เรื่อง : ศุภพงศ์ บุญวงศ์โสภณ (Topz Savanna)
เรียบเรียง : อินทรภูมิ์ แสงดี (Intaraphoom)
ภาพ : Cuits Flushstyle Photography
ประมวลภาพ World Time Attack 2015
สวัสดีครับ ชาว XO AUTOSPORT ทุกท่าน ผม “พี สี่ภาค” ที่ “หาเรื่อง” การแข่งขันรายการ World Time Attack มานำเสนอ ในปี 2014 ก็เคยผ่านสายตากันไปแล้ว ด้วยการ “สื่อนำ” ของ “คุณโอ๊ต OVERDRIVE” ที่ไปแข่ง Formula Drift ที่จัดร่วมกันในปีนั้นด้วย แต่ในปีนี้รายการดริฟต์ที่ว่านี้ไม่ได้จัดร่วม เลยต้องให้ “สายซิ่งประจำออสเตรเลีย” จัดให้ ก่อนอื่นต้อง “ขออภัย” จริงๆ เรื่อง World Time Attack 2015 จะต้อง “ออนแอร์” ในสัปดาห์ที่แล้วหลังการแข่งขันจบลง แต่เกิดปัญหากับ Website ของเรา ที่โดน “Hacker” เข้ามาใน Server ของเว็บฯ ทำให้ระบบเกิดการเสียหายไปหลายวัน อาจจะช้าไปสักหน่อยก็ต้องขออภัยทุกท่านอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะช้า แต่ก็มาจาก “สายเราโดยตรง” และมีภาพบรรยากาศเพลินๆ มาฝาก โดย “อดีต Staff ของ XO AUTOSPORT” จะเป็นผู้ “เหลา” ต่อจนจบครับ…
- Topz SA7ANNA จับมือทักทาย Tarzan Yamada อย่างใกล้ชิด
สวัสดีครับ ผม “Topz Savanna” (ท็อป ซาวันน่า) เคยเป็นหนึ่งในทีมงานของ XO AUTOSPORT และได้เบนเข็มมาใช้ชีวิตอยู่ที่ Australia ส่วนตัวมีความผูกพันกับทาง XO AUTOSPORT อยู่ เลยอยากจะหาสิ่งดีๆ มานำเสนอ ในช่วงนี้ก็เป็นช่วงปลายฤดูหนาว กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนของชาว “ออสซี่” เขาแล้วล่ะครับ (ออสซี่ คือคำที่ใช้เรียกชาวออสเตรเลียครับ) ที่นี่ก็จะมีกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตดังๆ เรียกว่าเป็นรายการระดับโลกหลายรายการเลยก็ว่าได้ครับ แต่ที่เป็นธรรมเนียมจัดขึ้นทุกปีในเดือนนี้ และได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม คือ รายการ World Time Attack Challenge ซึ่งผมขอเรียกย่อๆ ว่า WTAC ละกันนะครับ จะได้เข้าใจกันถ้วนหน้า ปีนี้ผมก็อาสาไปทำภารกิจงาน WTAC 2015 มาฝากทุกๆ คนที่ติดตามข่าวสารมอเตอร์สปอร์ตต่างประเทศ จริงๆ ผมก็ไปงานนี้เป็นประจำทุกปีครับ แต่ปีนี้ก็มีโอกาสมาช่วยเขียนข้อมูล ผมเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสเขียนในแบบ “คอลัมนิสต์” แต่พอได้เขียนคอลัมน์นี้แล้ว “คันปาก” อยากแชร์ประสบการณ์จริงให้ทุกคนได้ฟังกัน แล้วก็มีคนไทยใน Sydney คือ “นายกิต” หรือ Cuits Flushstyle Photography ช่างภาพมือสมัครเล่น ซึ่งเป็นการปิดซิงในการถ่าย Race Event ครั้งแรกของน้องเขาอีกด้วย ก็น่าเสียดายที่เราซื้อตั๋วเป็น Visitor ปกติ ไม่ได้ลงทะเบียน Media เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายในจุดที่ใกล้ชิดขอบสนาม หากมีข้อบกพร่องอะไร ขออภัยด้วยนะครับ จะปรับปรุงแก้ไขในคราวหน้าครับ…
- อีกทีกับ Under Suzuki จาก Scorch Racing
