เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ในอดีต SKYLINE R32 GT-R ก็คงเป็น “ก๊อตซิลล่าที่รัก” ของคนที่คลั่งไคล้รถยนต์ “ลูกพระอาทิตย์” กันทั้งหลายทั้งมวล คงไม่ต้องพูดถึงตำนาน Group A Racing อันเกรียงไกร ไม่ว่าจะเป็นรถ NISMO จากฝั่งญี่ปุ่น หรือ ถ้าเป็นฝั่ง “ออสซี่” ก็มาจาก GIBSON MOTORSPORT (ที่ทำได้แรงกว่าอีก) หรือจะโมดิฟายแบบ Street Tuned ก็สร้างแรงม้าน่าสะพรึงหลุดโลกไว้ระดับ “1,000 PS” จากขุมพลัง RB26DETT ที่มีความจุเดิมๆ เพียง 2.6 ลิตร เต็มที่ก็ระเบิดไส้เป็น 2.8 ลิตร ถ้าเทียบ “แรงม้าต่อความจุ” ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงมาก นี่ยังไม่นับรวมถึงสมรรถนะที่สูง ทั้งการยึดเกาะถนน Handling รวมถึงหน้าตาที่ “หาเรื่องชาวบ้าน” โดนใจคนเล่นรถทั่วโลก โดยเฉพาะ “ดินแดนพวงมาลัยขวา” นอกจากญี่ปุ่น คือ “ออสเตรเลีย” ที่เล่นกันมาก จนได้ฉายา “ก๊อตซิลล่า” จากเหล่าฝรั่งมังค่าที่ให้เกียรติถึงสมรรถนะอันน่าเกรงกลัวจากมัน…
หรือแม้ว่าจะเป็นรถเดิมๆ จากโรงงาน มีสื่อรุ่นเดอะในไทยเล่มหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ขอแค่ปลดล็อก 180 km/h และเพิ่มบูสต์อีกสักนิด ปรับ Rom ใน ECU ใหม่ รับรองไม่หลบตากับ PORSCHE 911 แน่นอน”
มากไปหรือเปล่า ที่จะพูดอย่างนั้น เด็กอมมือมันยังรู้ว่าสมรรถนะของ 911 (รุ่นต้นยุค 90) มันขนาดไหนกัน เป็นต่อทั้งแรงม้า น้ำหนักที่เบากว่า แต่ขอเพียง GT-R ได้ตามหลอกหลอน หากคนขับ 911 มือไม่ถึงจริง ก็เป็นการยากที่จะสลัด GT-R ไปจากกระจกมองหลังได้ อย่าเปิดทางให้สบโอกาสก็แล้วกัน…
หลังจากที่กระแส 90 กลับมาฮิต หรือจะไม่กระแสก็ช่างมันเถอะ ยังไงซะแล้ว R32 GT-R ก็ยังเป็นที่ต้องการของเหล่านักเล่นรถทั่วโลก เน้นคำว่า “ทั่วโลก” แต่บางที่ก็ถือว่าเป็น Rare Item เพราะเจ้า R32 “ไม่ได้มีขายทั่วโลก” นะคร้าบบบ ด้วยความที่มันเป็นรถที่เน้นตลาดในญี่ปุ่น เพื่อการแข่งขัน Group A Racing ดั้งเดิมทาง NISSAN ก็ไม่ได้ตั้งเป้าจะขาย R32 GT-R เป็น Mass ด้วยซ้ำ ตอนนั้นกะจะขายจำนวนตาม Homologate ของการแข่งขันเท่านั้น ไปๆ มาๆ ก็ออกมาเป็น Production Car จนได้ ที่สำคัญ “NISSAN ผลิตรุ่นนี้เฉพาะพวงมาลัยขวาเท่านั้น” ประเทศที่เป็นพวงมาลัยขวา เช่น ออสเตรเลีย + นิวซีแลนด์ และ “อังกฤษ” หรือ ไอร์แลนด์ (ประเทศเล็กๆ ที่เล่นรถ JDM กันเยอะพอควร) ก็จะมีโอกาสได้ขับ แต่ราคาก็สูงใช่ย่อย เพราะฉะนั้น