เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
คงเคยเห็นกรณี “คันเร่งพิฆาต” จากกรณีเกินแม่ม “ค้าง” ที่ไม่ใช่เกิดจากอารมณ์ และไม่ได้เกิดจากอาเพศใดๆ แต่เกิดจาก “คันเร่งไม่ยอมถอน” แม้ว่าเราจะยก Son Teen ออกมาเพื่อชะลอรถแล้วก็ตาม และจะอันตรายสุดๆ โดยเฉพาะจังหวะ “เหยียบคันเร่งลึกสุดใจ” ในขณะแซง หรือโดน “อำนาจเมีย” บังคับให้ไปด่วน (ปกติแล้วถ้าเป็น “เสี้ยม ริมหาด” หรือ “พังพอน แปดร้อย” เจ้าของ “ปีก๊วต สิงห์เขย่ง ยกทรงขาด” ถ้า “มีตัว” จะไปไว แต่ถ้า “เจ้าชีวิต” จะไปแบบโหมดประหยัด)
ตานี้ เมื่อคันเร่งค้าง เราอยากจะหยุดแต่รถเสือกไม่หยุด ยังคงทะยานไปตาม Level คันเร่งที่ค้างเอาไว้ จะเบรกก็ยังไง เร็วๆ คงไม่อยู่ ตกใจวี๊ดว้ายไปกันใหญ่ “ตู้มมมมมมมมมมมมม” เกิดเรื่องกันมาเยอะแล้ว ยิ่งเห็นข่าวยิ่งควรจะต้อง “แนะนำวิธีเอาตัวรอด” กันหน่อย แบบ “ถูกต้อง” นะครับ ที่พวกเราอยากจะแชร์เรื่องนี้เพราะมีบางสื่อ “แนะนำวิธีที่ผิด” เล่นเอาถึงตายเลยนะเมิง !!!
เอางี้ดีกว่า มารู้กันว่าคันเร่งค้างได้ยังไง แล้วเมื่อค้าง เราจะ “ทำยังไง” ด้วยวิธีที่ถูกต้อง อันนี้สำคัญกว่า จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรยากหรอก แต่เรา “รู้ไว้ก่อน” เป็นยอดดี…
มูลเหตุที่ทำให้ “ค้าง”
เมื่อยิงยาวแล้วไม่สำเร็จกิจสมอารมณ์หมาย ก็ย่อมจะมี “ค้าง” กันเป็นของธรรมดา (หมายความว่า เมื่องานไม่เสร็จ เราก็ต้องค้างคืนเพื่อทำงานต่อให้เสร็จ อย่าคิดมาก) เรื่อง “คันเร่ง” ก็เช่นเดียวกัน ประหนึ่งว่าเรา “ย่ำ” ลงไปให้รถมันวิ่ง แต่เมื่อเราต้องการ “หยุด” ยกคันเร่งแต่ “มันไม่คืน” เท่ากับว่ามันเร่งไว้ตลอด Ship หายล่ะสิ มันเกิดขึ้นได้ยังไง…
ข้อผิดพลาดทางกลไกคันเร่งเอง
ทรงนี้ก็อาจจะเป็นได้ทั้งรถเก่าที่ใช้ระบบ “สายสลิง” (Cable) ในการดึงลิ้นคันเร่ง หรือรุ่นใหม่ที่ใช้ “มอเตอร์ไฟฟ้า” (Drive by Wire) ก็อาจจะเป็นได้เหมือนกัน เอาแบบ “รุ่นเดอะ” สายสลิงก่อนแล้วกัน…
- สายคันเร่งฝืด : เป็นไปได้สำหรับรถเก่า ที่ใช้งานมานาน สายคันเร่งเกิดสนิม ไม่เคยใส่สารหล่อลื่น (ลื่นๆ โอ้ว วู้ว ว้าว) หรือ สายคันเร่งวางตำแหน่ง “หักมุมมากเกินไป” ทำให้เกิดการฝืด อาการจะฟ้อง คือ “คันเร่งจะฝืด แข็ง ผิดปกติ” นั่นแหละครับ ถ้ารู้สึกเช่นนี้แล้วก็ “อย่าปล่อยไว้ให้มันเหิมเกริม” รีบทำซะก่อนมันจะค้างจริงๆ ครับ…
