้รับคำตอบที่น่าสะพรึงว่า “รถคันนี้สัมผัสได้ว่ามีพลังร้ายๆ (Sinister) อาถรรพณ์แรงๆ อยู่ ถ้ายังขับรถคันนี้ ไม่เกิน 7 วัน ตายแน่ !!!” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Guinness รู้จริงหรือเปล่า ถ้ารู้แล้ว รู้ได้ยังไง ที่แน่ๆ คนหัวสมัยใหม่อย่าง Dean คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เพราะหัวสมองเขามีแต่ “แข่ง” เท่านั้น…
7 Days Go Death
อีก 7 วันถัดมา วันที่ 30 กันยายน 1955 ซึ่ง Dean จะต้องออกเดินทางจาก California เพื่อไปแข่งในวันที่ 1-2 ตุลาคม โดยมี Hickman “Big Bastard” เป็นคนขับรถ FORD VAN ที่ลาก Trailer แต่ Rolf Wütherich ช่างโมดิฟายชาวเยอรมัน ที่มาจาก PORSCHE โดยตรง อยู่ที่ Competition Motors บอกว่า ให้ Dean ขับ Little Bastard ไป แทนที่จะขึ้นเทรลเลอร์ เพื่อ “รันอิน” เครื่องยนต์ และทดสอบทุกอย่างไปด้วย ซึ่ง Rolf ก็ได้นั่งไปข้างๆ เนื่องจากรถเพิ่งเสร็จ ไม่มีเวลาทดลอง Dean เลี้ยวซ้ายเข้าทางลัด ถนนเส้น SR 166/33 (SR = State Route not SR20 Engine) เพื่อลัดไปสู่ Salinas ถนนนี้พวกนักแข่งจะรู้กันดี เรียกว่า The Racer’s Road ซึ่งอาจจะมีการเหนี่ยวกันแถวนี้เพื่อลองรถก่อนไปสนาม วิ่งไปถึง Route 466 (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น SR 46) เกมชีวิตมรณะของ Dean เริ่มเปลี่ยน ณ จุดนี้ !!!
Dean จัดการเหนี่ยว Little Bastard อย่างเร็ว เหมือนซิ่งสั่งลา ทิ้งทีมงานไว้ข้างหลังลิบตา จนถึงแยกที่ตัดกันระหว่าง Route 466 กับ Route 41 มีรถ FORD TUDOR ที่ขับโดย Donald Turnupseed เลี้ยวซ้ายจากถนน SR 466 จะไปยัง SR 41 ตัดหน้า Dean ที่ควบมาด้วยความเร็วถึง 85 mph หรือเฉียดๆ 140 km/h ในระยะประชิด (ความเร็วนี้มีการคำนวณในลักษณะ Simulate หรือ จำลองเหตุการณ์ เช่น น้ำหนักของรถทั้งสองคัน ทิศทางการชน ระยะทางการกระเด็นของรถ พวกนี้สามารถคำนวณตามหลักฟิสิกส์ได้ครับ) Dean พยายามจะหลบ แต่ด้วยความเร็วและระยะประชิดนรก จึงทำได้แค่ “ชน” และพลิกคว่ำ Dean อาการสาหัสสุด ร่างของเขาติดอยู่กับ ระ Yum น้อย ที่ตอนนี้เรียกว่า “ซาก” ได้ลาโลกขณะนำส่ง รพ. (Dead on Arrival) ส่วน Rolf ก็โดนเหวี่ยงออกมากลิ้งอยู่นอกรถ เรียกว่าสาหัสพอประมาณ แต่ไม่ถึงตาย นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตามที่ Guinness ได้บอกไว้เมื่อ 7 วันที่แล้วพอดีเป๊ะ…
