“275” Number of Drag Story

 

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่, ภูดิท แซ่ซื้อ 

“275” Number of Drag Story

เปิดตำนาน และเทคนิคการทำ + ขับ แบบย่อยง่าย

แล้วคุณจะรู้ 275 Never Die!!!

ประจวบเหมาะพอดีที่ฉบับนี้เป็น “Drag Lucky Number” ก็คือ “275” จึงขอนำเสนอเรื่องราวในเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแข่งขันรุ่น SUPER 6 2WD ที่อยู่ยั้งยืนยงคู่วงการ Drag บ้านเรามาตลอด เป็นที่มาของรุ่น 275” ในภาษาที่เรียกกันเข้าใจ นั่นหมายถึงรุ่นที่บังคับใช้ยางหน้ากว้าง 275 มม.” นั่นเอง ซึ่งรุ่นนี้อาจจะดูว่าธรรมดา  เพราะผู้คนไปสนใจกับเหล่า Super Max หรือ Super Dragster กันมาก แต่ในเวทีห้ำหั่นแล้ว บอกเลยว่าเดือดเพราะทั้งนักแข่งเอง หรือช่าง (ซึ่งหลายคนก็เป็นคนเดียวกัน”) ต่างก็ขับรุ่นนี้มานานจนมีประสบการณ์สูง และก็ยังยืนหยัดจะแข่งรุ่นนี้ต่อไป มันเลย Never Die!!! และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของรุ่นนี้ คือมันไม่ง่ายอย่างที่คิดจะทำยังไง รถระดับ 1,000 ม้า ++ แล้วก็เป็นยางเรเดียลรถซิ่งที่มีจำหน่ายทั่วไปอีกด้วย ไม่ได้เหมือนพวก Drag Slick ในรุ่น PRO ขึ้นไป ที่เป็นยางแข่งเฉพาะทางแน่นอนว่ามันไม่เป็นมิตรหากไร้ทักษะการคุมรถจึงต้องมีเทคนิคมากมาย ตั้งแต่การ Setup เครื่องยนต์, ช่วงล่าง และวิธีการขับไม่ใช่แค่กระทืบๆ แล้วมันจะวิ่งได้ นี่แหละเสน่ห์ของ 275 ที่เราจะมาเหลากันในครั้งนี้

ตำนาน SUPER 6 2WD

ก่อนจะเหลาเรื่องยาง ก็ขอรำลึกอดีตกันหน่อย ว่าทำไมรุ่นนี้จึงยอดนิยมสุดๆ เรียกว่าเป็นรุ่นมหาชนกันเลยก็ว่าได้ แล้วมันมาได้อย่างไร

เบิกตำนาน ทำไมต้อง 275 ???

เทคนิคน่ารู้เต็มระบบของ SUPER 6 2WD

ก็อย่างที่บอกว่า เดี๋ยวนี้ก็มีแรงม้าล่อเข้าไปถึง 1,000-1,100 PS กันแล้ว เอาง่ายๆ มันก็สเต็ปเดียวกับรุ่น PRO นั่นแหละ เพียงแต่ไม่ให้ยิงแก๊สเท่านั้น แต่จะทำยังไงที่จะทำให้มันลงพื้นได้โดยที่ไม่แถกไปฟาด Barrier สนามเสียก่อน มันก็จะต้องไปถึงเทคนิคการเซตรถ เทคนิคการขับและอีกหลายๆ อย่างประกอบกัน ส่วนเครื่องยนต์ยอดฮิตตลอดกาล แน่นอน ว่าต้องเป็น 2JZ-GTE พิกัด 3.0 ลิตร แต่ว่าในยุคใหม่นี้ กลับมีแนวเครื่องยนต์เล็กหักใหญ่ในความจุเพียง 2.5 ลิตร !!! แต่สามารถขึ้นโพเดียมได้ด้วย ลองอ่านดูในแต่ละ Part กันครับ

