Q&A Online : ถอดรหัส “เกียร์สามครึ่ง” ??? จาก AE86 นักดริฟต์ในตำนาน Keichi Tsuchiya

 

Q&A Online

ถอดรหัส “เกียร์สามครึ่ง” ???

จาก AE86 นักดริฟต์ในตำนาน Keichi Tsuchiya

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ที่ปรึกษา : คุณสุชาติ เทเวศม์อุดม (พี่เหน่ง DRIVER MOTORSPORT) 

บนโลกโซเชียลที่กระหน่ำแชร์คลิปรถแข่ง รถซิ่งต่างๆ มา ซึ่งบางอย่างก็ชวนสงสัยว่า “ทำไปทำไมวะ” เราจึงพยายามคลายข้อสงสัยให้กับแฟนๆ XO AUTOSPORT ได้เข้าใจ อย่างคลิปนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นรถ AE86 ของ “นักแข่งเซอร์กิต” และ “นักดริฟต์” ระดับ “ตัวพ่อ” คือ “เคอิจิ ซึชิยะ” ที่ขับ R32, NSX US Spec, PORSCHE 993 ทั้งหมดนี้เป็นรถ Group A ทีม TAISAN RACING คู่กับ “คูนิซัง” ที่ขับมาตั้งแต่ C10 GT-R ตัวแข่งในตำนาน ด้วยลีลา “ท้ายไหล” เป็นจุดกำเนิดที่ให้ ซึชิยะ ได้ทำตามแบบ จนเกิดเป็น Drift ขึ้นมา ย้อนกลับมาที่ AE86 คันนี้ เป็นรถส่วนตัวของ ซึชิยะ เอง ที่ชื่นชอบในฟิลลิ่งความดิบของ AE86 มันอาจจะไม่ใช่รถเทพที่สุด และอุปนิสัยของมันก็จะเป็นรถที่ “ต้องแก้ทางเป็น” ถึงจะขับสนุก ไม่ใช่แบบ “คอมพิวเตอร์คุม” ทุกอย่างมาจากฝีมือล้วนๆ จึงเป็นเสน่ห์…

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome

 

ในคลิปจะเห็นว่าเกียร์มันตำแหน่งแปลกๆ คือ มีเกียร์ “3.5” โผล่มาในตำแหน่งเกียร์ 5 เดิม เวลาขับก็ต้องจาก 3 ไป 3.5 แล้วโยกมาลง 4 เวลา Shift Down คงปวดกบาลหนัก เพราะจาก 4 ต้องดันไป 3.5 แล้วก็โยกข้ามร่องมา 3 แต่ถ้าจังหวะจวนตัวก็จะ 4-3 เลย คนดูก็ยิ่งงง “ลุง” ซึชิยะ แกทำอะไรวะ เป็นคำถามที่มีเข้ามาเยอะมาก เราจึงต้องมา Q&A กัน ก่อนอื่น เรามาดูกันก่อนว่า อะไรเป็นอะไร แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้…

 

Q : เกียร์ 3.5 คืออะไร

A : พูดง่ายๆ ก็คือ “เกียร์สามครึ่ง” นั่นเอง เป็นการนำเฟืองเกียร์อัตราทดที่อยู่ระหว่างเกียร์ 3 และ 4 เพื่อมา “อุด” ให้มันชิดขึ้น เนื่องจากช่วงเกียร์ 3 เราต้องการอัตราเร่งมาก พอลง 4 มันก็ห้อยไปหน่อย เพราะอัตราทดเหลือ 1 : 1 เครื่อง 4A-GE มีแรงบิดไม่เยอะนัก แต่ “มีรอบ” ก็เลยต้องเอา “สามครึ่ง” มาคั่นกลาง เพื่อสร้างอัตราเร่ง Shoot ไปก่อนจะเกียร์ 4 เหตุผลก็มีแค่นี้แหละครับ ไม่มีอะไรในกอไผ่…

 

