SUPER FAST 370Z Space Frame by RAM77 & SPEED D

 

เรื่อง : ระเด่น เศรษฐพานิช (SPEED D)

เรียบเรียง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : ทวีวัฒน์ วิลารูป, ศราวุธ เวียงสมุทร      

Yellow Hot !!!  

SUPER FAST 370Z Space Frame by RAM77 & SPEED D

Souped Up 2010 : 1,011 WHP !!!

Next Over 1,400 WHP o_O !!!

ชื่อ RAM 77 ขาใหญ่ในวงการ “จึ๊กเดียวจบ” หรือ “ควอเตอร์ไมล์” ที่สามารถคว้ารางวัล “รถที่เร็วที่สุด” ใน SOUPED UP THAILAND RECORDS 2010 ปี ด้วย Dragster ตัวเจ็บ ที่เราได้นำเสนอกันไปแล้วในช่วงต้นปี 2554 และแน่นอนว่า ทางทีมงาน RAM77 ที่นำทีมโดย “เสี่ยตา” บุญตา วรรณลักษณ์ กับ SPEED D หรือ ระเด่น เศรษฐพานิช คู่หู ผลงานล่าสุดก็คือ 370Z คันนี้ ที่เป็นรถแบบ Space Frame แบบมีกระดองครอบ โดยมีชื่อว่า SUPER FAST 370Z ที่มีแรงม้า “กว่าพัน” แต่ยังไม่พอ อนาคตข้างหน้าได้เตรียมเครื่องที่ขยายเต็มเป็น 3.5 ลิตร หวังแรงม้าไว้กว่า 1,400 WHP เน้นว่า “ลงล้อ” ก็ไม่อยากคิดว่ามันจะ “ปลิว” ไปขนาดไหน สำหรับบทความในครั้งนี้ ผมก็มอบหมายให้ SPEED D เป็น “ผู้เล่า” เกี่ยวกับเรื่องราวของรถคันนี้แบบละเอียด…

Inspiration

จุดกำเนิด เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า มีลูกค้าท่านหนึ่งเกิด “แรงบันดาลใจ” เนื่องจากไป “สะดุดรัก” เจ้า 350Z Space Frame คันเก่าของ RAM77 เห็นแล้วมัน “ปรี๊ดดดดส์” อาการ “คัน” กำเนิด เลยอยากได้บ้าง แต่มีข้อแม้ว่า “รูปแบบต้องไม่เหมือนใคร” มีการคุย Concept เอาไว้ คือ “ต้องสุด” ทั้งนอกทั้งใน ภายนอก เส้นสายต่าง ๆ แนวตัวถัง ทุกอย่างต้อง “เป๊ะ” ก็คิดเอาว่า ลงทุนไปเบิก ไฟหน้า ไฟท้าย 370Z ของใหม่ หมดไป “แสนกว่า” และใช้ได้จริง โจทย์ต่อมาก็คือ ต้องให้ “มิติ” ไปเหมือนพวกรถ  Pro Mod ของ NHRA หลังคาต้องเตี้ย รถต้องยาว เปิดเข้ามาภายใน ต้องสุดเช่นกัน ความเรียบร้อยมาเป็นอันดับหนึ่ง พวกอุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ มีของอะไรดี ๆ ใส่ให้หมด ส่วนเรื่อง “ความแรง” งานนี้ไม่ต้องพูดถึง “เต็ม Max จัดหนัก” แน่นอน !!!

