เจาะใจ เปิดกบาล กบตัวไหนที่ “มาริโอ้” โดนหิน !!!
ข้อมูลเทคนิครถยนต์ : อินทรภูมิ์ แสงดี
ข้อมูลฝ่ายข่าว : Tum Tinnakorn
ภาพ : google
หลังจากที่พระเอกลูกครึ่งชื่อดัง “มาริโอ้ เมาเร่อ” เกิดเหตุสะดุดเกือก หลังจากป๊ะกับ TAXI กลางถนนราชปรารภ ก็ปาดกันไปปาดกันมานั่นแหละครับ แล้วเกิดเหตุ “หนังกะติ๊กยิงทะลุกระจก” จาก TAXI ก็เสือกยิงแม่น ล่อซะกระจก “กบเปิดเหม่ง” แตกเลย นายโอ้ก็เกือบซวยเข้าตาไปเหมือนกัน ถ้าโดนตาสงสัยหมดหล่อแน่ ไอ้เรื่องพวกนี้ก็ยากจะพูดว่าใครเริ่มก่อน และเราก็ไม่ใคร่จะสนใจด้วยว่ามายังไง แต่เมื่อมีเหตุขึ้นมาแล้วก็เป็นเรื่องฉะนี้ล่ะครับ เห็นว่าทั้งคู่ก็ยอมความกันแล้วก็ดีใจด้วย ไอ้เรื่องอารมณ์นี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ…
เรื่องดราม่าผ่านไป แต่หลายคนยังสงสัย ว่ากบบ้าพลัง “ปอร์เช่” หรือ “พอร์ช” ที่นายโอ้ขับ ที่กระผมบอกว่าเป็น “กบเปิดเหม่ง” นั่นมันคือรุ่นอะไร ต้องบอกก่อนว่า นายโอ้ นี่ก็เป็นแฟน “นาซีคลาสสิค” ตั้งแต่ VW เต่าตัว Rare ทั้งหลาย แล้วก็ PORSCHE ที่ “ตาพี สี่ภาค” เคยไปเจอตัวเป็นๆ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตอนนั้น นายโอ้ ขับตัว 911 Targa แต่เป็นรหัส 930 แต่คันเกิดเหตุนี้ เป็นรหัส 964 ที่ใหม่ขึ้นมาอีกสเต็ป ก็ให้ ตาพี สี่ภาค เล่าให้ฟังถึงข้อมูลรถรุ่นนี้กันครับ…
ย้อนตำนาน “กบเปิดเหม่ง”
เรื่องของ Targa Roof หรือ Targa Top สำหรับรถสปอร์ต รูปแบบมันจะเป็นหลังคาเปิดกึ่งๆ จะเป็น Cabriolet หรือ Convertible แต่ไม่ใช่ มันเปิดแค่ชิ้นกลางของหลังคา (Roof Panel) เท่านั้น ก็น่าจะเป็น Semi-Cabriolet ได้อยู่ ซึ่งส่วนของเฟรมของกระจกหน้า และเฟรมของเสากลาง รวมถึงกระจกหลังยัง Fix ติดตายตัวเหมือนเดิม ซึ่งด้านหลังที่นั่งหลัง ตรงเสา C ด้านในก็จะต้องมี Roll Bar เสริมความแข็งแรงเอาไว้อีกด้วย ซึ่งหลังคาแบบ Targa นี้ ไม่ได้เปิดแบกบาลหมดเหมือนกับ Cabriolet หรือ Speedster ของ PORSCHE แล้วก็อย่าสับสนกับหลังคาแบบ T-Bar หรือ T-Roof หรือ T-Top (แล้วแต่ใครจะเรียก) ซึ่ง T-Bar นั้น ตรงกลางจะมี “บาร์” เชื่อมเหมือนสะพานลอยระหว่างโครงเฟรมกระจกหน้าและหลัง แต่ Targa นั้น เมื่อเปิดหลังคาออก ที่เหลือจะแยกต่างหากกันอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีอะไรเชื่อมติดกันเลย…
จริงๆ แล้วหลังคาแบบ Targa ก็เริ่มมีในยุค 50’s ซึ่ง FIAT 1200 Vignale ได้ทำหลังคาที่เป็นลักษณะนี้ออกมาเป็น Limited Edition ส่วนค่ายอังกฤษ ก็จะมี TRIUMPH TR4 ที่เรียกว่า Surrey Top ส่วนญี่ปุ่น ก็จะเป็น TOYOTA SPORT 800 ตัวดังในอดีต แต่ในตอนนั้นก็เรียกต่างๆ กันไป ซึ่งยังไม่มีใครใช้คำว่า Targa…
