TOYOTA FT 86 RS*R ลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกา

รถดริฟต์จะใช้ทิศทางการหมุนพวงมาลัยที่สวนทางกว่าปกติ ดังนั้น มุมแคมเบอร์ล้อด้านนอกโค้ง (ในรูปเป็นล้อหน้าขวา) ควรจะเป็นศูนย์เวลาหักเลี้ยว หรือเป็นบวกก็ได้แต่ไม่มาก (แล้วแต่การเซ็ตเฉพาะบุคคล) เพื่อเอาล้อนำทางโดยให้การยึดเกาะที่ดี

งาน Formula Drift กลับมาจัดในบ้านเราอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปหลายปี และกลับมาครั้งนี้ยังเป็นสนามเก็บคะแนนสนามสุดท้าย เพื่อชิงแชมป์ประจำปี 2013 อีกด้วย ฉะนั้นนักแข่งที่มีคะแนนลุ้นแชมป์หลายๆ คันจะต้องมาแข่งขัน เป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นนักแข่งฝีมือดีๆ รถแข่งเจ๋งๆ จากต่างประเทศ

นี่เป็นอีกคันหนึ่งที่น่าสนใจ แถมยังเป็นรถรุ่นล่าสุด ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการมอเตอร์สปอร์ต หลายๆ ประเทศนำมาทำรถแข่งตั้งแต่ One Make Race ไปยัง GT นั่นคือ TOYOTA FT 86 สปอร์ตตัวล่าสุดจากโตโยต้า ซึ่งเป็นรถเครื่องหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง ขนาดตัวรถอยู่กลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ซึ่งรถประเภทนี้หายไปจากตลาดพักใหญ่แล้ว รถสปอร์ตหรือเวอร์ชั่นพิเศษก็มักจะเป็นรถขับล้อหน้า หรือไม่ก็ขับ 4 ล้อ หรืออีกทีก็กระโดดไปซูเปอร์คาร์ไปเลย เมื่อโตโยต้าจับมือกับซูบารุ ออกรถรุ่นนี้มาทำให้เป็นที่สนใจของคนชอบรถสปอร์ต และก็ทีมแข่งด้วย

 

Fredric The NorwegianHammerAasbo

ฉายา “ขุนค้อนนอร์เวย์” ของ Fredric Aasbo นั้น ได้มาจากนิสัยการขับดริฟต์ของเขา ที่เน้นการ “กระทืบคันเร่งเต็ม” ไม่เน้นการ Linear เพื่อเรียกควันยางและความเร็วออกมาแบบกะทันหัน เพราะฉะนั้น 86 ที่เขาใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ จึงเหมาะสมกับเครื่อง TRD NASCAR V8 ที่มีแรงบิดอันรุนแรงมหาศาล ปั่นควันท่วม และ Shoot หนีคู่แข่งได้ทันทีเมื่อ Hammer ต้องการ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับเขา ก็มีทัศนคติที่น่าสนใจกับสนามแข่งและประเทศไทย ดังนี้ “ความประทับใจของผมกับประเทศไทย ก็เป็นเรื่องมิตรภาพของคนไทย ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้แต่นักแข่งที่ในสนามเป็นคู่แข่งกัน พอแข่งเสร็จก็คุยกันแบบเพื่อน เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ ในส่วนของการแข่งขันครั้งนี้ ผมก็ตั้งใจจะคว้าแชมป์เต็มที่ ด้วยการเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการขับ รวมถึงทีมงานทุกคน ที่ตั้งใจในครั้งนี้มาก ดีใจมากที่ได้แชมป์ สำหรับนักแข่งดริฟต์คนไทย ผมว่ามีฝีมือที่ดีมาก มีความตั้งใจ ประมาทไม่ได้เลย” ก็เป็นความเห็นเล็กๆ น้อยๆ ที่นำมาฝากกันครับ…

 

 

 

ถ้านับรถแข่งในประเภท Production หรือรถที่มีขายทั่วๆ ไป รถประเภทเครื่องหน้าขับหลัง ถือเป็นรถที่เหมาะกับการทำรถแข่งอย่างมาก เพราะมีการกระจายน้ำหนักที่ดีกว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้า การสิ้นเปลืองยางก็ดีกว่าเพราะล้อหน้าและล้อหลังแยกกันทำหน้าที่ ล้อหน้าแค่เลี้ยวล้อหลังก็แค่ขับเคลื่อน

ส่วนรถที่เป็นเครื่องกลางหรือเครื่องหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นรถประเภทซูเปอร์คาร์ ถึงแม้รถพวกนี้จะได้เปรียบเรื่องการกระจายน้ำหนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมมันให้เชื่อง และยิ่งนำมาทำรถแข่งดริฟต์แล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นเครื่องหน้าขับเคลื่อนล้อหลังจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

จอ MOTEC แฝงสวิตช์ควบคุมแบบไฮโซ

 

