XO เล่ม 155 เดือน ก.ย. 2552
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : ทวีวัฒน์ วิลารูป, วิวัฒน์ ภัยวิมุติ
MILLIONARE SUPRA
Full Carbon Body & Full Step 2JZ 3.4 L
NAPREC CYL. HEAD Over Half of Million, Ikeya Formula Suspension
Big Project by OVERDRIVE
เป็นปกติของคอลัมน์นี้ ที่จะต้องหาอะไร “พิเศษ” มาให้ท่านชมกัน เป็นความโชคดีที่นักดริฟต์หน้าหยก “นนท์” สรานนท์ พรพัฒนารักษ์ ได้ออนไลน์สายตรงมาให้ช่วย “จัด” รถคันนี้ให้หน่อย ซึ่งเป็น SUPRA ที่มีความพิเศษแบบอลังการ ซึ่งความพิเศษนี้ หมายถึง “มีสไตล์ที่โดดเด่น” เป็นที่น่าสนใจ ในฉบับนี้ก็จะพานายแบบหล่อ ๆ เป็นสปอร์ตยอดนิยมเหลือเกิน เห็นท่าก็บอกได้เลยว่าคือ “SUPRA JZA80” ที่ลงมือทำกันแบบครบถ้วนตั้งแต่เส้นผมจดปลายเท้า ภูมิใจนำเสนอโดยทีม OVERDRIVE + HKS THAILAND + YOKOHAMA ซึ่งเป็นทีมดริฟต์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คันนี้ก็เป็นของ “คุณโอ๊ต” หัวหน้าทีม ที่ทำขึ้นมาเพื่อ “ขับเล่น” เป็นบางครั้ง แต่เหตุที่ทำจริง ๆ ก็เพราะ “ชอบ” และ “ความสุขทางใจ” ซะมากกว่า สำหรับรายละเอียดของรถคันนี้ ก็มีการทำกันแบบ “ถึงใจ” จริง ๆ เน้นกันทุกจุด ตั้งแต่ตัวถังก็จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เครื่องยนต์ 2JZ-GTE ขยายความจุเป็น 3.4 ลิตร ทีเด็ดอยู่ที่ “ฝาสูบ” ทำจากเจ้าสุดยอดในญี่ปุ่น ด้วยงบประมาณเกิน “ครึ่งล้าน” แต่ก็สมกับงานที่ได้มา ไล่ไปยันช่วงล่าง เปลี่ยนของซิ่งครบชุด สาธยายตรงนี้คงไม่หมด ตามมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง รับรอง “สะใจ” แน่นอน…
ตัวถังแบบ All Carbon By YATT
สำหรับตัวถัง ก็จะเป็นจุดเด่นเตะตามาก่อน เพราะเล่นเป็น Full Carbon ทั้งคันกันเลยทีเดียว จัดว่าเป็นคันแรกของไทยที่ทำแบบนี้ งานคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด จะเป็นฝีมือของ YATT เจ้าดังที่รู้จักกันดี แต่ยังไม่ได้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เพียว ๆ อันนี้จะห่อ (Wrap) ทับชุดบอดี้พาร์ทของ TOP SECRET อีกที เลยทำให้ดูสวยแปลกตาไปกว่าที่เคยเป็น สำหรับด้านในสุด ก็ยังเป็นบอดี้เหล็กอยู่เช่นเดิม ก็เพราะยังต้องการความปลอดภัยอยู่ ตอนนี้ก็เลยแบกน้ำหนักตัวรถเยอะไปหน่อย เพราะมีเปลือกถึง 3 ชั้น (เหล็ก + พาร์ท + คาร์บอน) แต่ในอนาคต หากจะเกิดทำไว้ Drift เล่น ๆ เพื่อโชว์ ก็ต้องลดน้ำหนักลง โดยการรื้อโครงเหล็กออก ส่วน “เปลือก” ไม่แน่ว่าอาจจะทำเป็น Full Carbon Shell ก็คือ เป็นตัวถังแบบคาร์บอนเพียว ๆ ก็จะได้น้ำหนักที่เบาลงมาอีก ก็เป็นสเต็ปต่อไปที่เจ้าของรถกำลังพิจารณาอยู่…
