TEST DRIVE : HONDA HR-V “PREMIUM SPORT CROSSOVER”

เส้นทางเขาใหญ่ : ขับสนุก… พร้อมเทคโนโลยีใหม่… ที่น่าหลงใหล…

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทางผมได้เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ HONDA HR-V หรืออีกชื่อว่า VEZEL ในต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเปิดตัว  ตัวผมเองได้มีโอกาสไปร่วมงานแสดงรถปรับแต่งและโมดิฟาย OSAKA AUTO MESSE เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมบูธ HONDA จุดเด่นของปีนี้ที่ทาง HONDA นำมาเสนอก็คือ รุ่น N-ONE รถยนต์ขนาดเล็ก K-CAR แล้วยังสะดุดตากับ HONDA VEZEL ที่จอดโชว์อยู่ในบูธ มาพร้อมชุดแต่ง MODULO และ MUGEN ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังในตอนนั้นว่า มันน่าจะนำมาจำหน่ายในบ้านเราได้แล้ว มันคงขายดีแน่ๆ  เพราะความสวยโดดเด่น และได้ข่าวแว่วๆ มาว่าในช่วงปลายปีจะมีการเปิดตัวที่บ้านเราแน่นอน… และวันนี้ HONDA VEZEL หรือในบ้านเราจะเรียกรถรุ่นนี้ว่า HR-V ก็ตาม เป็นรถที่ผมมองว่ามันมีเสน่ห์ น่าขับ อย่างที่ผมรอคอย  ในรถระดับ PREMIUM SPORT CROSSOVER SUV สปอร์ต ปราดเปรียว เหมาะกับการใช้งานในบ้านเรา  ซึ่งจัดอยู่ในรถสปอร์ตอเนกประสงค์ SUV โดยภาพลักษณ์ภายนอก ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด DYNAMIC CROSS SOLID ด้วยตัวถังด้านหน้าที่มีความปราดเปรียว ลงตัวกับมือเปิดประตูด้านหลังที่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับกระจกในสไตล์สปอร์ตคูเป้ กระจังหน้าออกแบบด้วยแนวคิด SOLID WING FACE เสริมด้วยโทนสีดำ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและมีสไตล์ ผสานกับความรู้สึกเหนือระดับด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ PANORAMIC SUNROOF พร้อมเปิด-ปิดแบบ ONE-TOUCH ในรุ่นท็อปสุด EL ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED เฉพาะรุ่น E และ EL ไฟท้าย LED แบบ TUBE ในรุ่น EL

                ส่วนการออกแบบภายใน จากแนวคิดในการออกแบบ EXCITING H DESIGN ที่ถูกนำมาใช้ในรถยนต์ทุกรุ่นของฮอนด้า ได้รับการต่อยอดและสร้างสรรค์ผ่าน HONDA HR-V กับแนวคิด EXPANSIVE COCKPIT คำว่า EXPANSE (EXPANSIVE) สะท้อนให้เห็นถึงความกว้างขวางโปร่งโล่งของพื้นที่แผงคอนโซล ผสานกับคำว่า COCKPIT คอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น ช่องแอร์ฝั่งคนนั่งด้านหน้า มีถึง 3 ช่อง มั่นใจถึงความเย็นกว้างขวางไปถึงผู้โดยสารในตอนหลังได้อย่างสบายส่วนจุดเด่นอีกอย่างของภายใน มาตรวัดเรือนไมล์ สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ถึง 7 สี พร้อมพวงมาลัยแบบ MULTI-FUNCTION ระบบเครื่องเสียง มาด้วยหน้าจอขนาด 7 นิ้ว  แบบ ONE TOUCH เฉพาะรุ่น E และ EL รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย รองรับการสั่งการด้วยเสียง SIRI EYES FREE MODE เบาะคู่หน้าออกแบบมาให้กระชับลำตัวมากขึ้น โดยการจัดวางถังน้ำมันไว้บริเวณตรงกลางของตัวรถ มีส่วนช่วยเพิ่มพื้นที่เบาะที่นั่งด้านหลัง ให้มีพื้นที่วางขาและพื้นที่บริเวณหัวเข่าที่กว้างขวาง อออกแบบมาให้สอดคล้องกับสรีระ ทั้งในขณะเดินทาง หรือการเข้า-ออกได้อย่างสะดวก  ภายในออกแบบสีโทนดำ พร้อมรอยเย็บตะเข็บที่สวยงามประณีตของหนังด้านใน ซึ่งจากที่นั่งขับในระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตรนั้น ทัศนวิสัยในมุมมองต่างๆ ถือว่าดีมาก

                พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย ด้วยการวางและติดตั้งถังน้ำมันไว้ที่บริเวณกลางของตัวรถ มีส่วนช่วยเพิ่มพื้นที่โดยเฉพาะเบาะที่นั่งของผู้โดยสารด้านหลังแล้ว พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้วยความจุ 565 ลิตร สามารถใส่ถุงกอล์ฟปกติได้ถึง 3 ใบ ฝากระโปรงท้ายขณะเปิด กว้างถึง 1,180 ม.ม. มาพร้อมเบาะนั่งที่สามารถพับได้ 3 แบบ  เพื่อตอบสนองการใช้งาน ได้แก่ UTILITY MODE พับเบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน เพิ่มพื้นเก็บของด้านหลังได้มากขึ้น, TALL MODE พับเบาะด้านหลังขึ้น เพิ่มเนื้อที่เก็บของทรงสูง และ LONG MODE พับเบาะทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

                ในส่วนของเครื่องยนต์ สำหรับเวอร์ชั่นบ้านเราจะมีขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ที่เป็นเครื่องยนต์รุ่นเดียวกับ HONDA CIVIC (FB) รุ่นล่าสุด แต่ใน HONDA HR-V จะมีระบบเกียร์รุ่นใหม่แบบ CVT  7 SPEED PADDLE SHIFT ที่พัฒนาภายใต้ EARTHDREAM TECHNOLOGY รองรับพลังงานทางเลือก E85 ทุกรุ่นยังมีระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ECO ASSIST ที่มาพร้อมกับระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ECO COACHING รวมถึงปุ่ม ECON MODE  ส่วนระบบช่วงล่าง ของ HONDA HR-V ใหม่นี้ ถือว่าเป็นรถยนต์รุ่นแรกในกลุ่ม COMPACT SEGMENT ที่ได้รับการติดตั้งโช้คอัพแบบ AMPLITUDE REACTIVE DAMPERS ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในรถ HONDA ACCORD HYBRID และ HONDA ODDYSSEY รถยนต์ในระดับพรีเมียม  เป็นการผสมผสานโช้ค 2 ระบบที่แยกจากกันในแง่ของการดูดซับแรงกระแทก โดยสารตอบสนองในเรื่องของความสะดวกสบายในการขับขี่ อีกทั้งยังควบคุมและการทรงตัวของรถที่ดีเยี่ยมในทุกสภาวะการขับขี่

หลังจากการทดสอบ เส้นทางถนนธนะรัชต์-เขาแผงม้า ระยะกว่า 113 กิโมเมตร

โดย พงศ์พล จันทรัคคะ

บรรณาธิการ นิตยสาร XO AUTOSPORT

COMMENT

HONDA HR-V SPORT CROSSOVER ระดับ PREMIUM ถือว่าผ่านครับ ภายนอก การออกแบบอย่างสวยงาม โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ ไฟหน้าและไฟท้ายที่เป็นเอกลักษณ์ การขับขี่ในวันนั้น มีทั้งใช้ความเร็วได้ถึง 140 กม./ชม. พื้นถนนขรุขระ สลับกับเนินเขา สิ่งแรกคือความเงียบที่ได้รับ ต่อมาเรื่องทัศนวิศัยในการมอง ถือว่าดี  โปร่งสบาย อุปกรณ์ต่างๆ ในการจัดวางถือว่าเหมาะสม พวงมาลัยในรุ่นนี้ออกแบบให้มีความหนืดที่พอดี ไม่ไวหรือเบามือจนเกินไป แถมเสียงแตรที่ปรับเปลี่ยนใหม่ ได้ยินแล้วดูมีระดับ PREMIUM ที่ดีขึ้น ตัวเบาะนั่งด้านหน้ามีความกระชับลำตัว นั่งสบาย ส่วนต่อมาที่มีความแตกต่างจากรถในขนาดเดียวกันคือ ซันรูฟ ในรุ่นท็อปสุด EL แผ่นเปิดรับแสงด้านใน “เปิดด้วยระบบไฟฟ้า” ปกติส่วนใหญ่มักจะใช้ระบบ MANUAL ตัวซันรูฟก็มีขนาดกว้าง นอกจากนั้นมาตรวัดเรือนไมล์ยังสามารถเปลี่ยนลูกเล่นได้ถึง 7 สีตามชอบ คอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า มีช่องถึง 3 ช่อง ช่วยให้ความเย็นสามารถไปถึงผู้โดยสารด้านหลังได้อย่างสบาย  และด้วยการออกแบบใหม่ HONDA HR-V ได้ย้ายถังน้ำมันมาไว้ตรงบริเวณกลางรถ ทำให้เบาะนั่งด้านหลังมีพื้นที่วางขาได้มากขึ้น แต่เสียดาย…เบาะนั่งด้านหน้าขนาดรุ่นท็อปสุด เป็นระบบปรับสูง-ต่ำ ยังใช้แบบมือหรือ MANUAL ซึ่งจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นระบบปรับด้วยไฟฟ้า ก็น่าจะดีกว่านี้ครับ…. ส่วนระบบเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI อาจจะอยู่ต่ำไปสักนิดสำหรับผู้ขับขี่ ในการละสายตามาใช้งาน เพราะติดตั้งอยู่ใต้คอนโซลหน้าด้านล่าง แต่ด้วยการดีไซน์ที่หรู จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่จะเก็บความเรียบร้อยของสวิตช์การใช้งานต่างๆ ให้เป็นเป็นระเบียบเรียบร้อย