Targa มาจากไหนในโลก
คำว่า Targa ที่เรียกกันติดปากในปัจจุบัน จริงๆ แล้ว เป็นคำที่ถูกจด “สิทธิบัตร” ทางการค้าของ PORSCHE AG ที่จะใช้เป็นชื่อเรียกหลังคาแบบนี้ว่า Targa เริ่มต้นในปี 1966-1967 ด้วยการผลิตหลังคา Targa ในรุ่น 911 Carrera ตัว “เจ้าชายกบ” นี่แหละ ซึ่ง Targa เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า Plate หรือ แผ่น ทาง PORSCHE เอาชื่อนี้มาจากรายการแข่งขัน Targa Florio ซึ่งแข่งกันบนถนนเปิดบนเกาะ Sicily ประเทศ Italy ซึ่ง PORSCHE รับแชมป์ไว้เพียบยันปี 1973 ก็เลยเอาชื่อมาตั้งเป็นรถรุ่นพิเศษของ 911 และได้จดทะเบียนสิทธิบัตรทางการค้า (Trademark) ชื่อ Targa ไว้เป็นของตัวเอง เรียกว่าลอง Search คำว่า Targa ก็จะมีแต่ PORSCHE 911 Targa นี่แหละ…
สำหรับหลังคา Targa นี้ หลายคนอาจจะมองว่าผลิตขึ้นมาทำไมวะ จะเปิดหลังคาสุดก็ไม่สุด กึ่งๆ ยังไงไม่รู้ ทำไมไม่เปิดเต็มไปเลย และด้วยทรงเสาหลังหนาเตอะและค่อนข้างตั้ง ด้วยความที่ด้านในโครงเสาด้านหลังเป็น Roll Bar ที่ต้องทำแข็งแรง และเสาหลังใหญ่และตั้งสูง เนื่องจาก “ต้องเผื่อระยะยุบตัวไว้มากกว่าปกติ” ทำให้รูปทรงของ 911 Targa นั้น “ไม่สวย” ตามไปด้วย แต่บางคนอาจจะชอบเพราะ “แปลก” เหตุที่ต้องผลิตหลังคา Targa ออกมา ก็เนื่องจากรถที่ส่งไปขายใน “อเมริกา” ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่ชอบรถ “เปิดเหม่ง” ซึ่งก็เป็นตลาดใหญ่ของ PORSCHE 911 เช่นกัน (เพราะอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ มีกำลังซื้อมาก) แต่กฏหมายของทาง US National Highway Traffic Safety Administration หรือ NHTSA เข้มงวดในด้านความปลอดภัยมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตรถแบบ Cabriolet ให้ผ่านกฏหมายนี้ได้ จึงต้องออกแบบหลังคาแบบ Targa ที่มีเสาหลังอันใหญ่โตเพื่อป้องกันคนขับเวลา “ลังกาหลัง” ก็เลยต้องมาเป็นฉะนี้แล…
เฮ้ย !!! : อย่าไปสับสนกับตัว 911 T ปี 1968 ซึ่ง T ณ ที่นี้ ไม่ได้หมายถึง Targa และไม่ได้หมายถึง Turbo ด้วยนะ ซึ่ง T ก็คือ Touring เป็นรถรุ่นพื้นฐาน หรือ Base Model ราคาถูกลงจาก 911 S ตัวแรง ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ตัว 911 T จะใช้เครื่องรุ่น 901/03 ความจุ 2.0 ลิตร แรงม้าพอเพียงที่ 110 Hp เท่านั้น ส่วนช่วงล้อหน้าถึงหลัง ก็ยาวขึ้นกว่า 911 S อยู่ 2 นิ้ว สำหรับ 911 T ก็จะมีหลังคาแบบ Coupe ปกติ และ Targa ให้เลือกด้วยนะครับ เรียกว่าเห็นคำว่า หรือ “ได้ยินว่า” 911 T ก็อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็น Targa ก็แล้วกัน จนกว่าจะได้เห็นรถ…