- ลิ้นเร่งฝืดค้างด้วย : บางทีก็มี “ตัวการร่วม” ประกอบกัน กลไกลิ้นเร่ง หรือ ลิ้นปีกผีเสื้อ ที่ทำหน้าที่เบิร์น เอ้ย เปิดปิดอากาศเข้าเครื่องยนต์ มากน้อยตามน้ำหนัก Teen ของเรา พอใช้ไปๆ มันก็มีเศษฝุ่นอะไรพวกนี้มา “เกาะ” ไอ้ตรงจุดหมุน ทำให้ฝืด ก็ต้อง “หมั่นดูแลมันหน่อย” ทั้งภายนอกที่เรามองเห็นและทำความสะอาดเองได้ หรือภายในลิ้นเร่งก็สกปรกเพราะ “ละอองน้ำมัน” เกาะนานๆ เป็น Gum เหนียวๆ ก็ทำให้ฝืดได้ ถ้าอย่างเราๆ พอจะ “ซน” หน่อยก็สามารถล้างเองได้ โดยใช้น้ำยาพวก Contact Cleaner ฉีดล้าง แล้วฉีดน้ำยาหล่อลื่นที่จุดหมุนพอประมาณ (พอประมาณนะครับ อย่าล่อซะจนเยิ้ม) ก็ช่วยให้ “ลื่น” ได้เยอะ อย่าลืมนะตรงนี้ผมเชื่อว่าคนส่วนมากจะละเลยไม่สนใจ…
- คันเร่งติดพรม ติดแผ่นยางรองต่างๆ : อันนี้แหละเจอบ่อย สำหรับคนที่ชอบใส่พรม แผ่นยางสังเคราะห์อะไรที่ “หนาๆ” จนทำให้ติดคันเร่งเวลาเหยียบจมแล้วมันไป “ขัด” ติดแม่มอยู่ตรงนั้น งานนี้ละ “ฮาสนาน” หรือไม่ก็เวลาขับรถไป ไอ้พวกนี้มัน “เลื่อนเดินหน้า” ไป ก็ทำให้เกิดเรื่องได้เหมือนกัน ทางแก้ ให้ใช้แผ่นรองที่ “มีความหนาพอประมาณ” เช็คให้แน่ว่ามันจะไม่ทำเรื่อง แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้พวก “ถาดยางหนา” (หน้าฝนมันก็จำเป็นนะ เหยียบน้ำเจิ่งๆ สิ่งสกปรกขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ถาดยางมันก็จะ “เละ” พรมพื้นรถครับ) ก็ให้ “ระวัง” พวกนี้จะทำมา “แบบเดียวใช้ทุกรุ่นในโลก” แน่นอนมันจะ “ไม่พอดี” ก็ต้องดูตรง “มุม” ว่ามันจะไปติดคันเร่งเรามั้ย ถ้าไม่ชัวร์ก็ “ตัด แต่ง” ไอ้ตรงปีกให้มันหลบคันเร่งเราซะ ก็จะช่วยได้เยอะ รถผมก็ใช้วิธีนี้แหละครับ…
- คันเร่งติดสิ่งของ : ประจำว่ะ ส่วนใหญ่จะเป็น “เกิบ” หรือ “ขวดน้ำ” ที่วางไว้ที่พื้นตำแหน่งคนขับ เวลาเบรกทีมันก็ “สไลด์ดิ้ง” ไปด้านหน้า จังหวะเหมาะมันก็จะไป “ขัด” ไม่ใช่เฉพาะคันเร่ง “ขวดน้ำขัดใต้แป้นเบรก” เหยียบเบรกไม่ลงก็ “โครม” มาเยอะแล้ว อย่าได้วางในตำแหน่งคนขับเด็ดขาดครับ เอาไปไว้ที่อื่น และ “จัดเก็บให้เรียบร้อย” อย่าปล่อยมันอาละวาดได้ อีกประการ รถสมัยใหม่บางรุ่นที่ “พื้นเรียบ” คานใต้เบาะมีขนาดเล็ก หรือ ไม่มีเลย (ไม่เหมือนรถรุ่นเก่าๆ ที่จะมีคานขวางใต้เบาะค่อนข้างใหญ่) ก็ยิ่งต้องระวังครับ ผมเคย “ทดลอง” เอาขวดน้ำขนาดเหมาะมือวางไว้ที่พื้นหลังขวา ลองเบรกแรงหน่อย มันกลิ้งมาได้จริงๆ ว่ะ เตือนแล้วนะครับ…
- คันเร่งไฟฟ้า ทำงานผิดพลาด : ผมเคยได้เห็นและได้ฟัง ว่ามีเคสนี้เหมือนกัน จาก “กล่องคันเร่งที่ติดตั้งเอง” บางอัน ที่อาจจะ “ซวย” ไปเจออันที่มีปัญหาเข้า อันนี้แหละครับที่ต้องระวัง เพราะมันไม่บอกอาการล่วงหน้า ถ้าพบเจอปัญหาคันเร่งผิดปกติ ให้รีบ “ถอดสาย” ออกครับ อย่าดันทุรังใช้…
ถ้าเกิดเหตุจะแก้ยังไงดี ???