                ส่วนอัตราเร่งสำหรับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 140 แรงม้า ถือว่าพอดีในการใช้งาน บางท่านอาจจะไม่ทันใจไปบ้าง แต่ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง มาเพื่อจุดประสงค์ประหยัดน้ำมัน ขับสนุก ทำงานควบคู่กัน จึงอาจจะไม่ทันใจวัยรุ่นนัก แต่สำหรับผมถือว่าโอเคครับ ไม่ได้แต่งมาเพื่อหา TOP SPEED แบบรถสปอร์ต คงเทียบกันไม่ได้ ด้วยตัวเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร R18A ที่เหมือนๆ กับ HONDA CIVIC (FB) รุ่นปัจจุบัน แต่จะต่างกันที่ระบบเกียร์ ซึ่งใน HONDA HR-V นั้น จะเป็นเกียร์ CVT รุ่นใหม่ ตอบสนองการทำงานได้ราบเรียบ นุ่มนวล แต่ในจังหวะถ้าได้ลองกดคันเร่ง KICK DOWN  ดูจะพบว่ามีเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาในห้องโดยสารบ้าง… ส่วนช่วงล่าง จากที่ได้ลอง มีความนุ่มหนึบ และเกาะถนนในอัตราเร่งการเข้าโค้งที่เหมาะสม ถือว่ามั่นใจได้ ขับแล้วไม่เหนื่อย ไม่เครียด ระบบเบรกถือได้ว่าเป็นมาตรฐานดีอยู่แล้วครับ ส่วนจุดเด่นอีกอย่างของ HONDA HR-V ที่มีมากกว่าคู่แข่งก็คือ ระบบ AUTO BRAKE HOLD เป็นระบบเบรกที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่ต้องเหยีบบเบรก เมื่อเรากดสวิตช์ใช้งาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกไว้ ซึ่งดีสำหรับการขับขี่ในเมือง ที่มีการจราจรติดขัดหรือที่ลาดชัน ในขณะอยู่ในตำแหน่งเกียร์ D แต่เมื่อเราเหยียบคันเร่งต่อ ระบบ AUTO BRAKE HOLD จะคลายเบรกโดยอัตโนมัติจากนั้นระบบเบรกมือไฟฟ้า ELECTRIC PARKING BRAKE   อุปกรณ์มาตรฐานใช้งานง่าย เพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้น เมื่อต้องการเบรกมือ แต่ระบบจะปลดล็อกและคลายเบรกโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่เหยียบคันเร่ง หมดความกังวลใจว่าเราจะลืมปลดเบรกมือลงในขณะขับขี่ ซึ่งทั้งสองระบบนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น… สำหรับการทดสอบทั้งหมด ส่วนตัวผมแม้กระแสถึงเรื่องราคาที่เริ่มต้น รุ่น S ราคา 890,000 บาท รุ่น E ราคา 975,000 บาท และรุ่น EL ราคา 1,045,000 บาท ที่ดูแรงไปสักนิด แต่เมื่อคุณมาลองขับ และสำรวจการออกแบบภายใน มันจะมีอะไรใหม่ๆ ฟังก์ชันต่างๆ ที่น่าใช้ โดยเฉพาะรุ่นท็อปสุด EL ที่มีกระแสยอดสั่งจองถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามากสุด โดยยอดสั่งจองล่าสุดหลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 17 พศจิกายน  จนถึง 17 ธันวาคม 2557 รวมทั้งหมด 7,000 คัน ซึ่งเป็นกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี อยากให้ทุกคนมาลองสัมผัส แล้วจะเห็นถึงคำว่า “แตกต่าง” และ “คุ้มค่า” กับรถอเนกประสงค์ HONDA HR-V รุ่นใหม่นี้นะครับ…

มีสีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวออร์คิด (มุก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ สีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก) และสีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) สามารถทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้า คาร์ส์ ทั่วประเทศ