ใหญ่สูตรสำเร็จ แต่เล็กต้องฝีมือ

คงไม่ต้องเว้ากันหลายๆ เพราะเครื่อง 2JZ-GTE เหมือนเป็นตราสัญลักษณ์ของวงการ Drag ทั่วโลกไปแล้ว ที่ตอนนี้ไปไกลถึง Billet Block ที่เป็น Custom ทั้งตัว ฝาสูบดันมีระบบวาล์วแปรผันเหมือน i-VTEC ของค่าย H ได้อีก แต่ในรุ่น SUPER 6 2WD บ้านเราก็อาจจะยังไม่ไปถึงตรงนั้น เพราะมันถูกจำกัดด้วยขนาดยางก็ดีครับ จะได้ไม่ต้องใช้เงินทุนมากไป กลับมาเรื่องเครื่อง ตอนนี้มีกระแสใหม่ โดยการเอาเครื่องสองพันห้าปีนไปแข่ง ดูแล้วเสียเปรียบมาก แต่เอาเข้าจริงแล้วทำได้เพราะในปี 2017 อันดับ 2 เป็นรถของเบนซ์ ทองรัก สนุ๊กเกอร์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1JZ-GTE ทำเวลาได้ “10.007 วินาทีจะลง 9 อยู่รอมร่อแล้ว ที่เจ้าตัวยืนยันว่าเจเดียวแท้ไม่ใช่ผสมเป็น 3JZ (ฝา 1 ท่อนล่าง 2) ของพวกนี้โกหกกันไม่ได้ เพราะคนฟังเป็นจะแยกเสียงออกทันที ถ้า 1JZ จะเป็นเครื่องเน้นรอบเสียงจะเบาๆ หวานๆ จัดๆ ส่วน 2JZ จะเป็นเครื่องเน้นทอร์คเสียงจะทุ้มๆ ใหญ่ๆ ส่วนอีกคันที่ Surprise ในปี 2018 ก็คือ “RB25DET” จาก 1000 SPEED ของพี่พันนั่นเอง นี่ยิ่งแล้วเลย RB25 เครื่องลูกเมียน้อย ที่ใครๆ ก็คิดว่ามันไม่แรงและพังง่าย เดี๋ยวก่อนๆๆๆ คันนี้ได้อันดับ 2 ในรุ่น Street Drag 6 2WD นะครับ ด้วยสถิติเวลา “9.741 วินาทีซึ่งเหล่าเครื่องเล็กก็ต้องมีเทคนิคกันมากหน่อย โดยเฉพาะเทคนิคการขับที่ไม่เคยมีใครเปิดเผยออกสื่อ เอาว่า ผมจะพูดถึงในภาพรวมแบบชัดเจน อ่านง่ายก็แล้วกันนะ

2JZ-GTE

1JZ-GTE 

RB25DET

การเซตช่วงล่าง

พี่เบิร์นเป็นป่าว ???

วลียอดฮิตจากสาวคนหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นคำพูดสำคัญในวงการ สรุปง่ายๆ ก่อนที่จะโดนอ้อย คลองแปดฆ่าหมกออฟฟิศ การเบิร์นยางเรเดียลนั้น ก็มีส่วนสำคัญ ที่จะแตกต่างจากพวก Drag Slick โดยหลักๆ มีดังนี้

อย่ายึดติด ฝึกฝนเท่านั้น ถึงจะเห็นทางไป

สิ่งที่ฝอยไปทั้งหมดนี้ มันเป็นเพียงภาพรวมของการรู้จักกับรถแข่งรุ่น SUPER 6 2WD ที่ใช้ยางหน้ากว้าง 275 มม. ซึ่งมันมีรายละเอียดต่างๆ เยอะมาก จากข้อจำกัดในหน้ายางอันนี้ผมมองว่าดีนะ เพราะทำให้ทุกคนที่จะแข่งต้องคิดเยอะกัน กว่าที่จะเน้นทำแรงม้ามากๆ ซื้อยางใหญ่ๆ แพงๆ เพียงอย่างเดียวมันง่ายไปครับ การกำหนดด้วยหน้ายางนี้ ทำให้มีความเสมอภาคกัน แรงไม่ใช่คำตอบ แต่เซตลงตัว ขับได้หรือเปล่านั่นแหละ พูดง่ายๆ รุ่นนี้จะต้องมีความสัมพันธ์กันทุกอย่างตั้งแต่ทีมช่างไปยันคนขับ ที่จะต้องจูนให้เข้ากัน และต้องฝึกซ้อมเพื่อหาจุดที่ดีที่จุด ถือเป็นเรื่องที่พัฒนาวงการมันเลยกลายเป็นเสน่ห์ของตัวเลข “275” ครับ