ดินแดนที่ใช้พวงมาลัยซ้าย จึงไม่มีรุ่นนี้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ เหตุที่ไม่ทำ LHD Spec ตามที่ได้เคยอ่านมาจากแหล่งต่างๆ ว่ากันว่า เป็นเรื่อง “มลพิษที่ไม่ผ่าน” โดยเฉพาะประเทศเขี้ยวๆ อย่าง “อเมริกา” หรือยุโรปบางประเทศ แต่ที่เห็นมีพวงมาลัยซ้าย (เป็นภาพจริงที่ไม่ได้ Flip กลับด้าน) ก็ “ทำกันเอง” หล่อคอนโซลเอง ย้ายพวงมาลัยกันเอง…
ณ ปัจจุบัน R32 GT-R ก็เริ่มจะเข้าไป “อเมริกา” ได้แล้ว เนื่องจากมีกฏว่า “สามารถนำรถพวงมาลัยขวาเข้าไปจดทะเบียนได้ แต่อายุรถต้องเกิน 25 ปี” หรือที่เรียกว่า “25-Years Rules” ซึ่งข้อมูลตรงนี้ มาจากที่ทีมงาน XO AUTOSPORT ได้ไปเยือนอู่แต่งรถใน OSAKA หลายอู่ที่รับโมดิฟายหรือซ่อมรถรุ่นนี้โดยตรง ซึ่งจะเห็น “ก๊อตซิลล่า” จอดไว้นับสิบคัน ปรากฏว่าเป็นนักสะสมชาวอเมริกัน (US Collector) มาซื้อเอาไว้แล้ว รอให้รถมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี (1989-2015) แล้วค่อยทำเรื่องนำเข้าในในอเมริกา…
เราได้ข้อมูลจากเว็บไซต์ Road & Track (ลิงค์อ้างอิงอยู่ท้ายเรื่องนะจ๊ะ) ที่ได้สัมภาษณ์ผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้า “สายยุ่น” รวมถึง “สายเมกัน” เองก็ตาม บอกว่า ราคาของ R32 GT-R รุ่นแรกๆ ปี 1989-1990 (เพราะอายุได้แล้ว) ที่จะเข้าไปในอเมริกา ตอนนี้พุ่งพรวดกันแบบทะลุเพดานถึง “สองเท่า” ของราคารถมือสองในญี่ปุ่น เพราะเรื่องของ 25-Years Rules นั่นเอง ก็แน่ล่ะเพื่อน มันไม่ได้ต้องการเฉพาะอเมริกานี่ ทั่วโลกประเทศอื่นก็ต้องการมากๆ เช่นกัน ก็ไม่แปลกที่ราคาถีบตัวสูงขนาดนั้น ก็แย่งกันหน่อยละนะ แต่ก็มีลุ้นปีถัดๆ ไป ที่รถปี 1992-1993 สามารถเข้าไปได้ ตัวรถก็จะมีมากขึ้น คาดว่าราคาอาจจะ “ลงอีกหน่อย” ก็ไม่แน่ต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าเจอตัว NISMO Version ที่ผลิตมาเพียง 500 คัน ล่ะเพื่อนเอ๊ยยยย ราคาไม่ต้องสืบ ในอเมริกาน่าจะมีประมาณ 3 คัน เท่าที่ทราบข่าว !!!
เป็นไงล่ะ แฟนๆ ก๊อตซิลล่าทั้งหลาย คงภูมิใจกันมากที่รถในตำนานจะ “ทรงคุณค่า” ยิ่งขึ้นไป แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูง ใครมีครอบครองไว้ จงภูมิใจเถิด รักษาไว้ให้ดี (ถ้าคุณไม่ใช่พ่อค้ารถ) แต่ใครยังเก็บมันเป็น “รถในฝัน” เหมือนข้าพเจ้า ก็จงเก็บมันไว้ในจินตนาการ ไว้รอนอนหลับฝันดีเห็น “เลขเด็ด” ตื่นมาเผื่อจะถูกหวยไปซื้อ R32 GT-R มาเก็บกะเขาบ้าง…
ข้อมูลและภาพบางส่วน