Short Story of Carbonfiber
ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องคาร์บอนไฟเบอร์แล้ว ก็ขอแนะนำเกี่ยวกับ “ที่มาที่ไป” ของแร่ใยชนิดนี้นิดนึง ก็ขอแบบคร่าว ๆ พอให้รู้จักบ้างละกัน สำหรับ Carbonfiber ก็จะเรียกได้หลายอย่าง เช่น Graphite Fiber หรือ Carbon Graphite ก็ได้ ก็จะเป็นเส้นใยไฟเบอร์ที่มีความเล็กมาก เส้นผ่าศูนย์กลางมันแค่ 0.005-0.010 มิลลิเมตร เล็กกว่าเส้นผมของคนเราอีก โดยมีส่วนผสมของ “คาร์บอน” ซึ่งตัวมันเองก็จะมีผลึกเล็ก ๆ อยู่มากมาย มีโมเลกุลแน่นหนา ทำให้เกิดความแข็ง ทนทาน เส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์เล็ก ๆ ที่ว่ามา ก็จะนำหลาย ๆ เส้นมาถักทอเป็นเส้นใยมัดเกลียวเหมือนด้ายดิบ ก็จะได้เส้นใยที่มีความแข็งแรง เหนียวแน่น แล้วก็นำมาสานต่อกันเป็นแผ่น (ลายที่สานก็จะเป็นลายที่เราคุ้น ๆ ตอนเรียนวิชาการฝีมือตอนเด็ก) แล้วก็นำมาทำเป็นชิ้นงานที่เราต้องการ…
สำหรับข้อดีของคาร์บอนไฟเบอร์ นอกจากความแข็งแรงแล้ว ยังได้เรื่อง “น้ำหนักเบา” และ “ทนต่อแรงดึงได้สูง” อีกข้อหนึ่งก็คือ “สามารถทนความร้อนได้สูง โดยไม่เปลี่ยนสถานะ” พูดง่าย ๆ ก็คือ พอเจอความร้อนสูง ๆ ก็ไม่ขยายมาก จึงนิยมใช้ในการผลิตชิ้นส่วนของ “อากาศยาน” (Aerospace) ชนิดต่าง ๆ ตัวอากาศยานเอง ดูเผิน ๆ ว่ามันก็ลอยไปมาอยู่บนฟ้า ไม่น่าจะทำให้ร้อน แต่ใน “การเสียดสีกับอากาศด้วยความเร็วสูงจัด” บางครั้งก็เร็วเหนือเสียง (เครื่องบินรบต่าง ๆ) จึงเกิดความร้อนสูงมาก วัสดุที่ใช้จะต้องทนได้ ไม่อมความร้อน และไม่เปลี่ยนสถานะ ส่วนที่นิยมใช้อื่น ๆ ก็มีมากมาย แต่ที่เราจะเห็นได้มากก็คือ ใช้ในวงการ “มอเตอร์สปอร์ต” ที่ต้องการวัสดุที่มีคุณสมบัติตามนี้ เราจะเห็นคาร์บอนไฟเบอร์มีบทบาทตรงนี้มากทีเดียว และเป็นที่นิยมสูงในปัจจุบัน แต่ “ข้อเสีย” ของมันก็มี อันดับแรก “แพง” อันดับสอง ตัวมันเองจะเป็นวัสดุที่ “เหนียว แต่เปราะ” กล่าวคือ สามารถทน “แรงบิด แรงดึง” ได้สูงมาก แต่ไม่ทนเมื่อมีแรง Shock หรือแรงกระแทกหนัก ๆ เช่น เจอของแข็งทุบ หรือขับชน ตัวมันจะแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทันที ที่ต้องระวังอีกหน่อยก็คือ ตัวใยมันมี “ความแหลมคม” สูง ถ้าเจอมันทิ่มจะซี้ดซ้าดเป็นพิเศษ ถ้าหักในคาในเนื้อเราก็ไม่เป็นผลดี เอาออกยาก ก็ต้องระวังตรงจุดนี้ด้วย อย่าเอามือไปสัมผัสใยที่แตกหักแบบ On The Rock ถ้าจำเป็นต้องสัมผัส ก็ใส่ถุงมือผ้าหนา ๆ ป้องกันจะดีที่สุด…
2JZ-GTE ชุดใหญ่ รอวันปลดปล่อย
สำหรับขุมพลังของคันนี้ ตอนที่ถ่ายทำก็ยังเป็นเครื่อง 2JZ-GTE ธรรมดาอยู่ ยังไม่ได้โมดิฟายเต็มชุด เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับเซ็ตรถเบื้องต้นก่อน เลยยังไม่ได้ทำเครื่องตัวสุดยอดนี้ขึ้นมา แต่ของที่สั่งนั้นมาครบแล้ว รอวันประกอบ ไว้ทำเสร็จครบถ้วน จะได้สำแดงพลัง แล้วเอากราฟแรงม้ามาฝากกันภายหลัง สำหรับคันนี้ ก็จะเอาสเต็ป “สุด” ก็คือขยายเป็น “3.4 ลิตร” เพื่อเพิ่มแรงม้าและแรงบิดให้สุดขั้วหัวใจ เผื่อจะเอาไว้ “ปั่นสโมค” ด้วยแรงบิดอันมหาศาล คันนี้ก็ไม่พลาดที่จะเล่นกับสเต็ปสูงสุด ด้วยการขยายความจุด้วยชุดคิตของ HKS Stroker Kit ที่มีความจุรวม “3,352.3 ซี.ซี.” จากความกว้างกระบอกสูบ 87.0 มม. เจอกับช่วงชัก 94.0 มม. (ยาวกว่าเดิมถึง 8 มม.) นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนแคร็งค์น้ำมันเครื่องเป็นของ GReddy ที่ด้านในออกแบบใหม่ กันน้ำมันเครื่องกระฉอก ควรจะมีในรถแรงม้ามาก ๆ อย่างนี้…
NAPREC สุดยอดแห่งฝาสูบ
ส่วนที่เป็นสุดยอดของคันนี้ ก็จะอยู่ที่ “ฝาสูบ” มีการปรับแต่งโมดิฟายกันอย่างเต็มที่ เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำแรงม้าได้ เป็นฝีมือของสำนัก NAPREC หรือ NAGOYA PRECISION เจ้าดังแห่งญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงในการทำฝาสูบชั้นเลิศมานาน ซึ่งบอกด้วยปากไม่ได้ว่าดียังไง ต้อง “ดูด้วยตา” ถึงจะรู้สึกถึงความเจ๋งของมัน ด้วยสนนราคาการโมดิฟายฝาสูบ “กว่าหกแสนบาท” เกินครึ่งล้านเข้าไปแล้ว ไม่ดีจริงคงไม่แพงขนาดนี้ ดูเผิน ๆ อาจจะคิดว่ามันแพงตรงไหน แค่ขัด ๆ แยง ๆ แต่การทำฝาสูบโดยแท้จริงแล้ว จะต้องมีการ “วัด” และ “คำนวณ” ให้เหมาะสมในการ Flow ของอากาศ จะต้องสมบูรณ์ที่สุด ทุกสูบจะต้องเท่ากัน คนทำจะต้องรู้สเป็กเครื่อง ลักษณะโค้งของช่องพอร์ต ว่าจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด รวมถึงนิสัยเครื่องที่เราต้องการด้วย