ปกติ WTAC จะจัดงาน 2 วัน ครับ ผมจะเลือกไปวันสุดท้าย เพราะเป็นวันตัดสิน และมีกิจกรรม Car Show และอื่นๆ อีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมของ WTAC เอง รายการที่ “เรียกแขก” ก็มีครับ เช่น “The Flying 500 by Turbo Smart” คือจะเป็นการ “วิ่งทางตรง 500 เมตร” ปล่อยทีละคัน ทดสอบจับเวลา แล้วนำมาตัดสินเหมือนรายการ Souped Up Thailand Records บ้านเราครับ แต่เค้าเพิ่มระยะเข้าไปอีก 100 เมตร เพื่อความมันส์ รายการนี้ก็จะมีรถซิ่งที่ชาวออสซี่โมดิฟายขึ้นมา และใช้ขับในชีวิตประจำวันเข้าร่วมด้วยมากมายครับ รถอะไรก็ได้ คือ “วิ่งเอามันส์” นั่นแหละ ส่วนอีกรายการที่เรียกความสนใจไม่แพ้ WTAC ก็คือ Drift ซึ่งคนที่นี่จะให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากปีนี้ทาง Formula Drift Asia ไม่ได้เข้ามา Join เหมือนปีก่อน ทาง WTAC เลยจัดขึ้นมาเอง ชื่อว่า “Outlaw Drift” ซึ่งก็จัดได้มันส์ไม่แพ้รายการใหญ่เลยทีเดียว มีรถ Drift ระดับหัวแถวของออสเตรเลียมากระหน่ำยางโชว์ควันกันอย่างดุเดือด…
- โซน The Legend มีรถแข่งในตำนานที่สร้างชื่อเสียงในออสเตรเลียมากมาย ให้ได้รำลึกความหลังกัน บางคันก็วิ่งโชว์พลังให้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ สไตล์ของ “คนมีอดีต” !!!
ส่วนอีกรายการที่ดึงดูดความสนใจผู้ชม ตั้งแต่รุ่นพ่อไปยันรุ่นลูก เห็นจะเป็นรายการ “The Legend” ซึ่งรายการนี้จะจัดทุกปีเช่นกัน จะมีการนำรถแข่งในตำนานที่เป็นทั้ง JDM ของฝั่งญี่ปุ่น และ ADM ของฝั่งออสเตรเลีย มาร่วมวิ่งโชว์ด้วยครับ คันโปรดของผมในรายการนี้คือ เจ้า MAZDA 767B ปีที่แล้วมาแผดเสียงหวานแหววไว้ ปีนี้ผมก็ตั้งใจมาดูมันอีก แต่น่าเสียดาย 767B ปีนี้ไม่ได้มาร่วมงานด้วยครับ ตัวเด่นอื่นๆก็จะมี เจ้า Godzilla NISSAN SKYLINE GT-R (BNR32) ตัวแข่ง Group A ที่ฝรั่งยกนิ้วให้เป็นหนึ่งในตำนานของรถแข่งจากญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว “คนที่นี่ชอบมาก” ตัวเด่นอื่น อาทิ MAZDA RX-7 (SA22C) ของ Alan Moffat, MAZDA RX-792 GTP, FORD ESCORT, TOYOTA CELICA, TOYOTA COROLLA (AE85) และอื่นๆ อีกหลายคันครับ โซนรถเก่านี้ผมมอบให้ “พี สี่ภาค” เหลาในบรรยายภาพก็แล้วกันครับ ผมเกิดไม่ทัน (Ha Ha) ส่วนรายการสุดท้ายเรียกได้ว่าเพลินตากับรายการ “Show n’ Shine” ก็จะมีการนำรถสวยๆ เข้าประกวดในหมวดหมู่ (Category) ต่างๆ มากมายครับ รถยนต์ที่ร่วมประกวดก็มีตั้งแต่คันละไม่กี่พันเหรียญ ไปจนถึงเป็นแสนเหรียญ แต่คณะกรรมการก็จะแยกย่อยแต่ละหมวดหมู่ออกไปครับ ภายในงานก็จะมีบูธขายของแสดงสินค้ามากมายให้เลือกซื้อเลือก Shopping กันอย่างสนุกสนาน เป็นไงกันบ้างครับ นี่แค่ Intro ยังยาวขนาดนี้ ถ้าคุณมีโอกาสได้มาสัมผัสเองเต็มๆ 1 วัน คุณจะ “ถูกดูดวิญญาณ” ลืมวันเวลาไปเลยครับ…