ส่วนคำให้การของ Donald บอกไม่เห็นรถของ Dean ถ้าเหตุผลในด้านความจริง คือ “รถเตี้ยมากจนสังเกตได้ยาก” หากอยู่บนรถสูงและมีขนาดใหญ่กว่ามากๆ ไอ้เรื่อง “มุมบอด” นี่เคยเจอกันเป็นเรื่องปกติครับ อีกอย่างคือ รถเป็นสีบรอนซ์เงิน อาจจะกลืนไปกับแสงแดด (ตอนชนเป็นช่วงบ่าย) และเกิดภาพลวงตาเหมือนกระจกเงาสะท้อนจากถนน (Mirage) เลยทำให้ภาพพร่ามัว หรือ “อาจจะมีอะไรบังตาจริง เพราะดวงถึงฆาต” ตามความเชื่อด้านลี้ลับ หรือ “คนขับรถตัดหน้าประมาท” คิดว่าไม่มีรถ (ซึ่งตอนนั้นถนนก็น่าจะโล่งจริงๆ เพราะรถยังมีน้อย) อันนี้แล้วแต่จะเชื่อนะครับ แต่มุมมองของผมก็จะแชร์เหตุผลทั้งทาง “วิทยาศาสตร์” มาร่วมด้วย ส่วนเรื่อง “ไสยศาสตร์” ส่วนตัวไม่ขอพูดถึงครับ เอาว่า “ฟังไว้ก่อน” แต่ไม่ต้องงมงายแล้วกัน…
เมื่อคนจากไป แต่ Little Bastard ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ขณะที่เป็นซาก ก็มีตำนานอาถรรพณ์มากมายจนคนเรียกว่า “Cursed of James Dean Car” ขนาด Barris ซื้อซากกลับมา กะว่าจะเอามาปั้นใหม่ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับเพื่อนรัก ก็เจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ แปลกๆ ที่ยากจะพิสูจน์มากมาย เช่น กำลังยกซากรถลงเก็บไว้ที่อู่ ก็เกิดหล่นมาทับคนขาหักทั้งสองข้าง Barris จัดการแยกขายอะไหล่ไป เช่น เครื่องซิ่ง เกียร์ คนที่ซื้อไปทั้งสองคนก็แข่งแล้ว “มิด” ตายทั้งคู่ ใครซื้ออะไหล่คันนี้ไป ก็เจอแต่เรื่องตาย และทางการได้ขอเช่าคันนี้ไปจอดโชว์เพื่อเตือนสติคนขับรถทั่วไป พอเอาไปเก็บไว้ เกิดไฟไหม้โรงรถวอดหมด แต่มันยังรอดอยู่คันเดียว??? พอเอาไปโชว์ อยู่บนแท่นยึดไว้ดีๆ ก็เสือกหล่นมาทับนักเรียนได้รับบาดเจ็บ อื่นๆ อีกมากมาย เช่น โจรงัดเข้ามาในโรงรถ เพื่อจะขโมยของคันนี้ เช่น พวงมาลัย และ “เบาะเปื้อนเลือด” นอกจากจะเอาอะไรไปไม่ได้ ยังโดนชิ้นส่วนตัวรถที่ขาดๆ ยับๆ บาดแขนเป็นแผลเหวอะหวะ แถมขณะขนย้ายโดยรถบรรทุก มันตกจาก Trailer ถึง 3 ครั้ง ได้เอง ทั้งๆ ที่ได้ผูกมัดไว้อย่างดีแล้ว ครั้งสุดท้าย รถบรรทุกจู่ๆ เกิดคว่ำ (ด้วยเหตุใดก็ตอบไม่ได้) คนขับกระเด็นออกมาจากรถ (สมัยนั้นยังไม่เคร่งเรื่องคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะไม่มีใครมาตรวจเหมือนสมัยนี้) ก็โดนไอ้ระ Yum ตัวน้อย “บินทับ” เข้าไปอีกที เป็นรถมรณะของแท้ จนรถแยกร่างออกมาถึง 11 ชิ้น !!!