เพราะการทำฝาสูบจะกำหนดเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน ทุกอย่างต้องผ่านการคำนวณหมด หากจะหวังผลเลิศ รถคันนี้ทำสเต็ปแบบ Full Race จึงใส่เต็มที่ สปริงวาล์ว และตัววาล์ว Over Size ก็เป็นของ NAPREC ส่วนแคมชาฟท์เป็นของ HKS 264 องศา ในด้านไอดี และ 272 องศา ในด้านไอเสีย เพราะต้องการให้ขับง่ายบนถนนด้วย และใส่ระบบ “V-CAM” ที่ปรับจังหวะการเปิด–ปิดของแคมชาฟท์ด้านไอดีได้อีกด้วย คันนี้ใช้เครื่องยนต์ 2JZ-GTE รุ่น VVT-i ก็สามารถใส่ระบบ V-CAM ได้เลย ที่ต้องปรับเพิ่มเพราะองศาแคม และเครื่องยนต์เปลี่ยนสเต็ปไปมาก จึงต้องปรับเพิ่มเพื่อให้ได้จังหวะที่เหมาะสมที่สุด และยังมีแรงในรอบต่ำอีกด้วย…
- ขุมพลังระดับบิ๊กไซส์ ซึ่งกำลังจะบิ๊กไซส์กว่า ระเบิดเป็น 3.4 ลิตร กับแรงม้าเกือบครึ่งหมื่น (ขา) ท่อร่วมไอดี GReddy ระบบหัวฉีด ใช้ราง HKS และตัวฉีด HKS 1,000 ซี.ซี. ค้ำโช้คหน้าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ สั่งทำพิเศษ มองไปสุด ๆ จะเจอโบล์ว ออฟ วาล์ว HKS RACING TYPE II และควบคุมด้วยกล่อง HKS F-CON V PRO 3.24
- HKS T62R เทอร์โบรุ่นล่า ใหญ่ยักษ์ ซึ่งทำแรงม้าได้ตามเป้า เฮดเดอร์ HKS Set up Kit เวสต์เกต HKS GT II ท่อทางเดินอากาศทั้งหมดเป็นชุดคิตของ HKS ทั้งหมด สายถักเปลี่ยนเป็นของ SUMMIT
- HKS 3.4 L Stroker Kit ข้อเหวี่ยง 94.0 มม. แบบ Full Counter Weight ลูกสูบ 87.0 มม. ก้านสูบแบบ H-Beam
- อันนี้เป็น Short Block ที่ทำส่งมาจากญี่ปุ่น ใส่ชุด Stroker Kit มาเสร็จสรรพ แพ็กมาอย่างดี
- ลูกสูบ HKS หัวสูบเป็น “นิกเกิล” ส่วนด้านข้างสูบที่เห็นสีเทา ๆ ฟ้า ๆ นั่นก็คือ “เทฟลอน” (คุ้น ๆ มั้ยครับ ที่เอาไว้ทำกระทะน่ะ) ข้อดีคือ ทนความร้อนได้สูง เนื้อผิวลื่นมาก ไม่ติดพื้นผิวอื่น
- ฝาสูบ NAPREC (ในภาพเป็นของ SR20DET เนื่องจากของ 2JZ-GTE ยังไม่แกะห่อ เพราะจะแกะแล้วประกอบเลย กลัวฝุ่นเข้า) ความเรียบร้อยในการทำฝา “เนียน” จริง ๆ การเจียร์มุมต่าง ๆ หรือการเก็บงาน ทำได้อย่างสวยงาม เนี้ยบ และมาตรฐาน ซึ่งของเหล่านี้จะมีผลต่อเครื่องยนต์อย่างมาก
- เกียร์ HKS Sequential 6 สปีด ของ 2JZ-GTE โดยตรง ซึ่งก็เป็นคนแรกในเมืองไทยที่สั่งมาใช้ พร้อมชุดคลัตช์ HKS GD PRO TWIN PLATE สองอย่างนี้รวมกัน สนนราคาก็ซื้อรถใหม่ขนาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ได้ 1 คัน!!!
