เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี & XO AUTOSPORT TEAM
ภาพ : ภูดิท แซ่ซื้อ (TheGolfer)
นับว่า นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดหนัก จัดเต็ม ให้สื่อมวลชนชาวไทย รวมถึง XO AUTOSPORT ที่จะได้สัมผัสความแรงเต็มๆ กับ NISSAN GT-R ในเวอร์ชัน “ร้อนแรง” ที่ผ่านการปรุงแต่งจาก NISMO แค่ชื่อนี้ แฟนๆ NISSAN ถึงกับตาลุก ชื่อ NISMO เป็นสิ่งที่ยืนยันสมรรถนะ ที่สร้างตำนาน “NISSAN MOTORSPORT” ระดับโลก (จึงเป็นที่มาของคำว่า NIS+MO นั่นเอง) มาอย่างยาวนาน ก่อตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ปี 1984 จนถึงปัจจุบัน คงไม่ต้องบอกว่า ความสำเร็จของ NISMO มีมากมายเพียงไร ถ้ารักกันจริงต้องรู้ !!! ครั้งนี้ XO AUTOSPORT ได้รับเกียรติได้ “ทดสอบขับจริง” ในสนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สิ่งที่ GT-R NISMO ได้ “แสดงออก” มาจะเป็นเช่นไร แล้วแรงม้าระดับ 600 PS กับ Footwork ที่ NISMO จัดให้ จะสมคำเล่าลือหรือไม่ ถ้าอ่านก็จะได้คำตอบนะครับ…
Complete Road Going Car
นับตั้งแต่ความสำเร็จ ตั้งแต่ NISMO Z-Tune บนพื้นฐานของ SKYLINE GT-R R34 ที่สร้างขึ้นมาอย่างสุดพิเศษ ถือเป็น Complete Road Car ที่ NISMO ภูมิใจอย่างมาก และได้ส่ง DNA มาจนถึง GT-R R35 ที่ได้รับการพัฒนาให้สู่ในระดับ World Class และผ่านการทดสอบสมรรถนะ และ R&D อย่างหนักหน่วง ณ สนาม Nurburgring Germany ที่เป็นฐานการทดสอบของ GT-R ทุกรุ่น จบท้ายด้วยการ “ส่งการบ้าน” ด้วยเวลา “7.08.68 นาที” ที่ตอนนี้ติด Top 5 ในรถ Production ที่ทำเวลาเร็วสุดในสนาม Nurburgring * ซึ่งเป็นรถญี่ปุ่นคันเดียวอีกต่างหาก นับว่าสมรรถนะร้อนแรงมากในเซอร์กิต โดยเป็นรูปแบบ Track Ready พร้อมรบ และยังสามารถขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน (Daily Used) ได้อย่างสบาย โดยความสมบูรณ์แบบที่มีใน GT-R NISMO จะมีความเชื่อมั่นจากการเป็น “Factory Tuned” เป็นการอัพเกรดด้วย “ระดับมาตรฐานโรงงาน” ที่ได้ความมั่นใจในด้าน ความทนทาน ความเสถียรในการขับขี่ ไม่ว่าจะไปสุดพลังบนไฮเวย์ บนแทร็ค หรือ ขับขี่ชิวๆ ในชีวิตประจำวัน การเข้าศูนย์บริการ โดยที่ลูกค้าไม่เสียเงื่อนไขการรับประกันจากบริษัทผู้ผลิตเลย…
(* ข้อมูลอ้างอิง จาก : www.nurburgringlaptimes.com)
- Mr. Hiroshi Tamura : NISMO Chief Product Specialist วันนี้มาร่วมทดสอบด้วยตัวเอง
Reinforcement Body Structure
จุดสำคัญของ NISMO GT-R ภายนอกก็จะเป็นชุดแอร์โรพาร์ทใหม่ เน้นความเบาและแข็งแกร่งด้วย “คาร์บอนไฟเบอร์” กันชนหน้าเพิ่มช่องดักลมระบายความร้อนเบรกหน้า สำหรับรองรับการซิ่งใน Track ที่ใช้การเบรกหนักบ่อยครั้ง ส่วนสเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง ดีไซน์เฉพาะตัวของ NISMO ซึ่งชุดพาร์ทของ GT-R NISMO นี้ สามารถสร้างแรงกดได้สูงสุดถึง 220 ปอนด์ หรือ 100 กก. !!! บนความเร็วทะยานในระดับ 300 km/h (ความเร็วสูงสุด เคลมไว้ 315 km/h) แน่นอนว่า จะต้องให้การทรงตัวที่ดี และความลู่ลมสูง ลดแรงปะทะและเสียงที่จะเกิดขึ้น เรียกว่าแม้จะทะยานที่ความเร็วระดับ 300 km/h แต่คนในรถก็ยัง “จ๊ะจ๋า” กันรู้เรื่อง ส่วนฝากระโปรงท้าย เป็นคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Dry-Carbon ที่แข็งแกร่ง และเบากว่าของสแตนดาร์ด 50 เปอร์เซ็นต์…