ตอนหลังชักเรื่องเยอะ ทางการก็ได้ส่งกลับคืนไปให้ Barris เพราะทนเฮี้ยนไม่ไหว ระหว่างที่ขนส่งจาก Miami กลับมา California มันก็ได้ “อันตรธาน” หายไปจากตู้ขนส่งซึ่งมีการล็อกอย่างดีไปซะเฉยๆ แบบไร้สาเหตุ (ก็ไม่รู้ว่าโดน “ตัดตอน” จิ๊กเอาไปขายหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบได้) และหายไปกว่า 60 ปี จนถึงบัดนาว แต่ว่า ณ ตอนนี้ ทางพิพิธภัณฑ์รถเก่า Volo Auto Museum (ในบางเว็บเขียนว่า Volvo ไม่ใช่นะครับ) มีการ “ล่าหัว” Little Bastard ว่าถ้าใครเจอ “รถแท้” แต่ต้องสามารถพิสูจน์ได้จริงว่าใช่ และซื้อขายได้ถูกกฎหมายจริง มีรางวัลชี้เป้าถึง 1 ล้านเหรียญ และมีเศรษฐีรอซื้อมันด้วยงบไม่อั้น!!! จะเจอจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ มีหลายกระแส แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ เราก็รู้ไว้แต่เพียงว่า ทำไม PORSCHE 550 ถึงเป็นรถที่มีตำนานและคนสนใจมากขนาดนี้ ดังก็เพราะเรื่องอาถรรพณ์นี้แหละ…
ข้อมูลบางส่วน : www.wikipedia.org “Death of James Dean”
- เกิดใหม่ในใจกลางเมือง กับ First of 550 SPYDER Drag Car ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด เปลี่ยนเบอร์จาก 130 ของ James Dean
- เปลี่ยนสีกันหน่อย จากบรอนซ์เงิน เป็น “เทาแชมเปญ” ที่อยากจะให้รถเตะตามากขึ้น เพราะสีบรอนซ์เงินกับรถเล็กๆ จะดู “กลืน” และ “ไม่เด่น” ตามหลัก
จากตำนานความ “สยอง” เราก็มา “สยิว” ด้วย PORSCHE 550 Replica โดยฝีมือของ OYSTER VW ที่ปั้น RotoBug มาแล้ว ก็เลยอยากจะได้บอดี้แปลกๆ บ้าง ในสุดยอดสารบบของรถที่ผลิตจากหลังกำแพงเมือง Stuttgart ก็ย่อมจะต้องไม่พ้น 550 SPYDER เป็นแน่แท้ ณ ตอนแรก ก็คิดว่ามันจะไปได้มั้ย แต่เท่าที่เคยลองทำเต่ามาแล้ว ไอ้นี่พื้นฐานเดียวกันก็ไม่น่าจะยากอะไร เพียงแต่เน้นเรื่องการถักโครง จุดยึดต่างๆ รวมถึงวัสดุที่แข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะ Roll Cage ที่ปกป้องคนขับไว้ ส่วนเครื่องยนต์ แน่นอนว่าต้องเป็น 13B-REW ที่ให้ทาง JICA TUNING เป็นผู้จัดการโมดิฟายให้ แต่ขอเป็นแบบ “ไร้หอย” เนื่องจาก 550 SPYDER เป็นรถที่มีน้ำหนักเบามากอยู่แล้ว อย่างคันนี้ Replica ขึ้นมา น้ำหนักตัวเปล่าเพียง 380 กก. !!! ซึ่งเครื่อง N.A. ก็พอเหลือเฟือแล้ว เพราะเรามาคิด “แรงม้าต่อน้ำหนัก” คิดแล้วได้อะไร…
- ให้เห็นความเตี้ยของรถ “สเกลจริง” ยืนยังเลยหัวเข่ามาหน่อยเดียว เหมือนกับโกคาร์ท (จริงๆ Dr. Porsche ก็จะให้เป็นฟีลลิ่งนั่นแหละ) คันนี้จะเซตให้หน้าทิ่มหน่อย เพราะ “เผื่อยก” เวลาออกตัว และเวลาวิ่งเร็วๆ ลมจะได้ไม่ช้อนหน้าลอย เพราะเครื่องมันอยู่ด้านท้ายหน้าจะเบามาก