JBRC Tube Frame Assembly by RAM77

หลังจากถูกใจทั้งคนทำและคนจ่ายเงิน ก็ได้เริ่มโครงการ SUPER FAST 370Z โดยการติดต่อไปยัง JBRC หรือ Jerry Bickel Race Car ซึ่งเป็นสำนักแข่งของอเมริกา ซึ่งดังมากในเรื่องของการสร้างรถสไตล์ Tube Chassis ตั้งแต่รถบ้าน ไปจนถึงรถ Nitro Funny Car เลยตัดสินใจสั่งซื้อชุดคิตในแบบ “มาเป็นชิ้น แล้วประกอบเอง” ไป เพื่อที่จะได้รู้ว่า อุปกรณ์ต่าง ๆ ตามมาตรฐานโลกที่เขาใช้กันเป็นอย่างไร เราต้องการ “ความแน่นอน” และ “ความแข็งแรง” ตรงนี้ทางทีมงานถือว่าเป็นเรื่อง “โคตรซีเรียส” มาก ซึ่งทาง JBRC มี VDO Footage และคู่มือที่แสดงถึงขั้นตอนการทำแนบมาให้อีกด้วย หลังจากโครงสร้าง Chassis เสร็จสิ้น ก็เริ่มยึดช่วงล่างหน้า สั่งของ Strange Engineering มาใช้ คันนี้ตั้งใจทำ “พวงมาลัยซ้าย” ดังนั้น ชุด Rack & Pinion ที่ให้มา จึงสามารถใช้ได้ครบ ไม่ต้องดัดแปลง เสร็จแล้ว ก็จัดการทำเกี่ยวกับ “อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร” กันต่อ ก็เน้นว่าต้องเรียบร้อย สวยงาม เช่นเคย…

Suspension Setting

ด้าน “ชุดช่วงล่างหลัง” ชุดเพลาท้ายเป็นของ Strange โครงสร้างก็ทำมาใกล้เคียงกับเฟืองท้าย FORD 9 นิ้ว ยอดนิยม แต่ทาง Strange ได้ปรับปรุงในจุดที่อ่อนแอเข้าไป  เช่น ลูกปืนมีความแข็งแรงกว่าเพลา และหัวเพลาก็มีความแข็งแรง เพราะมีขนาดใหญ่ขึ้น ในเสื้อเฟืองท้าย มีจุดยึดของ 4-links มาให้เสร็จสรรพ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการติดตั้ง และทำให้ความคลาดเคลื่อนในการติดตั้งลดลง โดยปกติแล้ว เฟืองท้ายที่รถ Drag นิยมมากที่สุดคือเฟืองท้ายของ FORD รุ่นที่มีขนาด 9 นิ้ว ด้วยความที่มีคนใช้กันเยอะ หลาย ๆ บริษัท ก็ได้ผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆออกมาแข่งขันกัน ทำให้ราคาถูกกว่าเฟืองท้ายแบบอื่น และมีตัวเลือกให้ใช้เยอะกว่า…

สำหรับช่วงล่างแบบ 4-Links ก็มีลักษณะตามชื่อที่เรียก ก็คือ มีทั้งหมด “สี่แขน” ซึ่งยึดเข้ากับ Chassis ของรถ และอีกด้านก็นำไปยึดเข้ากับ “เฟืองท้าย” ช่วงล่างแบบ 4-Links จะมีประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถปรับตั้งได้อย่างอิสระ ต่างจาก Ladder Bar จะปรับแต่งได้น้อยกว่า ช่วงล่างแบบ 4-Links มีใช้กันมานานแล้ว มีถึงขนาดที่สามารถไป Download โปรแกรมสำเร็จรูปมาได้ ว่ารถแต่ละคันจะต้องตั้งแบบไหน ถึงจะออกตัวให้ได้ดีที่สุด จบเรื่องรูปแบบช่วงล่าง  มาถึง “โช้คอัพ” และ “สปริง” รถคันนี้ทาง RAM77 เลือกใช้โช้คอัพของ  KONI Drag แบบ Double Adjustable ปรับได้ทั้ง Bump และ Rebound ซึ่งมีสมรรถนะดี แต่ยังไม่ถึงกับสุด ใส่เพื่อ “เซ็ตรถ” ไปก่อน การปรับให้ออกตัวดี คือ “ปรับให้กำลังซึ่งถ่ายมาจากด้านหน้า ลงไปที่ล้อหลังให้นานที่สุด ก่อนที่จะสปริงจะคืนตัว” แต่มีข้อเสีย เพราะท้ายกด หน้ารถก็จะลอย อาจจะทำให้รถทรงตัวไม่ค่อยดีในความเร็วสูง…

