STORY : PHOTO วรุตม์ สีหนาท
Man and Machine
“เงินไม่อาจจะซื้อความทรงจำได้”
เช้าตรู่วันอาทิตย์ ปลายเดือนมกราคม ที่ยังมีลมหนาวอ่อนๆ เราสองคนได้นัดกันมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวของรถคันหนึ่งที่มีความผูกพันอย่างมากของ พี่หนุ่ม (อินทรภูมิ์ แสงดี) นักเขียนมือเก๋าของ XO เรานี่เอง มันเริ่มต้นจากการที่ผมได้ติดตามเจ้ารถคันนี้อยู่บ่อยๆ ผ่านทาง Social media ก็คิดว่า เออ…เจ้ารถคันนี้พี่หนุ่มเขาขับใช้งานเหรอเนี่ย สภาพและองค์ประกอบทุกอย่าง มันบ่งบอกถึงการเป็น “ผู้ใช้งาน” ไม่ใช่เป็นรถเนี้ยบกริบแบบ นางงามตู้กระจก จอดในห้องแอร์ตลอดเวลาเป็นแน่แท้ เลยเกิดความสงสัยขึ้น เมื่อมีโอกาสได้เจอหน้ากัน เลยสอบถามถึงเจ้ารถคันนี้ แต่ที่มากกว่าการเป็นรถ “เรโทรรุ่นยอดนิยม” คือ เรื่องราวความผูกพันอันแสนน่าประทับใจ ระหว่างคนกับรถ จึงเป็นที่มาของบทความนี้ มาฟังพี่หนุ่มเล่าถึงรถคันนี้ดีกว่าครับ…
แรกเริ่มเดิมทีคุณพ่อของผมมี อู่ P.K.R. Motor และ ร้านอะไหล่ ชื่อ P.C. Auto part สำหรับซ่อมและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ในเครือของ British Leyland หรือพวกรถอังกฤษ เช่น Jaguar, Triumph, Austin, Land Rover etc. ตอนเด็กๆ ผมก็เห็นรถเก่าๆ พวกนี้อยู่เสมอ ก็สงสัยอยู่ว่าจะซื้อมาทำไม ลากเป็นซากมาเลยก็มี บางคันเป็นรุ่นที่หายากๆ เช่น Jaguar E – Type เข้ามาทำทีก็ 2-3 ปี หรือนานกว่านั้น ไอ้เราก็คิดในใจว่า ทำไมมีเงินถึงไม่ซื้อรถใหม่กัน ก็เลยลองถามคุณพ่อ ท่านก็เลยบอกว่า บางคันมันเป็นรถที่มี “ความผูกพัน” กับเจ้าของมากๆ รถคุณพ่อ หรือ คุณแม่ คุณปู่เขา เราก็แบบ โห… เห็นตั้งแต่เป็นซากรถกองอยู่หลังอู่ จนถึงวันที่มันเสร็จสมบูรณ์ เห็นความดีใจของเจ้าของรถ มันรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ที่จะได้รถที่มีความหลังในวันวาน ปลุกมันกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง ก็เลยซึมซับมาเรื่อย เห็นรถพวกนี้มาแต่เด็กๆ เลยกลายเป็นว่าชอบรถเรโทรไปโดยไม่รู้ตัว เวลาคุณพ่อเอารถลูกค้าไปลองวิ่งก่อนส่งมอบรถ เราก็ได้มีโอกาสนั่งและเรียนรู้ไปด้วย รู้อีกทีคือ “รักรถเก่า” ไปเสียแล้ว…
มาถึงจุดเปลี่ยนเลยว่าทำไมถึงต้อง “Skyline” ก่อนหน้านี้คุณพ่อขับ Triumph 1300 TC ตัวรถดี แต่อะไหล่ไม่มี เพราะบริษัทปิดตัวลงไปแล้ว ก็เลยต้องมาหารถคันใหม่เพื่อใช้งาน ทีแรกก็ไม่ได้มองรถญี่ปุ่นเลย เพราะเขาใช้แต่รถอังกฤษมาโดยตลอด แต่บังเอิญตอนหนุ่มๆ คุณพ่อได้มีโอกาสไปนั่ง “Prince Skyline” ซึ่งจากคำบอกเล่า คือ เป็นเครื่อง 6 สูบ ในยุคนั้นก็น่าจะเป็นรุ่น S54 อย่างแน่นอน สมัยนั้นได้รับการขนานนามว่า “Benz ญี่ปุ่น” พอได้นั่งแล้วก็แบบโอ้โห ทำไมช่วงล่างมันดีจัง ทั้งนิ่ม และเงียบ มันคนละเรื่องกับรถญี่ปุ่นทั่วๆ ไปในสมัยนั้น พอดีช่วงนั้นผมบังเอิญไปซื้อโมเดลเจ้า Skyline R30 มา คุณพ่อมาเห็นเข้าก็แบบ เออ..