- ท่อลั่นๆ เสียงแตกๆ สนั่นหู ตอนถ่ายทำนี่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดติดเครื่อง
Power Weight Ratio
เราเรียกกันว่า “อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก” คิดกันง่ายๆ โดยการเอา “น้ำหนักรถ” แล้วหารด้วย “แรงม้า” ก็จะได้เป็นตัวเลขที่จะบอกว่า “1 แรงม้า จะต้องแบกน้ำหนักเท่าไร” พวกนี้ควรจะต้องคำนวณกันด้วย ว่าแรงม้าที่มีเหมาะสมหรือไม่ ถ้าลองคิดกันง่ายๆ รถแรงม้าเยอะ แต่น้ำหนักมากๆ กับรถแรงม้าพอดีๆ แต่น้ำหนักน้อยๆ แรงม้าเยอะ กลับต้องไปแบกน้ำหนักมากกว่า แรงกว่าจริง แต่รถอาจจะเร็วสู้แรงม้าพอดีๆ แต่น้ำหนักเบาๆ ไม่ได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องแรงม้ามาโม้กันนะเว้ย แต่มันเกี่ยวกับหลายอย่าง เช่น อัตราเร่ง การเข้าโค้ง การเบรก ถ้ารถน้ำหนักน้อยก็จะลดภาระลง การตอบสนองก็จะไวขึ้นกว่ารถที่มีน้ำหนักมาก ตอนนี้ลองมาดูกันว่า คันนี้จะมีแรงม้าต่อน้ำหนักเท่าไร…
น้ำหนักรถรวมคนขับพร้อมชุดแข่งเต็มระบบ = 450 กก. โดยประมาณ…
แรงม้าตามเป้าหมาย ตีเลขกลมๆ = 260 PS
หารออกมา = 1 แรงม้า แบกน้ำหนักเพียง 1.74 กก. โดดดึ๋งเลยจ้า…
- ชุดเบรกทั้งหมดเป็นของ ATE (เอเต้) สายพันธุ์เยอรมัน
จัด 4 Links กับ Swing Axle เดิม (จนได้)
คันนี้วางตำแหน่งเครื่องแบบ “ห้อยท้าย” เหมือนกับเต่า จริงๆ แล้ว 550 เครื่องจะต้องหันมาอยู่ “กลางลำ” ตามแบบ Mid-ship Engine เหมือนกับ Super Car แต่ด้วยความที่อยากจะลองทำแบบนี้ก่อน อยากเห็นเวลาดีๆ บนพื้นฐานเครื่องท้าย ครั้งหน้าจะพัฒนาด้วยการหันเครื่องอีกครั้งก็ไม่ยากเพราะวางแผนไว้แล้ว แต่ต้องสลับเกียร์ใหม่ เพราะเกียร์เดิมเต่า พอหันเครื่องกลับไปด้านหน้ามันจะกลายเป็น “เดินหน้าเกียร์เดียว ถอยหลังสี่เกียร์” นั่นเอง…
สำหรับระบบช่วงล่าง คันนี้ก็สร้างเป็นแบบ 4 Links ตอนแรกก็ยังงงๆ อยู่ว่าจะสร้างยังไงวะ เพราะตามความเข้าใจของเรา มันต้องเป็นช่วงล่างแบบคานแข็ง แต่ช่วงล่างเต่ามันเป็นแบบอิสระ Swing Axle โบราณๆ (รุ่นแรกนะ รุ่นท้ายๆ เปลี่ยนเป็น Semi-Trailing Arm ที่ผมเคยเขียนไปใน RotoBug เล่มคราวก่อนนู้นนนนน) ซึ่งทาง OYSTER VW ได้สร้างใหม่ โดยการเอา Arm ประคองในแนวตามยาวของตัวรถอันเดิมออก แล้วสร้าง 4 Links ขึ้นมาจับกับเสื้อเพลาข้างแทนทั้งสองฝั่ง ตอนนี้ เท่ากับว่าจะเป็นช่วงล่าง 4 Links ที่ “สามารถปรับตั้งได้” ซึ่งหน้าที่ของมัน จะเป็นตัวกำหนดว่าเวลาออกตัวให้ “งัดรถ” มากน้อย หรือ “เปลี่ยนทิศทาง” ไปยังไงบ้าง มันปรับได้ทั้ง “มุมกระดกและมุมเงย” รวมถึง “มุมเอียงของเพลาด้านซ้ายและขวาในขณะเคลื่อนที่” ช่วย “แก้ทางรถให้ไปตรง” นั่นเอง…