Q : ทำไมต้องไปไว้ตำแหน่งเกียร์ 5

A : พูดถึงโครงสร้างเกียร์ 5 สปีด ของรถขับหลังทั่วๆ ไปก่อน เฟืองเกียร์ 1-2 จะอยู่ในราวเดียวกัน เหมือนกับ 3-4 ก็จะอยู่ราวเดียวกันอีกอันหนึ่ง เพราะฉะนั้น การจะเอาเกียร์ 3.5 ไปแทรกไว้นั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะทำก็คือ “เรียงอัตราทดใหม่หมดทั้งราว” และเกียร์ 4 เป็น 1 : 1 แบบ “ขับตรง” อีกต่างหาก มันได้อย่างเสียอย่าง ถ้าทำต้องทำให้ทั้งหมด เว้นแต่เป็นเกียร์ 6 สปีด ที่สามารถ “ซอย” อัตราทดได้ชิดมากขึ้น ซึ่งสมัยก่อน เกียร์ Close Ratio มีขายก็จริงแต่แพงมาก เพราะสำหรับรถแข่ง ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เทคโนโลยีกับเครื่องจักรพัฒนามากขึ้น ก็ทำกันให้เกลื่อน ราคาก็ถูกลงมาก เลือกอัตราทดได้ด้วย ครั้นจะเปลี่ยนเฟืองท้ายให้จัดขึ้นมันก็ทำได้ แต่ก็ได้แค่มุมเดียว ช่วงห่างระหว่างเกียร์ก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี…

ส่วนเกียร์ 5 นั้น ในสนามทั่วไปที่ความยาวไม่มาก ปกติก็จะไม่ค่อยใช้กันมากนัก โดยมากก็จะเป็น 2-4 ก็เลยเอาเฟืองเกียร์ 5 ออกไปซะ และหาเฟืองทดที่ “แยกออกมาต่างหากหนึ่งคู่” ไม่รวมกับใคร เพราะฉะนั้น การจะเปลี่ยนอัตราทดถึง “ง่าย” ไปหาเฟืองที่มีอัตราทดตามต้องการมาคู่นึง ซึ่งต้องอยู่ระหว่างเกียร์ 3 และ 4 แล้วจับสะเวิ๊บใส่ซะ มันก็เลยเป็น 3.5 แต่อยู่ในตำแหน่งเกียร์ 5 เดิม เวลาขับก็ต้องท่านั้น แต่จริงๆ เหมือนทำเอามันส์มากกว่า เพราะเสี่ยงต่อความบรรลัยสูงถ้า “มึน” จาก 4 จะยัด 5 เสือกเป็น 3.5 รอบฟาดทีล่ะมึ้งงงงงงงงงงงง คงได้แยก Factor เป็นชิ้นๆ แน่ ปัจจุบันก็เลยไม่ทำกัน เพราะเกียร์ 6 สปีด หรือ เกียร์โมดิฟายต่างๆ มีเยอะแยะมากมายแล้วนั่นเองครับ…

 

Q : แล้วจะมีรถที่มีเกียร์ประหลาดๆ แบบนี้อีกไหม

A : มีครับ กล้าพูดเลย เพราะพ่อผมเคยใช้ TRIUMPH รถอังกฤษ ที่เป็นเกียร์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ประหลาดๆ มีปุ่มที่หัวเกียร์อีก 2 จังหวะ คือ ระหว่างเกียร์ 3 กับ 4 ก็คือ 3.5 และมีอีกจังหวะ คือ Overdrive ซึ่งก็คือเกียร์ 5 ไอ้สองเกียร์นี้จะใช้ “โซลินอยด์” เป็นตัวเข้าเกียร์ ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ด้วยนะเออ เท่ากับมี 6 เกียร์เดินหน้า เป็นเทคโนโลยียุคก่อนที่โคตรล้ำ แต่ก็ด้วยโครงสร้างซับซ้อน จึงไม่นิยมทำกันอีก…