เมินหน้าหนี 2J คบ V8 สบายใจ

TOYOTA FT 86 จากทีม RS*R คันนี้ เป็นคันที่มาแทนเจ้า Supeaคันเดิมซึ่งมีอายุมากแล้ว ซึ่งได้ถูกปลดระวางไปเมื่อปีที่แล้ว 2012 ส่วนเจ้า 86 คันนี้ลงแข่งขันในรายการ Formula Drift 2013 เป็นปีแรก ซึ่งสิ่งที่เป็นจุดสนใจของรถคันนี้ก็คือเครื่องยนต์ เพราะเดิมเครื่องที่ติดรถมาเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร แต่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.8 ลิตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก

พอบอกว่าเป็นเครื่องยนต์ V8 หลายคนคงนึกถึงเครื่องยนต์ที่มาจาก Lexus IS F ซึ่งเป็นบล็อกเครื่องยนต์รหัส UR นำมาวางลงไปแทนเครื่อง 4 สูบ แต่ผิดครับ เครื่องยนต์ที่นำมาใช้กับรถแข่งคันนี้ ไม่ได้อยู่ในรถที่วางจำหน่ายทั่วไป แต่เครื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับรถแข่ง TOYOTA ในรายการ NASCAR ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ซึ่งในการแข่งขันNASCAR มีกติกากำหนดให้เครื่องยนต์เป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน หน้าตาของเครื่องจึงดูโบราณๆ หน่อย เพราะเป็นระบบ OHV คือมีแคมชาฟท์อยู่ในเสื้อเครื่องยนต์ มีก้านกระทุ้งต่อจากแคมฯ ไปยกล็อกเกอร์อาร์มกดเปิดวาล์วอีกที ซึ่งเครื่องยนต์สมัยใหม่ไม่มีเครื่องยนต์ประเภทนี้อยู่แล้ว

แต่ด้วยความที่อเมริกายังนิยมเครื่องประเภทนี้อยู่ และกติกาหลายๆรายการก็ให้ใช้เครื่องยนต์ประเภทนี้ จึงทำให้รถแข่งในอเมริกาส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ V8 OHV และก็คงจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับเครื่องนี้ เพราะรถที่เร็วมากๆ อย่าง TOP FUEL ที่วิ่งควอเตอร์ไมล์ใช้เวลาแค่ 4 วินาทีกว่าๆ ก็มาจากเครื่องพวกนี้

เครื่องยนต์ TRD NASCAR V8 5.8L แรงแบบไม่ต้องใช้ตัวช่วย

 

ถึงแม้เราเห็นโลโก้ TRD อยู่บนฝาเครื่อง แต่มันก็ไม่ได้มาจาก TRD ซะทีเดียว แต่มันกลับมาจากสำนักที่เป็นสายตรงของการทำเครื่องแบบนี้ Ed Pink Racing Enginesซึ่งอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แต่มีข้อแตกต่างกับเครื่องที่ใช้ใน NASCAR ตรงที่เป็นระบบหัวฉีดที่คุมด้วย MOTEC M800 แต่ NASCAR ใช้คาร์บูเรเตอร์

เมื่อเราถามทีมงาน RS*Rว่าทำไมถึงเลือกเครื่องยนต์นี้ ทำไมไม่เป็น 2JZ คำตอบที่ได้คือ เรื่องกำลังของเครื่องยนต์ ที่ตอบสนองได้ในรอบที่กว้าง หรือเพาเวอร์แบนด์กว้างนั่นเอง หากเป็นเครื่องยนต์ 2JZ เทอร์โบอาจจะทำแรงม้าได้มากกว่า ทอร์คได้มากกว่า แต่มีช่วงที่เครื่องยนต์มีกำลังมากๆ อยู่ในช่วงแคบๆ ถ้าหลุดลงมารอบต่ำๆ เครื่องก็จะไม่มีแรง ฉะนั้นการใช้เครื่อง2JZ เทอร์โบก็จะต้องเลี้ยงรอบสูงๆ ทำให้ขับยากและอาจพลาดได้ง่ายๆ

อย่างนี้สิถึงเรียกว่ารถแข่ง

นอกจากเครื่องยนต์แล้ว รถคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นรถแข่งแบบจริงจัง โดยมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปจนเรียกได้ว่าเหลือเพียงบอดี้เท่านั้นที่ยังเป็นของเดิม เครื่องยนต์เปลี่ยนเป็น V8 5.8 ลิตร เพื่อเป็นการกระจายน้ำหนักไม่ให้หัวทิ่มเกินไป จึงย้ายหม้อน้ำไปไว้ที่ท้ายรถ

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือเฟืองท้ายแบบเปลี่ยนเร็ว ซึ่งอาจจะไม่เคยเห็นรถในบ้านเราใช้ ด้วยการแข่งขันที่ต้องเปลี่ยนแปลงสนามไปเรื่อยๆ ความยาวของสนาม ขนาดของโค้งต่างๆ มักจะไม่เท่ากัน การเลือกเฟืองท้ายที่เหมาะสมจะช่วยให้รถได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งเฟืองท้ายของ Winters สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้เพียงแค่เปิดฝาหลัง จะเจอเฟืองอยู่หนึ่ง ดึงมันออกมา ใส่อันใหม่เข้าไป ปิดฝาเติมน้ำมัน เป็นอันจบ