จุดสำคัญที่เหนือชั้นกว่า คือ “ตัวถัง” จากเดิมก็ถือว่าแข็งแรงยอดเยี่ยมด้วยวัสดุชั้นดีมากมายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็น NISMO ย่อมไม่ธรรมดา ได้เสริมความแข็งแรง (Body Reinforcement) ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ เพื่อลดการบิดตัวให้น้อยที่สุด เพื่อให้ช่วงล่างทำงานได้เต็มที่ และส่ง “การสื่อสาร” ไปถึงคนขับได้อย่างชัดเจน และลดอาการสะท้านลงได้มาก ซึ่ง NISMO ได้นำตัวถังเปล่า (White Body) แบบใหม่ซิงๆ จากสายการผลิต แล้วนำมาดามจุดเพิ่มเติม รวมถึงการ Seal ในจุดที่รับแรงและเกิดเสียงรบกวน เพื่อให้ตัวถังของ NISMO GT-R มีความแข็งแกร่งสูงสุด…
Performance Upgrade “One Man One Engine”
สำหรับการอัพเกรดขุมพลัง VR38DETT ที่ NISMO “จัดให้” โดยพื้นฐานเดิมก็ถือว่ามาอย่างสุดยอดอยู่แล้ว สิ่งที่ถูกเปิดเผยมาอย่างคร่าวๆ คือ NISMO ได้อัพเกรดเทอร์โบใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นเทอร์โบขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งปากเทอร์โบมีขนาดเทียบเท่ากับเทอร์โบที่ใช้อยู่ในรถแข่ง GT-R NISMO GT3 (FIA) และโปรแกรมกล่อง ECU ใหม่ รวมถึงการอัพเกรดบางสิ่งอย่างที่ NISMO เองก็ไม่นิยม “ฝอย” ซะด้วยสิ ทำให้ตัวเลขแรงม้า เพิ่มจาก GT-R เดิมๆ (สเป็กปี 2014 ขึ้นไป) ไปอีก 50 PS เป็น “600 PS” ถ้วนๆ ที่ 6,800 rpm ส่วนแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 652 นิวตัน-เมตร แต่ไม่เปิดเผยว่ารอบเครื่องอยู่ที่เท่าใด ที่แน่ๆ เครื่องยนต์ทุกตัวของ GT-R NISMO จะถูกประกอบด้วย “มือ” ในรูปแบบ “One Man One Engine” ซึ่งจะมี Plate ลายเซ็นของ Mechanics ที่ประกอบเครื่องรถคันนั้นๆ ไว้เป็นที่ระลึก ส่วนระบบเกียร์ เป็นแบบ GR6 by GETRAG ที่เปลี่ยนเกียร์เร็วถึง “0.15 วินาที” ในโหมดการขับขี่ R หรือ Racing ก็นับว่ามีความทันสมัยและรวดเร็วอยู่แล้ว ทำให้การขับขี่ “ดึงดัน” มันส์ขึ้นไปอีก โดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์แต่อย่างใด…
สำหรับช่วงล่าง ดั้งเดิมจะเป็นโช้คอัพระบบ DampTronic ปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 แบบ ที่ให้ BILSTEIN เป็นผู้ผลิตให้ ซึ่ง NISMO ก็ได้ปรับค่าการทำงานของโช้คอัพใหม่ให้เหมาะสมกับสมรรถนะที่ร้อนแรงขึ้น โดยโปรแกรมผ่านการคำนวณของ ECU ที่จะจดจำ “การขับขี่” เช่น รอบเครื่องยนต์ ความเร็วรถ การใช้เกียร์ รวมถึง การเบรก จะเรียนรู้นิสัยของคนขับ และปรับช่วงล่างให้เหมาะสม แต่จริงๆ แล้วถ้าอยากจะมันส์ใน Track หรือ Top Speed ก็ปรับไปโหมด R ทุกอย่างก็จะร้อนแรง อัตราเร่งตอบสนองเร็ว ช่วงล่างเฟิร์มขึ้น เกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้น เน้นสมรรถนะสูงสุด…
Go Fast Around NISMO !!!