ผมวกเข้าเรื่องงานแข่งเลยละกันนะครับ สำหรับสภาวการณ์ในปีนี้ วันศุกร์ (ควอลิฟาย) อากาศร้อนครับ อุณหภูมิผิวแทร็กสูงถึง “55.5 ๐C” อาจจะไม่เป็นสิ่งที่ปรารถนาสำหรับรถที่เน้นสมรรถนะสุดขีดแบบนี้แน่ วันเสาร์ก็มีฝนตกลงมาอีก แต่ความเป็น “มืออาชีพ” จะมัวมาโทษอะไรได้ “ความพร้อมเท่านั้น” จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จ ปีนี้ตัวเต็ง MITSUBISHI Evolution 9 ทีม Tilton Racing อดีตแชมป์ วันควอลิฟายก็เป็นไปดั่งความคาดหมาย แถมเกินคาด เพราะพี่ท่านเล่นทุบสถิติใหม่อีกต่างหาก พิชิตอันดับ 1 รุ่น Pro Class กับเวลา “1.23.7770 นาที” แต่ “มีเสียว” เพราะวันควอลิฟาย เวลาไม่ค่อยดี อยู่ที่ 1.25.0 นาที ช้ากว่าปีที่แล้วเกือบวินาที ซึ่งทางทีมงานถึงกับปาดเหงื่อ ก็เร่งมือปรับเซต แก้ไข และจูนกันอีกรอบ จนทำให้ Garth Walden ผู้ควบ ต้อง “ขึ้นหวด” อีกครั้ง แต่ก็ทำสำเร็จ ทุบสถิติจากปีก่อนที่ทำไว้ 1.24.8412 นาที และถูกจัดอันดับใน Fastest Platform เป็น Fastest AWD (All Wheel Drive) อีกด้วย…
ส่วนอันดับ 2 ก็ขับเคี่ยวเวลากันอย่างดุเดือด แต่ตัวเต็งจากญี่ปุ่น Under Suzuki จากทีม Scorch Racing กับรถ NISSAN SILVIA S15 ที่เป็นอันดับ 2 ปีที่แล้ว ปีนี้ค่อนข้าง “งานมา” ในวันควอลิฟายก็มีปัญหา “วาล์วคด” จนทำให้คืนนั้นทั้งทีมแทบจะอดนอน “รื้อทำเครื่องใหม่” มาเสร็จเอา “04.30 น.” ของวันอาทิตย์ ทาง WTAC ก็ดีครับ จะมี Scoop “Midnight Heroes” ในเว็บเพจ เหมือนกับว่าสรรเสริญคนที่ “ไม่ยอมแพ้” ซ่อมรถกันทั้งคืน อีกคันที่เป็น Midnight Heroes คือ NISSAN GT-R R35 จากทีม LYFE Motorsport ที่ “ระเบิดเครื่อง” หนักกว่าอีก แต่ด้วย Team Spirit ฮึดสู้ ทำต่อจนรถเสร็จเมื่อเวลา 05.50 น. ทั้งสองทีมนี้ ฝรั่งยกย่องด้วยคำว่า “We take our hat off to you.” เหมือนกับเปิดหมวดเพื่อให้เกียรตินักสู้เหล่านี้ครับ
ย้อนกลับมาที่ Scorch Racing ในวันชิงก็ไม่ราบรื่นสักเท่าไร วิ่งได้แป๊บเดียวเครื่องพัง แต่ก็ยังถือว่ายัง “ไว้ลาย” เพราะมาเป็นอันดับ 3 ด้วยเวลา “1.25.8476 นาที” และผมเองได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Under Suzuki ถึงขอบสนาม จึงได้ทราบว่าสาเหตุที่วิ่งต่อไม่ได้เพราะเครื่องยนต์ระเบิดไปซะแล้ว เขายังบอกอีกว่ารถแข่งของเขาปีนี้วิ่งได้เร็วมากๆ แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาไปซะก่อน อันดับ 2 จึงตกเป็นของ เจ้า Hammer Head NISSAN SILVIA S13 หรือ “ฉลามหัวค้อน” ที่ฝรั่งตั้งชื่อให้ จากทีม MCA Suspension ขับโดย “Shane Van Gisbergen” (นักแข่งรถรายการ V8 Supercar ของ Australia) คันนี้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและพัฒนารถขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้ขึ้นโพเดียมสำหรับปีนี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับเวลา “1.25.3710 นาที” เฉือนกับ Suzuki ไปเพียงแค่เศษเสี้ยววินาที ลุ้นมันส์ครับ (ปีที่แล้วคันนี้ได้อันดับ 3) และปีนี้คันนี้ได้ Fastest RWD (Rear Wheel Drive) อีกด้วย ถ้า Suzuki รถไม่มีปัญหา มีลุ้นอันดับแน่นอนครับ ส่วนอันดับอื่นๆและรุ่นอื่นๆ ก็ติดตามชมกันได้ทางเว็บไซต์ www.worldtimeattack.com ได้เลยนะครับ ไว้หากมีข่าวคราว ข่าวแข่ง งานโชว์รถซิ่งเจ๋งๆ ใน Sydney ผมจะทำมาฝากเป็น Exclusive สำหรับแฟนๆ XO AUTOSPORT โดยเฉพาะนะครับ…