ต้องยอมรับว่า “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงมีพระปรีชาญาณหลายๆ อย่าง ที่จะช่วยเหลือประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะเกษตรกร ที่เป็นกำลังหลักของประเทศไทย ซึ่งมีผลผลิตทางการเกษตรมากมายที่จะนำมาแปรรูปเพื่อเป็นประโยชน์ต่อยอดอีกมหาศาล หนึ่งในโครงการริเริ่มของ “เชื้อเพลิงยุคใหม่” ก็คือ “แก๊สโซฮอล์” หรือ “Gasohol” นั่นเอง คงทราบกันดีแล้วว่า คำนี้มาจาก Gasoline + Alcohol (แก๊สโซลีน ก็คือ เบนซิน นั่นเอง) ซึ่งเป็นการลดปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินลง เนื่องจากมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง และนำ “เอทานอล” ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ที่ผลิตมาจากพืชผลทางการเกษตรหลักๆ คือ “อ้อย” ที่บ้านเรามีมาก และอนาคตอาจจะมีราคาตกต่ำได้ รวมถึงที่มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำมันขาดแคลน ซึ่งพระองค์มีสายพระเนตรที่กว้างไกล เลยมีโครงการพระราชดำริในการผลิต “แก๊สโซฮอล์” ขึ้นมาเพื่อทดแทนน้ำมันเบนซินปกติ…
โครงการที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน โดยที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ
- แม้ว่าเราจะรู้จักแก๊สโซฮอล์ได้ไม่นานนัก จนคิดว่าน่าจะเพิ่งจะมีการคิดค้นขึ้นมา แต่ความเป็นจริงแล้ว พระองค์ท่านริเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 ซึ่งทดลองใช้งานภายใน “วังสวนจิตรลดา” ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานเงินทุนวิจัยเป็นจำนวน “925,500 บาท” สำหรับสร้างอาคารโรงงาน และ อุปกรณ์การผลิตต่างๆ ในขั้นพื้นฐาน…
- ในวันที่ 9 พ.ค. 2529 พระองค์ท่าน และ สมเด็จพระเทพฯ ได้เปิดอาคารค้นคว้าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงการผลิตเอทานอลจากอ้อย เพื่อพยุงให้อ้อยมีราคา เกษตรกรก็จะได้มีรายได้กันทั่วประเทศ และประชาชนจะได้ใช้เชื้อเพลิงที่มีราคาถูกลง ลดการนำเข้าน้ำมันเบนซินจากต่างประเทศ…
- ในปี พ.ศ. 2533 บริษัท สุราทิพย์ จำกัด สนับสนุนการกลั่นเอทานอลบริสุทธิ์ 95 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากขณะนั้นการกลั่นเอทานอลยังมีราคาสูงมาก กลั่นออกมาได้ประมาณ 5 ลิตร ต่อ 1 ชม. จากกากน้ำตาล แต่พอไปลองเติมกับรถยนต์ที่ใช้งานในโครงการดูแล้ว “ยังไม่สำเร็จ” เพราะในเอทานอลยังมี “น้ำ” เจือปนอยู่ จึงต้องนำไปแยกน้ำออก ที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย…
- หลังจากนั้นอีก 4 ปี ในเดือน ต.ค. 2537 ทางโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ได้ร่วมกับ บริษัท สุราทิพย์ เพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับการผสมน้ำมันเบนซินในอัตราส่วน 1:4 ซึ่งจะเรียกกันว่า “แก๊สโซฮอล์” ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง…
- ช่วงนั้นได้ทำการทดสอบน้ำมันแก๊สโซฮอล์กับรถยนต์ของโครงการฯ ในการใช้งานปกติ ซึ่งตัวผู้เขียนเองได้รับข่าวจากผู้ที่เคยอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ในตอนนั้น ว่ารถทดสอบของพระองค์ท่านเอง หนึ่งในนั้นคือ “รถโฟล์คเต่า” ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์นี้วิ่งได้เหมือนกัน…
