BENETTON FORMULA 1
“เบเนตอง” ที่เป็นแบรนด์แฟชั่นเครื่องแต่งกายหลากสี แล้วก็มาทำทีมแข่ง F1 อีกด้วย จึงมีเวอร์ชั่นที่เป็น พวงมาลัยซิ่ง 4 สี (ยังดีไม่ 7 สี 7 ศอก) ที่จ้าง MOMO ผลิตให้ ต้องเรียกว่า “โดนใจวัยรุ่น” กันสุดๆ ในยุคนั้น เรียกว่าเดินเซียงกงถ้ามี “แขวน” จะต้องมีคนสนใจอย่างมาก แต่ถ้าจะซื้อของใหม่ จะมี Speed Shop บางร้านติดเข้ามา หรือไม่ก็ต้องไปดู “ร้านเจ๊สะพานเหล็ก” ขายของแต่งรถแท้ๆ ร้านนี้ก็ดังเหมือนกัน (ขออภัย “คนต้นเรื่อง” ดันลืมชื่อเจ๊ไปเสียได้) ที่ฮิตกันมากๆ เพราะมันเป็น “แบรนด์ทั่วไป” ใส่รถอะไรก็ได้ ก็ใส่แม่มทั่วเมืองเลย สำหรับพวงมาลัย BENETTON ตัวยอดฮิต มี 2 รุ่น นะครับ…
– รุ่น “3 ก้านโค้ง” ใช้พื้นฐานพวงมาลัย MOMO Type D35 ซึ่งเป็นทรงยอดฮิต นำมาเย็บหนัง 4 สี รุ่นนี้จะมีฉายาว่า “Harlequin” ซึ่งชื่อนี้มาจาก “ตัวตลกฝรั่ง” ที่ใส่เสื้อลาย “ข้าวหลามตัด” และเป็นสีสันแบบนี้แหละ เลยเอามาเรียกเพราะมัน “เหมือน” ตัวนี้คนไทยจะเรียกว่า “นวมเล็ก” ตอนนี้ถ้าเป็นของสภาพเยี่ยม มี Tag หนัง MOMO ราคาอันนี้โดนไป “หมื่นหก” สบายใจ…
– รุ่น “3 ก้านตรง” หรือ “นวมใหญ่” อันนี้จะฮิตน้อยกว่า เพราะทรงมันจะไปทาง “รถยุโรป” ซะมากกว่า แต่ก็ยังอยู่ในกระแสเหมือนกัน รุ่นนี้จะมีทั้งแบบสีสัน และ Black Version สีดำล้วนด้วยนะครับ…
AUTO METER
ไม่ต้องแนะนำมากนะครับ คนยุคนั้นถ้าไม่รู้จักผมว่าคุณไม่ได้เล่นรถจริงๆ ว่ะ “เกจ์ในตำนาน” แบบนี้ แรกเริ่มคนไทยจะติด “เกจ์วัดบูสต์” ไว้บนหน้าปัด ลักษณะของ AUTO METER ก็จะเป็นแบบ “On-Dash Gauge” มีขาตั้ง มีถ้วยครอบตูดเกจ์อย่างสวย สำหรับตั้งบนคอนโซลให้เด่นเป็นสง่า วัดบูสต์ที่ฮิตมากตอนนั้น จะเป็นแบบขนาด “2 5/8” หรือ “สองนิ้วห้าหุน” วัดบูสต์ได้สูงสุด 20 PSI เป็นรุ่น “PRO-COMP Liquid Filled” หรือ “หน้าน้ำมัน” เอาไว้ป้องกัน “เข็มสั่น” แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็น “วัดรอบ” ขนาด 5 นิ้ว ไอ้ตัวนี้ใส่กัน “สนั่นเมือง” เรียกว่ารถแรงไม่แรงก็ต้องดิ้นรนใส่หมด ที่ทำ “กระจกแตก” มานับไม่ถ้วน “ล่อตาโจร” กันสุดๆ ถ้าใครจอดในที่ลับตาสักหน่อย ยิ่งกลางคืนตาม “สถานบันเทิง” พวก RCA รับรอง “ไม่รอด” ช่วงนั้น “ตลาดมืด” มีของโจรขายกันบาน ดูง่ายๆ “สายไฟถูกตัด” นั่นแหละใช่ แถมมี “Shift Light” เอาไว้ยิงเข้าตาเวลา “รอบถึง” หายทีก็หายทั้งคู่แหละครับ ตอนหลังจากนั้นอีกหน่อย ยุค “หน้าปัดขาว” กำลังฮิต ก็เป็นรุ่นเป็น PHANTOM หน้าปัดขาว ขอบดำ ตามสมัยนิยม…
RECARO
เอ้า ไหนๆ ลามมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องมี “เบาะ” กันหน่อย เบาะเดิมของรถนั่งทั่วไป ดูทรงไม่พึงใจ นั่งแล้วไม่พึงตูด เลยต้อง “ยกเครื่อง” กันใหม่ เอาเบาะซิ่งไฉไลมาใส่ไอ้ตัวแสบ ตอนนั้นเบาะที่ยังตราตรึงใจจนถึงปัจจุบัน แน่นอนครับ ไม่บอกก็ต้องแทงถูกว่าเป็น RECARO แบรนด์ดังระดับโลกจาก “เยอรมัน” เท่านั้น
ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ “TOON MOTOR SPORT” ถ้ายุค 90’s จะให้ “สุดประเทศ” ก็ต้อง “A8” ที่ตอนนั้นคู่ละ “เหยียบแสน” ใครใส่ตอนนั้นถือว่า “ไฮโซ” สุดๆ เพราะเบาะราคานี้คงนับคนซื้อใส่ได้ รุ่นนี้มีสอบแบบ คือ “หนังล้วน” และ “ผ้าลาย” ซึ่งด้านหลังเบาะ จะมีโลโก RECARO A8 เป็นวงกลม สำหรับอีกรุ่นที่นิยมมากในยุคนั้น ก็จะเป็น SR III ที่ถูกใช้เป็นเบาะในรถเวอร์ชั่นพิเศษต่างๆ หลายรุ่น ตอนนั้นยังไม่นิยม Full Bucket Seat เพราะมันไม่เหมาะกับการขับรถใช้งานในชีวิตประจำวัน RECARO ในยุคนั้นจึงเป็นแบบ “ปรับพนักได้” เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงความกระชับที่เหนือชั้นกว่าเบาะเดิมคนละโลก…
ล้อ BBS
ตอนนั้นไม่มีใครเกิน “BBS” รุ่น “RS” ลายรังผึ้ง บางคนบอก “ลายไม่ต้องคิด” คิดไม่ออก บอก BBS มาจากสายฝรั่งก็จริง แต่มีรุ่นสำหรับรถญี่ปุ่นด้วย ถ้าเป็นของคู่กันก็ต้อง BMW E30 ดีว่าเป็น 4 รู 100 มม. เลยเอามาใส่กับ “ยุ่นขับหน้า” ได้ด้วย ยุคนั้น “ของเมื้อนเหมือน” มีเกลื่อน…
CR : พีสี่ภาค