ตรงนี้สำคัญ กับ “สติ สติ สติ” ที่จะต้องมีเสมอเวลาขับรถ คิดซะว่านอกจากเราจะตั้งใจขับรถแล้ว เราจะต้อง “ตั้งมั่น” ในการ “เผื่อแก้ปัญหา” หรือ “คาดการณ์ล่วงหน้า” ด้วยนะครับ แต่อย่า “ประสาท Dag” จนเกินไป ตั้งสติไว้ดีๆ แล้วกัน เวลาเกิดคันเร่งค้าง เราจะทำยังไงให้สถานการณ์มัน “สงบ” ไม่เลวร้ายจนเกิดเหตุร้ายแรง หรือ “ผ่อนหนักเป็นเบา” ได้ครับ…
- เบรก และ ใส่เกียร์ว่าง เป็นอันดับแรก : จงอย่าได้ยื้อคันเร่งเพื่อให้หลุด บางคนสติแตก “กระทืบๆๆๆๆ คันเร่งเพื่อให้มันหลุด ยิ่งทำให้เลวร้ายหนักครับ รถยิ่งเร็วขึ้นไปอีก สถานการณ์อย่างนั้นเสี้ยววินาทีหมายถึง “หายนะ” ใหญ่โต อย่าสนใจคันเร่งครับ ให้เบรก และ “ใส่เกียร์ว่าง” ก่อน เพื่อ “ตัดกำลังของเครื่องยนต์”
- รอบเครื่องจะสูงช่างมันครับ อย่าตกใจ : ตามนั้นครับ เมื่อคันเร่งค้าง รอบเครื่องจะเร่งสูง อย่าสนใจมันครับ มันไม่พังหรอกเพราะกล่อง ECU จะ “ตัดรอบ” ไว้ เมื่อเราปลดเกียร์ว่างได้แล้ว มันก็เหมือน เสือกระดาษ” จะ 1,500 แรงม้า หากเรา “ตัดกำลัง” ปลดเกียร์ว่างได้แล้ว เร่งให้ตายห่ามันก็ไม่ได้หรอกครับ เรามีหน้าที่เพียงประคองรถเข้าหาจุดปลอดภัยครับ…
- ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด !!! ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด !!! ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด !!! : อันนี้แหละเห็นจาก “สื่อออนไลน์” ใครเขียนก็ช่างเถอะ ดันไปแนะนำให้ “ดับเครื่อง” ซะงั้น แล้วคนแนะนำนั่นจะรู้ไหม ??? ว่าการดับเครื่องนั้นจะสร้างความบรรลัยให้ขนาดไหน ??? เมื่อเราดับเครื่อง สิ่งที่ตามมา คือ “พวงมาลัยเพาเวอร์ไม่ทำงาน” ควบคุมรถไม่ได้ หรือได้ก็ยากมาก และ “เบรกแข็ง” เหยียบไม่ลง เพราะ “สุญญากาศในระบบหม้อลมไม่มี” เอาละจุ้ย คุณท่านไปแนะนำแบบนี้ ใครไม่รู้เกิดไปทำตาม คิดเองนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคนที่เชื่อบทความที่มีข้อมูลผิดพลาด ไม่เชื่อก็ลองดูเองนะครับ…
- ระบบเซฟตี้ รถคุณมีไหม รู้ไว้ก็ดีนะ : รถรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบคันเร่งควบคุมด้วยไฟฟ้าบางรุ่น ก็จะมีระบบเซฟตี้สำหรับเคสนี้ เช่น หากคันเร่งเร่งค้างอยู่ แต่มีการ “เหยียบเบรก” พร้อมๆ กันไปด้วย ระบบจะ “ตัดกำลังเครื่องยนต์เอง” แต่ไม่ดับนะครับ เครื่องยนต์ยังคงทำงานอยู่ อันนี้ให้ศึกษานะครับว่ารถท่านมีระบบนี้หรือไม่…
- จอดรถ เช็คปัญหา : ลองดูครับ ลองเช็คดูหน่อยว่ามันเกิดจากอะไร ถ้าติดพวกแผ่นยาง พรมชิ้น ก็เอาออกไปก่อน สิ่งของติดก็เก็บให้เรียบร้อย ถ้าคันเร่งค้างก็ให้ดึงออกมา ลองเหยียบๆ ดูอีกที ว่าจะมีโอกาสค้างอีกมั้ย ถ้า “ลิ้นเร่งค้าง” ก็เปิดฝากระโปรงแล้ว “ดันลิ้นเร่งกลับ” แต่ถ้า “ทำไม่เป็น” ก็ “ถึงมือช่าง” เถอะครับ…
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ขอให้มี “สติ” จะได้ประคองเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย ซึ่งเคสคันเร่งค้างนี้ แม้จะเกิดจากเรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่มหาศาล ถึงขั้น “คร่าชีวิต” กันได้ ระวังและใส่ใจกันหน่อยก็ดีครับ ด้วยความปรารถนาดี…