ส่วนตัวผมเองรู้จักและปลื้มกับ NISMO มาตั้งแต่อดีต พอมา “จับตัวจริง” ก็ขอ “สูดลมหายใจลึกๆ” ตั้งสติกันหน่อย การทดสอบจะเกิดขึ้นในนามของ NISMO Experience Media Event ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในวันที่แดดร้อนระอุ แต่ทีมงาน NISMO และ NISSAN ทุกคนก็เข้มงวดกับความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ทั้งตัวรถที่จะต้องตรวจเช็คทุกรอบการวิ่งทดสอบ และความปลอดภัยในสนาม ยอมรับว่าเข้มงวดมากๆ ผมเข้าใจว่าเขา “เป็นห่วง” ทุกคน ณ ที่นี่ เราได้พบกับ “Mr. GT-R” หรือ Mr. Hiroshi Tamura ดำรงตำแหน่ง NISMO Chief Product Specialist ที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับ GT-R NISMO อย่างใกล้ชิดกับ XO AUTOSPORT…
GT-R NISMO ทั้ง 2 คันนี้ เป็นสเป็กยุโรป “พวงมาลัยซ้าย” (เข้าทางชอบของข้าพเจ้า) ซึ่งจะได้ขับคนละ 2 รอบสนาม ซึ่งเราจะขับในเงื่อนไขที่ “สามารถควบคุมได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น” การตอบสนองเป็นไปอย่างรุนแรง ก้าวร้าว แต่ “ควบคุมได้” อัตราเร่งดุดันต่อเนื่อง กดเมื่อไรก็มาทันที ทั้งๆ ที่รถมีน้ำหนักมาก (อย่างน้อยรวมคนขับและ Instructor ก็ไม่น่าต่ำกว่า 1.8 ตัน) ไปแบบจรวด ช่วงเข้าโค้งเร็วๆ โดยเฉพาะในโค้ง 100R และ S1 ที่เป็น High Speed Zone ตัวถังแข็งแรงมาก ไม่มีอาการบิดตัวให้เห็น ส่วนช่วงล่างก็ไปแบบ “รู้อาการ สื่อสารรู้เรื่อง” ในช่วง “สุดทางตรง” เบรก BREMBO หยุดอย่างมั่นใจ (ผมก็ไม่รู้ว่าความเร็วเท่าไร มองแต่ทางอย่างเดียว แต่ที่แน่ๆ “เร็ว”) เข้าโค้งเร็วได้ จังหวะ Shoot ออกจากโค้ง เมื่อเดินคันเร่ง ระบบ ATTESSA ส่งกำลังไปล้อหน้า การออกจากโค้ง “ยิง” ได้อย่างรวดเร็ว เดินคันเร่งได้เร็วขึ้น ทำให้เรามั่นใจที่จะไป และตัวรถก็มีสมรรถนะสูง ทำให้ขับง่าย แม้จะมีพลังถึง 600 PS แต่ไม่ยากในการควบคุม เพียงคนขับต้องมีทักษะในการขับรถ Hi Performance ติดตัว ก็จะยิ่งไปได้เร็วและปลอดภัยมากขึ้น…
บทสรุปการทดสอบขับ GT-R NISMO น่าเสียดายที่เราไม่ได้มีเวลาทำความคุ้นเคยกับรถมากนัก แต่สิ่งที่แสดงออกมานั้น “สมศักดิ์ศรี” ในความเป็น NISMO ที่เน้นหนักในด้าน Total Balance ทุกอย่างต้องสมดุล ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายในการสร้างรถที่ได้ทุกอย่างในคันเดียว ต้องขอบคุณ นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เปิดโอกาสให้ทีมงาน XO AUTOSPORT ได้ร่วมสัมผัสสุดยอดประสบการณ์ กับ GT-R NISMO ในครั้งนี้ครับ…
* นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีนโยบายในการจำหน่าย GT-R NISMO ในประเทศไทย
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ NISSAN
Contact