- วันที่ 9 พ.ค. 2540 โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ร่วมกับ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพิ่มคุณภาพของเอทานอลที่จะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง จากเดิม เอทานอล 90 % ที่โครงการฯ ผลิตได้ ไปกลั่นซ้ำอีกครั้ง จนได้เอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ถึง “99.5 %” เลยทีเดียว…
- สำหรับอัตราส่วนในการผสมเอทานอล 99.5 % อยู่ที่ “1:9” นั่นหมายถึง เอทานอล 10 % กับ น้ำมันเบนซิน 90 % ถ้าใช้รหัสเฉพาะทาง คือ E10 หมายถึง Ethanol 10 % ส่วน E20 ก็จะเป็น Ethanol 20 % นั่นเอง…
- สำหรับแก๊สโซฮอล์ที่ตอนนี้นิยมมากในการนำไปใช้กับรถโมดิฟาย คือ E85 ที่จะเป็น Ethanol ถึง 85 % เพราะ “ราคาถูก” และ “ให้ค่าออกเทนได้สูง” จึงสามารถเพิ่มองศาไฟจุดระเบิด และ เพิ่มแรงดันเทอร์โบ (บูสต์) ได้ ทำให้ได้สมรรถนะเพิ่มขึ้น…
- ข้อดีของ “พื้นฐานแอลกอฮอล์” คือ ให้ค่าออกเทนได้สูง และ สามารถลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ได้ เท่ากับเพิ่มออกซิเจนในการจุดระเบิดได้มากขึ้น และ ลดการชิงจุด (Knock) ได้ สามารถปรับแต่งและโมดิฟายเพิ่มได้ดังกล่าว…
- แต่ “ข้อควรระวัง” ก็มีเช่นกัน ประการแรก เรื่องการ “กัดกร่อน” โดยเฉพาะเหล่า E85 ที่มี Ethanol ผสมอยู่สูง ถ้ารถที่ไม่ได้ผลิตมาเพื่อใช้ E85 แล้วมา “ใช้เองทีหลัง” จะต้อง “เปลี่ยนท่อยางของระบบเชื้อเพลิง” ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากของเดิมไม่ได้ออกแบบให้ทนกับการกัดกร่อนของ E85 ได้ จริงๆ รถใหม่คงไม่ใช่ปัญหา เพราะมันคงทนได้ระดับหนึ่ง แต่ท่อยางจะอายุสั้นลงไปบ้าง สำหรับรถที่เริ่ม “มีอายุ” เกินกว่า 5 ปี ถ้าจะใช้ E85 ก็ควรจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อความแน่นอนครับ…
- นอกจาก แก๊สโซฮอล์ แล้ว ยังมีน้ำมัน “ดีโซฮอล์” ก็คือ “ดีเซล + แอลกอฮอล์” ผสมเข้าด้วยกัน ซึ่งทดลองใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลของรถกระบะ หรือ รถแทร็กเตอร์ ที่ใช้ในโครงการ ซึ่งลดควันดำได้ 50 % และให้กำลังได้ดีพอสมควร ซึ่ง ดีโซฮอล์ ยังเป็นโครงการศึกษาวิจัยในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เท่านั้น ยังไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ…
พลังงานจากพระปรีชาญาณ
ต้องยอมรับว่า ในอดีตที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบจริงๆ ว่า “แก๊สโซฮอล์” นั้นมาจากไหน อาจจะคิดว่ามาจากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายยักษ์คิดค้นขึ้นมา แต่จริงๆ แล้ว “เป็นแนวคิดจากพระปรีชาญาณของในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่ทรง “มีพระอัจฉริยภาพ” พระองค์ท่านลงทุนลงแรงวิจัยน้ำมันเชื้อเพลิง “พลังงานผสม” ที่เหมาะสมกับประเทศไทยเป็นเวลานาน “หลายสิบปี” แล้ว ให้คนไทยได้มี “พลังงานทางเลือก” ในการใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูง และ ราคาย่อมเยาว์ นับว่าเป็นความโชคดีของประชาชนชาวไทยจริงๆ…
เรียบเรียง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ข้อมูลและภาพบางส่วน : https://www.tumcivil.com/engfanatic/content/file/article/839-file1.pdf, www.khaosod.co.th/special-stories/news_80337, https://4.bp.blogspot.com/-ytYwyfhQStM/UMFspI960PI/AAAAAAAAAB4/HR1xdO0UL2A/s1600/logo01.jpg,