964 Targa ตัวเกิดเหตุ
หลังจากที่ 911 Targa ออกมา และได้รับความนิยมจากคนชอบของแปลกประหลาด ในปี 1989 ก็ได้ออก 911 ซีรีส์ “964” รุ่นนี้ได้รับเทคโนโลยีอันสุดยอดระดับโลกร่ำลือ คือ 959 มาปรับใช้กับ Production Car จุดเด่นของ 964 ก็จะเป็นรุ่น Carrera 4 ที่เป็นแบบ “ขับสี่ล้อ” ซึ่งถอดแบบจาก 959 ที่ใช้ระบบขับสี่แบบกระจายอัตราส่วนล้อหน้า–หลัง มาก่อนเพื่อนในยุคเดียวกัน (ต่อมาก็มีการนำระบบนี้มาใช้กันมาก เช่น MERCEDES-BENZ ก็ปรับใช้เป็นระบบ 4 Matic ส่วนค่ายญี่ปุ่น ก็คือ SKYLINE R32 GT-R นั่นไง) แถมยังมีการใส่อุปกรณ์ทันสมัย เช่น พวงมาลัยเพาเวอร์, ระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic ที่เปลี่ยนเกียร์ได้เองเหมือนเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นแบบอย่างของรถทั่วโลกในทุกวันนี้, ช่วงล่างพัฒนาใหม่ เป็นแบบคอยล์สปริง 4 ล้อ (รุ่นก่อนเป็น ทอร์ชั่นบาร์ พื้นฐานมันก็มาจาก “โฟล์คเต่า” นั่นแหละ แต่ปรับปรุงให้เป็น “ปอร์เช่” หน่อย) มี “แอร์แบ็กคู่” เป็นรุ่นแรกๆ ในโลก !!! ระบบเบรก ABS เครื่องยนต์ใหญ่ถึง 3.6 ลิตร แบบไร้หอย ขย่มม้าออกมาได้ 250 Hp ส่วนรุ่นขับสองล้อ Carrera 2 ก็ตามออกมาอีกเกือบๆ ปีให้หลัง ส่วนปี 1990 ก็มีรุ่น 964 Turbo ออกมาให้เขย่าขวัญเล่น กับขุมพลัง 3.3 ลิตร 320 Hp ส่วนปี 1994 ก็กลับมาใช้เครื่อง 3.6 ลิตร !!! มีพลัง 360 Hp ให้ขยี้เล่น…
สำหรับรูปแบบตัวรถของ 964 Carrera 2/4 ก็มีให้เลือกตั้งแต่ Coupe หลังคาแข็ง, Targa, Cabriolet และ Speedster ซึ่งตัวหลังคา Targa ที่ นายโอ้ เป็นประเด็นอยู่นั้น หากเป็น Carrera 2 หรือ C2 ก็จะมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 3,534 คัน ส่วน Carrera 4 หรือ C4 จะอยู่ที่ 1,329 คัน เท่านั้น ก็นับว่ามีไม่มากนักในโลก เรียกว่าพระเอกของเราก็มีรสนิยมและกระเป๋าหนักพอที่จะเลือกเล่นตัวแปลกๆ หายากซะด้วย มีอยู่ก็ต้องรักษากันไว้ดีๆ ขับขี่ระวังๆ หน่อย รถพวกนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้น “ชีวิต” มีชีวิตเดียวรักษากันไว้ให้ดี รถมีเงินซื้อใหม่ได้ ทำใหม่ได้ ก็ขอให้ “ทุกคน” ใจเย็นๆ กันหน่อยแล้วกัน ด้วยความปรารถนาดี จาก XO AUTOSPORT ครับ…