ดังนั้น ของที่ดีกว่านี้ ก็คือ KONI Drag Electric จะควบคุมด้วย “ไฟฟ้า” สามารถปรับเปลี่ยนโหมดได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่มเลือกค่าความหนืดของโช้คอัพจาก Hand Controller ที่พิเศษกว่านั้น คือ สามารถตั้งเป็นโหมดออกตัว หลังจากนั้น พอรถเริ่มลอยตัวไป ก็ปรับให้เป็นโหมดที่วิ่งความเร็วสูงได้ นับว่าทำได้สองอย่างในการวิ่งครั้งเดียว และยังสามารถเรียกดู Data Logging ได้อีกด้วย ซึ่งทาง RAM77 จะได้ปรับเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง…

2JZ-GTE 3.5 L TITAN MOTORSPORT for Next Step

ลูกค้าได้กำหนดขุมพลังมาชัดเจนว่าเป็น 2JZ-GTE แม้จะดูเกลื่อน แต่มีข้อแม้ว่าต้อง “ทำสุด”  ดังนั้น ทาง RAM77 จึงได้ทำเครื่องยนต์ไว้สองชุด ชุดแรก จะเอาไว้เพื่อ “ลองรถ” ก่อน เพราะถ้าเอาเครื่องตัวโมดิฟายเต็ม ที่เตรียมไว้สำหรับแข่งจริงมาลอง ก็จะ “เปลืองเครื่อง” ทำให้เกิดการสึกหรอโดยไม่จำเป็น สู้เอาไว้เปลี่ยนตอนไล่เซ็ตอัพรถเสร็จทุกอย่าง แล้วค่อยสลับเปลี่ยนเครื่องตัวเต็มเข้าไป จะได้เห็นเวลาที่ดีกว่าเดิม เครื่องตัวนี้ จับเปลี่ยนแค่ แคมชาฟท์ 272 ของ HKS เข้าไป ติดตั้งท่อร่วมไอดี Custom made พร้อมลิ้นปีกผีเสื้อขนาด 100 mm. พร้อมกับหัวฉีด 3,200 C.C. ของ TITAN MOTORSPORT ในด้านไอเสีย ก็ได้ใช้เฮดเดอร์ ซึ่งเป็นสูตรของสำนัก ประกบกับเทอร์โบ GARRETT GT42 เวสต์เกตแยก ใช้ของ TITAN MOTORSPORT ขนาด 80 mm. อินเตอร์คูลเลอร์เป็นแบบใช้น้ำของ SPEARCO เป็นตัวลดอุณหภูมิไอดี เพื่อกันการชิงจุดในห้องเผาไหม้ เชื้อเพลิงที่ใช้จะเป็น E85 ที่กำลังฮิตนำมาใช้อยู่ตอนนี้ บูสต์สูงสุด ตอนนี้อยู่ที่ 45 psi หลังจากปรับจูน ได้แรงม้าออกมาที่ “1,011 WHP” (Wheel Horse Power) เป็น “แรงม้าที่ล้อ” จากไดโนเจ็ทของ Dyno Station (www.dynostation.com) ที่ SPEED D เปิดกิจการขึ้น หลังจากนั้นก็เอารถ “ลงทดสอบจริง” ในสนามครั้งแรก เพื่อลองช่วงล่างและอุปกรณ์อื่น ๆ ได้เวลาดีที่สุดอยู่ที่ “8.0 วินาที” เกินคาดมาก…