Comment : ณัฏฐะวุฒิ เครือประดับ (โอ๊ต OVERDRIVE)
เจตนาของผมที่ทำคันนี้ขึ้นมา ก็อยากจะให้มันเป็นตำนาน SUPRA ในเมืองไทย ที่ตกแต่งกันแบบครบ ๆ ทุกชิ้น โดยใช้ของที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มสมรรถนะและความสวยงามไปพร้อม ๆ กัน รถคันนี้ก็ผ่านมาหลายคน ซึ่งแต่ละคนก็ทำแบบสุด ๆ ทั้งนั้น ผมเองพอซื้อมาแล้วก็อยากจะให้มันสุด ๆ บ้าง ก็เริ่มตั้งแต่ตัวถัง เดิมทีเป็นชุด TOP SECRET อยู่แล้ว ก็อยากจะเอาไว้ เลยคิดว่าน่าจะหุ้มด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เพื่อให้เป็นคันแรกในเมืองไทยที่ใช้ตัวถังแบบ Full Carbon ส่วนเครื่องยนต์ ก็จะทำให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็หวังไว้ประมาณ 1,200 แรงม้า ส่วนภายใน ก็จะทำให้ครบครัน เรียบร้อย และช่วงล่าง ก็เปลี่ยนใช้ของ Ikeya Formula ทั้งหมด ซึ่งเป็นคันแรกที่ใส่เหมือนกัน จุดประสงค์ก็คือ ทำไว้เพื่อเป็นความสุขส่วนตัว และนำมาขับสนุก ๆ บ้างบางครั้ง ทั้งบนถนน และ Drift แบบ Entertain ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้เครื่องตัว 3.4 ลิตร เสร็จเรียบร้อยก่อน ก็จะได้ทราบถึงสมรรถนะมันจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท้ายสุดก็ขอขอบคุณ “HKS THAILAND” สำหรับการโมดิฟาย และการสนับสนุน, “นนท์” สรานนท์ ที่ช่วยเหลือในการ Support ด้านต่าง ๆ ให้, “พี่ใหม่ P&C” สำหรับการวางระบบสายไฟ และเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ, “Wash’s Happen” สำหรับการดูแลเรื่องความสวยงาม และความสะอาด, “YOKOHAMA” สนับสนุนยางให้กับทีม และ “YATT” สำหรับงานคาร์บอนไฟเบอร์ครับ…
Comment : อินทรภูมิ์ แสงดี
ต้องบอกว่าเป็น SUPRA ที่อลังการจริง ๆ ในด้านของซิ่งที่ใส่เข้าไป ก็อยู่ในระดับแนวหน้าทุกชิ้น แต่สิ่งที่พิจารณาไม่ใช่แค่ Detail หรือความหรูหรา หรือความแพงในของที่ใส่ แต่ชื่นชอบตรงที่ว่า ของที่ใส่ไป “เพิ่มสมรรถนะ” ให้กับตัวรถได้อย่างดี ซึ่งบางอย่างแพง แต่จำเป็นก็ต้องยอมซื้อ ทั้งนี้ ก็อยู่ที่ผู้ทำจะต้องการสเต็ปไหน มีงบประมาณเท่าไหร่ สำหรับเรื่องความแรงบนไดโนเทสต์ บอกตรง ๆ ว่า “เสียดายมาก” ที่ครั้งนี้ไม่มีมาฝากกัน เพราะรีบเอารถมาลงให้ดูกันก่อน (เห็นแล้วอดใจไม่ไหว) เรื่องแรงม้าที่ได้ ก็ต้องรอเครื่องประกอบเสร็จเมื่อไหร่คงได้ปั่น แต่คาดเดาได้ว่าไม่ยากที่จะได้ตามที่เจ้าของต้องการ เพราะดูจาก Detail แล้วก็ไม่ยาก ท้ายสุดก็ขอขอบคุณ “พี่โอ๊ต OVERDRIVE” เจ้าของรถ, “นนท์” สรานนท์ พรพัฒนารักษ์ สำหรับการประสานงาน และช่วยงานเรากลางแดดทั้งวัน, “HKS THAILAND” สำหรับข้อมูลตัวรถต่าง ๆ และ “Wash’s Happen” พระราม 9 สำหรับสถานที่ถ่ายทำ…
X-TRA ORDINARY