Comment : OYSTER VW TECHNOLOGY
จริงๆ จาก RotoBug คันก่อนที่เคยลงปก XO AUTOSPORT ไป คันนั้นผมจะทำวิ่งรุ่น PRO 4 เพื่อวิ่ง SOUPED UP แต่ไม่ได้วิ่ง เพราะน้ำหนักเบาเกินไป ปีนี้ก็เลยอยากจะหารถแปลกๆ มาสร้างเป็น Drag Car โดยยังเป็นพื้นฐานของ VW หรือ PORSCHE ในยุคก่อน ถ้าแปลกที่สุดก็จะต้องเป็นตำนาน James Dean ก็คือ PORSCHE 550 SPYDER ซึ่งผมก็ลองศึกษาดูแล้วว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเอามาทำรถ Drag กัน เพราะฉะนั้น “เราต้องทำ” ตั้งเป้าไว้รุ่น PRO 4 N/A เพราะดูสรีระแล้ว มันน่าจะมันส์ดี เราไม่กลัวเรื่องการสร้างรถ เพราะเราสามารถ Custom โครงสร้างตามที่เราต้องการได้ ตัวถังเป็น “คาร์บอนไฟเบอร์” แล้วก็เพิ่ม Roll Cage ป้องกันเวลาเกิดอุบัติเหตุ แล้ว Wind Shield ด้านหน้าก็เป็น “โพลีคาร์บอเนต” ที่ไม่แตกกระจายเหมือนกระจกจริง ส่วนเครื่องยังเป็น Rotary เพราะเราปั้นให้แรงได้ง่ายกว่าเครื่อง VW Flat-4 ในงบประมาณที่น้อยกว่า จริงๆ แล้วคันนี้ก็เป็น Prototype อนาคตอาจจะสร้างเป็นแข่งเซอร์กิต หรือขับเล่นทั่วไปได้ คันนี้ก็ใช้เวลาสร้าง 3 เดือน เสร็จแล้วก็พอใจมากครับ สำหรับเรื่องแรงม้า ตอนที่วัดได้ล่าสุดแถวๆ 230 PS ไม่นิ่ง เพราะรถมีอาการเต้น ถ้าสมบูรณ์ ผมหวังไว้พื้นๆ 260 PS แต่ถ้าสุดจริงๆ เปิดรอบหลักหมื่น ก็ควรจะมี 300 PS แน่นอน คันนี้ผมกะเวลาไว้เห็นเลข 10.xx วินาที ก็ดีใจแล้วครับ เพราะเราไม่สามารถขยายความจุได้เหมือนเครื่อง 4 สูบ ทั่วไป ก็คงต้องค่อยๆ พัฒนาต่อไป ท้ายสุด ขอขอบคุณ Jica Tunning, Too Korat, Gao Progress, Lard Bangyai, Sitt Turbo, Dong Fiber, Rat Slide On, Onepoint และ ทีมงาน Oyster Volkswagen Technology ด้วยครับ…
- บรรยากาศ Good Old Car Day ก็ต้องเกจ์แบรนด์นี้ ซึ่งเป็นของใหม่แต่ยังผลิตสไตล์ดั้งเดิมโบราณสำหรับสายปีลึก
Comment : อินทรภูมิ์ แสงดี
หลังจากที่ได้ข่าวว่า James Dean กับ Little Bastard ฟื้นคืนชีพแบบ “Thailand Version” ก็ยอมรับว่าทาง OYSTER VW นั้น “เข้าขั้น” จริงๆ กับการทำรถแนว Custom Made แปลกๆ ออกมาเป็นรถแข่งจนได้ คันนี้ดูแล้วโดนใจจริงๆ กับงานแนวๆ Create ซึ่งต้องคิดและสร้างกันเองทั้งหมด “ชอบครับ” อย่างน้อยก็ได้ออกไอเดียแปลกๆ กันบ้าง ซึ่งงานออกมาก็สวยเรียบร้อยดีตามความตั้งใจ ก็ต้องรอดูว่าคันนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วจะวิ่งเวลาเท่าไร ท้ายสุด ขอขอบคุณทีม OYSTER VOLKSWAGEN TECHNOLOGY ทุกท่านด้วยนะครับ…