สำหรับเครื่อง “ตัวจริง” ก็จะยืด Stroker (ข้อเหวี่ยง) ไปเป็น 3.53 L โดยสั่งมาทั้งท่อนตรง (Strip Engine) แบบเดียวกับรถแข่ง 6 วินาที ของ TITAN MOTORSPORT ที่มีแรงม้าในระดับ 1,400-1,600 แรงม้า และจะปรับเปลี่ยนไปใช้เทอร์โบที่ใหญ่ขึ้น เป็น GARRETT GT55 ซึ่งมีขนาดใหญ่โคตร ๆ แต่ทาง TITAN MOTORSPORT ก็ยืนยันว่าใช้ได้แน่นอน และยังแนะนำให้ใช้เกียร์เป็นระบบ Air Shifter แบบ 5 สปีด ของ JERICO อัตราทดของเกียร์ สามารถเปลี่ยนได้ภายหลังโดยไม่ยาก ชุดคลัตช์เป็นแบบ Centrifugal ของ TITAN SPEED ขนาด 9 นิ้ว แบบ Triple Plate สามารถรองรับได้ถึง 1,600 แรงม้า…

ระบบควบคุมเครื่องยนต์ ทาง SPEED D (www.speed-d.com) เป็นผู้จัดการ ใช้กล่อง HKS F-CON V PRO Version 3.3 ใบเดียว ควบคุมการทำงานทั้งหมด CDI เป็นของ AEM แบบ 8 Channels และใช้คอยล์ MSD 6 ตัว จุดตัวใครตัวมัน ในครั้งแรกบูสต์ 30 psi ได้แรงม้าอยู่ที่ 850 WHP เพื่อที่จะลองวิ่งสั้น ๆ และการเทสต์ออกตัว ซึ่งต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะ ทีมงานต้องเก็บข้อมูลต่าง ๆ มาช่วยกันดูถึงความบกพร่อง ในครั้งแรกได้ลองกันอยู่เกือบสองอาทิตย์ จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงจูนแบบ “สุด” อีกครั้ง เพิ่มบูสต์ไปถึง 45 psi หรือ 3.0 Bar น่าจะสุดกำลังเครื่องยนต์ตัวนี้แล้ว คงรอจนรถคันนี้เริ่มลงตัว เพื่อที่จะเปลี่ยนเครื่องยนต์ตัวใหม่เข้าไป  โดยคาดว่าน่าจะได้กำลังเครื่องยนต์สูงสุดประมาณ 1,350-1,400 แรงม้า และมี “ตัวช่วยยามยาก” เป็น NOS อีกสองชุด ชุดแรก ช่วยออกตัว ขนาด 125 hp และชุดหลัง ช่วยในช่วงกลางถึงปลาย ขนาด 250 hp ต้องขอจบลงเท่านี้ก่อน ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเจ้า SUPER FAST 370Z คันนี้ จะไปได้ไกลขนาดไหน…

 

Special Thanks : RAM77 Racing 08-1611-7603, SPEED D PROSHOP & Dyno Station 08-6555-6999

X-TRA ORDINARY

         ถ้าจะพูดถึง “โลกแห่งความเร็ว” ของ “บุญตา ราม 77” แล้ว ผู้อ่านอาจจะรู้จักเขาในนาม “นักแข่งควอเตอร์ไมล์” ที่สร้างผลงานได้ดีมาก แต่ในอีกหลายมุม ที่ บุญตา มีบทบาทในวงการมอเตอร์สปอร์ตก็คือ “แข่งมอเตอร์ไซค์วิบาก” หรือ Motocross อันนี้เขาก็แข่งมานานแล้วเหมือนกัน และยังมีเจ้าสี่ล้อเล็ก หรือ “โก-คาร์ท” อีกด้วย ซึ่งกำลังเทรน “ลูกชาย” ให้เป็นนักแข่งรุ่นเล็กแบบเต็มตัวอยู่เหมือนกัน…