สำหรับคำแปลของ SUPRA ก็แปลว่า เหนือกว่า, ใหญ่กว่า ฟังดูแล้วก็ขลังดีเหมือนกัน จุดกำเนิดของ TOYOTA SUPRA จริง ๆ แล้ว ก็แตกหน่อมาจากตระกูล CELICA นั่นเอง เพื่อให้เป็นรถสปอร์ตที่เหนือชั้น โดยเรียกรวมกันไปว่า “CELICA SUPRA” ชื่อของเจ้า SUPRA จริง ๆ แล้วจะเกิดขึ้นมาในช่วงปี 1979 โดยเป็นรุ่น CELICA SUPRA MKI ถือเป็นรุ่น Top ของรถสปอร์ตจากค่าย TOYOTA ในขณะนั้น คือ ทำให้เหนือกว่า CELICA ปกติ ทั้งในด้านเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และของตกแต่งต่าง ๆ ให้ดูมีราคา ในญี่ปุ่นจะรู้จักกันดีในชื่อ CELICA XX ใช้เครื่อง M-EU 110 แรงม้า (ส่วนสเป็กอเมริกา จะใช้เครื่อง 5M-EU 2.6 ลิตร) รหัสตัวถัง MA4… รุ่นที่สอง จะออกในปี 1982 เป็นไฟ Pop up รหัสตัวถัง GA/MA6… (ตัวหลังแล้วแต่ปีและรุ่นย่อยไปอีก) รุ่นที่สาม ก็จะแยกไลน์ SUPRA ออกมาต่างหากจาก CELICA (ที่ผันไปทำสปอร์ตแบบขับหน้า) ก็คือรุ่น “MA/GA70” ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง ออกจำหน่ายช่วงปี 1986 ซึ่งเป็นสปอร์ตขนาดใหญ่ เครื่องแรง ก็เป็นการแจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม…
- ชุดพาร์ทยอดฮิต TOP SECRET บานเต็มพิกัด มองเข้าไปเห็นอินเตอร์คูลเลอร์ HKS R TYPE
- Full Carbon โดย YATT ต้องดูตัวจริงครับ สวยแน่
- ลายคาร์บอน สุดยอดวัสดุของวงการมอเตอร์สปอร์ต
- ให้ดูลายเมื่อโดนไฟว่า “ขึ้น” แค่ไหน ส่วนหม้อพักไอเสียเป็นของ HKS TITANIUM
- สปอยเลอร์หลัง TOP SECRET
- ภายในเป็นคาร์บอนเช่นกัน พวงมาลัย TOP SECRET By PERSONAL เกจ์วัดด้านซ้ายมือของคอนโซล เป็นวัดบูสต์ และแรงดันน้ำมันเครื่องของ Defi
- เกจ์ STACK แสนรู้ ตัวเดียวบอกได้หลายอย่าง
- เบาะ RECARO SPGN ASM ALCANTARA เข็มขัดนิรภัยสั่งของ TAKATA มาใช้ (รอของอยู่ เลยยังไม่ได้ใส่มาตอนถ่ายรูป)
- โรลบาร์ SAFETY 21 ถังไนตรัส (หลอก) จริง ๆ เป็น Sub Woofer แบบ Bass In a Bottle ของ BAZOOKA แต่ดูดี ๆ ก็จะมีถังไนตรัสจริง ๆ แอบอยู่ข้างกัน ของ NOS เอาไว้ “กระชากควันล้อ” ให้สะใจตอนโชว์ ส่วนค้ำโช้คหลังของ CUSCO
- ล้อ VOLK RACING GTS ล้อหน้า 9.5 x 19 นิ้ว YOKOHAMA ADVAN NEOVA AD08 (สนับสนุนทีมนี้อยู่) ด้านหน้ามีขนาด 255/35 R19 พร้อมชุดเบรก HKS 6 POT RACING ขนาดจาน 345 มม.
- ล้อหลัง 10.5 x 19 นิ้ว ยาง YOKOHAMA ADVAN NEOVA AD08 ใหญ่ถึง 295/30 R 19 ส่วนเบรกหลังเป็น HKS 4 POT ขนาดจาน 332 มม.
- ช่วงล่าง Ikeya Formula ที่เห็นเป็นสีทองนั่นแหละครับ
- ช่วงล่างหลังก็ Ikeya Formula เช่นกัน โช้คอัพ HKS HYPERMAX III ทั้งหมด เพลาขับสั่งทำเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ลิมิเต็ดสลิป TRD สังเกตลายยาง YOKOHAMA ADVAN NEOVA AD08 จะดูสวยงามแปลกตา และให้การยึดเกาะที่ดี