- สร้าง Roll Cage ไว้สำหรับป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เบลท์ยังไม่ได้ใส่ เพราะรอของมาอยู่
- พวงมาลัย MOON for Drag จับตรงๆ ไม่เน้นเลี้ยว
X-TRA Ordinary
สงสัยจริงๆ ว่าทำไมถึงใช้ชื่อว่า OYSTER VW ซึ่งดูแล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรถโฟล์คเลย เท่าที่ลองสอบถามดู ก็มาจากว่า สมัยก่อนก็จะมีกลุ่มพรรคพวก ลูกค้า ที่เล่น “เต่าเทอร์โบ” ซึ่งทาง “บอย ออยสเตอร์” กับเพื่อนๆ ว่าตอนนั้นจะเอาชื่อทีมและชื่ออู่ว่าอะไรดี ตอนนั้นมีเพื่อนในทีมใส่นาฬิกา ROLEX OYSTER PERPETUAL ก็เลยคิดว่า OYSTER มันคือ “หอย” ก็หมายถึง “เทอร์โบ” ฟังดูแล้วมันเก๋ๆ ก็เลยเอาอันนี้แหละวะ มาตั้งชื่อทีมและชื่ออู่…
- ขุมพลัง 13B-REW Direct Port เสียงจุดระเบิดสนั่นลั่นกรุง หากจะเพิ่มกำลังอัด ไม่เหมือนเครื่องลูกสูบที่สามารถเปลี่ยนปะเก็นบางได้ โรตารี่ไม่ได้ ต้อง “เปลี่ยนโรเตอร์” มาใช้ของ RX-8 ซึ่งเป็นเครื่อง N.A. ที่กำลังอัดสูงกว่า
- โช้คอัพต้อง Custom ใหม่ เพราะคันนี้มันเป็น Prototype ซึ่งยังไม่มีใครเคยทำและเคยลองแน่นอน
- 4 Links ที่เกาะกับเพลาข้างแบบ Swing Axle เดิม
Contact
OYSTER VW TECHNOLOGY : Facebook/OYSTER VW, Tel. 08-6953-5353
TECH SPEC
ภายนอก
ตัวถัง และ เฟรม : PORSCHE 550 SPYDER Replica by OYSTER VW
กระจกมองข้าง : Carbon Fiber Custom Made
ภายใน
เกจ์วัดทั้งหมด : Auto Gage Classic by Auto Meter
พวงมาลัย : MOON for Drag
หัวเกียร์ : Dragon Ball
คันเกียร์ : EMPI
เบาะนั่ง : KIRKEY
แผงสวิตช์ : MOROSO
ชุดแป้นเหยียบ : JAMA
เครื่องยนต์
รุ่น : 13B-REW by JICA Tuning
พอร์ต : Direct Port
Apex Seal : by JICA Tuning
ชุดลิ้นเร่ง : Custom Made
หัวฉีด : BOSCH for E85
เร็กกูเลเตอร์ : AEROMOTIVE
เฮดเดอร์ : SITT TURBO
ออยล์คูลเลอร์ : EARL’S
หม้อน้ำ : Custom Made
ถังดักไอน้ำมันเครื่อง : BILLIONS
ระบบจุดระเบิด : JICA TUNING
กล่อง ECU : HKS F-CON V PRO by ตู่ โคราช
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ : VW Beetle Mod. By OYSTER VW
ชุดคลัตช์ : OS Twin Plates
เพลาขับ : SWAY AWAY Chrome-Moly Custom Made
ช่วงล่าง, เบรก
โช้คอัพ : TUNER CONCEPT Custom Made
ลิ้งค์ช่วงล่าง : 9 Progress
ตัวล็อกเบิร์นยาง : JEGS
ล้อหน้า : WELD ขนาด 3.5 x 15 นิ้ว
ล้อหลัง : WELD ขนาด 10 x 15 นิ้ว
ยางหน้า : HOOSIER
ยางหลัง : HOOSIER 275/60R15
เบรก : ATE