 

ช่วงล่างก็เหมือนกัน ได้ถูกออกแบบและสร้างใหม่ทั้งหมด ปีกนก ดุมล้อ ออกแบบมาให้มีมุมล้อตามที่รถดริฟต์ต้องการ และสามารถปรับตั้งมุมต่างๆ ได้เพื่อความสะดวกในการเซ็ตรถ รวมไปถึงระบบ Data Logging ที่เก็บข้อมูลต่างๆ ของรถมาช่วยวิเคราะห์การขับขี่ รวมไปถึงกล้องที่ติดรถก็นำมาใช้ประโยชน์ในการเซ็ตรถได้ อย่างมุมล้อของล้อหลัง อยากรู้ว่าขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่มีการเปลี่ยนแปลงมุมต่างๆ อย่างไรบ้าง ก็จะมีกล้องติดไว้ข้างรถเล็งไปที่ล้อหลังเพื่อเอาภาพมาดูมุมล้อที่เปลี่ยนแปลง

รถแข่งไม่ใช่แค่ใส่ของแต่งเข้าไปแล้วมันจะเร็ว หรือซื้อรถสำเร็จรูปแพงๆ มาขับเล้วจะเร็ว มันต้องขึ้นอยู่กับการเซ็ตติ้งในส่วนต่างๆ ของรถด้วย ซึ่งเจ้า 86 คันนี้ไม่ได้มีดีแค่รถ แต่รวมไปถึงทีมงานอีกด้วย แข่งรถเป็นกีฬาประเภททีม ความพร้อมของทั้งทีมจะนำมาซื่งความสำเร็จเหมือน 86 คันนี้ที่คว้าแชมป์จากสนามสุดท้ายมาได้

ติดกล้องข้างรถ เช็ค Dynamic Toe & Camber

ตัวผมเอง (พี สี่ภาค) ได้สังเกตเห็นทางทีมงาน RS*R ได้ติดกล้องไว้ด้านข้างรถ หันกล้องไปส่องล้อหลัง ไอ้เราก็นึกว่าอยากได้มุมภาพแปลกๆ แต่เมื่อได้ยินคำว่า Dynamic Toe จากคนขับ ก็ต้องฟังต่อว่างานนี้คงมีอะไรเกี่ยวข้องกับกล้องที่ติดไปแน่ๆ ผมได้สอบถามทางทีมงาน (Mr. Nathan หรือ คุณนนท์ Mechanic ชาวไทย ที่เซ็ตอัพรถคันนี้) ก็ตรงตามคาด คือ “เป็นการดูมุมโทของล้อหลัง ที่เปลี่ยนแปลงขณะวิ่ง” เป็นที่มาของคำว่า Dynamic นั่นเอง ในตอนตั้งศูนย์ล้อปกติ เราจะวัดโดยรถหยุดนิ่ง (Static) เมื่อออกไปวิ่ง มุมล้อจะเปลี่ยนแปลงไปมา จึงต้องติดกล้องเพื่อดู “แนวโน้ม” ว่ามุมโท มุมแคมเบอร์ มันเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน มันไม่ได้บอกได้เป็นตัวเลข แต่ “ดูลักษณะ” ของมุมล้อที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการบอกเล่าของคนขับ เพื่อปรับตั้งให้ได้ถูกต้องกับการขับขี่จริงๆ ครับ…

 

Vehicle                                                      TOYOTA 86 ZN6Displacement                                           5,800 C.C.Maximum Power                                       800 PS/9,000rpmMaximum Torque                                      72.0kg-m/6,450rpmBodywork/Exterior                                    SEIBON Bonnet, Carbon Door, Carbon Tank Panel RocketBunny F spoiler, F/R Wide Fender,RDiffuser,Bonnet Scoop, GT Wing, Polycarbonate Window, Carbon Roof

 

Interior                                                     Bride Bucket seat, TAKATA Seat Belt, ARC Pedal kit E brake kit

Engine                                                     TRD NASCAR V8 5.8L Dry Sump type

MOTEC Engine management

Suspension                                              RS*R SHOCK Sport SPL

RS*R Original Adjustable Pillow Arm Kit

ARC Front Knuckle ASSY

Drivetrain&Brake                                     Clutch : TILTON

T/M : HOLINGER Sequential

LSD : ATS&ACROSS Carbon 2 way

Diff : Winters QuickChange

Brake : Project U

Tire                                                           YOKOHAMA ADVAN NEOVA

Tire Size                                                    F:235/40R18 R:265/40R18

Wheel                                                       ENKEI PF01

Wheel Size                                                F:18” 8J/40          R:18” 9.5J/15