รุ่นนี้มันสวยดีว่ะ เมืองไทยก็เห็นมีวิ่งอยู่บ้าง ตอนที่หารถก็ไม่ได้ไปหาตามเต็นท์ ต้องการหาซื้อจากเจ้าของโดยตรง ตอนแรกก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน โชคดีคุณพ่อได้สอบถามอดีตเพื่อนร่วมงาน ชื่อ คุณอาเศรษฐวัฒน์ ที่ตอนหลังเป็นเซลล์ที่นิสสัน ก็เลยบอกว่าช่วยหารถรุ่นนี้ให้หน่อย ขอสภาพดีที่สุด รออยู่เกือบปี จนไปเจอรถของ “คุณทรงวุฒิ” ณ ตอนนั้นเป็นผู้จัดการศูนย์นิสสัน ช่องนนทรี จะขาย เพราะได้รถประจำตำแหน่งคันใหม่ คันนี้เป็นรถส่วนตัวเลยไม่ค่อยได้ใช้แล้ว เลยนัดดูรถที่ ร้านป๋าหรั่ง ชัยศิริยนต์ ดูแล้วก็ชอบเลย Sense ส่วนตัวรู้ว่า คุณพ่อเอาแน่นอน จบที่ราคา 250,000 บาท ถามว่าแพงไหม ก็ไม่ได้แพง แต่คนจะถามว่าซื้อมาทำไม มันดูโบราณ เทียบกับรถในยุคสมัย ณ วันที่ซื้อ คือ รถในยุค 90 อย่าง พวกCorona แป๊ะยิ้ม ST171 หรือ Bluebird U11 ที่ดูมีความทันสมัยมากกว่า (ตอนนั้น Cefiro A31 ก็อยากได้ แต่แพง) ตอนที่กำลังคุยเรื่องราคากันอยู่ดีๆ กับเจ้าของรถและป๋าหรั่ง ก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า 300,000 บาท ผมเอา !!! แต่โชคดีที่เจ้าของรถรักษาสัจจะที่จะขายให้เราในราคานี้ เสร็จแล้วก็โอนเงิน ขับรถกลับบ้านเลย…
จากการที่ สยามกลการ เอาเครื่อง L20B แรงม้าน้อยมาใส่เพื่อเซฟราคา เลยเปลี่ยนจากเครื่องเดิมเป็น SR20DET ตอนแรกจะวาง RB20DET เครื่องใหญ่ แต่ ซี.ซี. น้อยไป จะวาง RB26DETT เลยก็ยังแพง แล้วก็ยังไม่ค่อยมีเครื่อง อย่างคันนี้ตอนวางเลือก “ฝาแดงหลังเรียบ” กล้าพูดได้ว่าเป็น R30 วาง SR เป็น “คันแรกในไทย” ราคาประมาณ 60,000บาท โดย ป๋าหรั่ง เป็นผู้วางให้ ในยุคสมัยนั้นการเปลี่ยนเครื่องมีความรู้สึกที่ “พิเศษ” มากกว่าในยุคนี้ เนื่องด้วยในสมัยนั้นส่วนมากเครื่องยนต์ยังเป็น “คาร์บูเรเตอร์” พอจะเปลี่ยนเครื่อง ก็จะได้เครื่องที่มีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่ามาลง อย่าง “หัวฉีด เทอร์โบ” ก็จะโคตร “ตื่นเต้น” แต่ขับไปขับมาอยู่ 2 ปี เริ่มไม่พอ “ทีน” คุณพ่อ เพราะใช้รถเดินทางไกล เลยมีความคิดที่จะเปลี่ยนเครื่องอีกครั้ง คราวนี้เลยไม่ลังเลที่จะเลือก “รุ่นใหญ่” อย่าง “ยีบหก” มาประจำการสักที จังหวะได้เครื่องตัวนี้มาจาก R32 GT-R ที่เกิดอุบัติเหตุมา เครื่องสดมากๆ…
ตอนแรกก็แบบ เฮ้ย…มันจะวางได้เหรอวะ มันขับ 4 นะ โดยปรึกษา พี่เหน่ง ไดรเวอร์ ก็บอกว่ามันอุด Crank เป็นขับ 2 ได้ โดยการใช้เกียร์ VG30DETT ที่อยู่ใน Z32 เพราะมันเป็นเกียร์โยง โชคดีว่าใส่โดยที่ยังใช้คอนโซลเดิมได้ (แต้ต้องแก้ไขตำแหน่งคันเกียร์ใหม่) ตอนนั้นคุณพ่อให้ช่างที่อู่วางเอง โดยปรึกษาเหล่า “อาจารย์รุ่นเดอะ” ทั้งหลาย เช่น อาไพริน RINSPEED, อาจารย์ทูน TOON ENGINE SHOP (รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่กับ Ray Sport ยุคแรกเริ่ม) เอาไปขับถึงกับอุทานว่า “รู้งี้กรูวางตั้งนานแล้ว” แล้วก็ใช้งานมาเรื่อยๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ เกิน 20 ปีแล้ว มีแค่ร่องแหวนแตกอย่างเดียวเพราะ “บูสต์ไหล” พอคุมบูสต์ปกติได้ก็ไม่พัง รถคันนี้ทำมาเน้นใช้งานยาวๆ ก็ถือว่าเป็น R30 ที่วางเครื่อง RB26 คันแรกของไทยอีกเช่นกัน…
การโมดิฟายเราจะไม่แตะต้องไส้ในใดๆ เพราะต้องการเพียงเอาไว้ขับใช้งาน เดินทางไกล จากประสบการณ์ SR ทำแล้วก็พัง ก็มีแต่เพียงเปลี่ยน Turbo เป็น KKK แรงบันดาลใจก็มาจากรถโมเดล TAMIYA ที่มีรถโมเดลพวก Group C พวกนี้มันใส่ KKK ทั้งนั้น ก็เลยเอาให้พ่อดู แล้วถาม “พ่อนี่มัน Turbo อะไร” พ่อผมเขายิ้มแล้วตอบว่า “นี่มันเทอร์โบเยอรมัน สำหรับ Porsche เลยนะลูก” และอีกสาเหตุเพราะ Twin turbo ของเดิมมีน้ำหนักมาก ชิ้นส่วนเยอะมากๆ เซอร์วิสยาก เลยเปลี่ยนมาเป็นเทอร์โบเดี่ยวเพราะเรื่องนี้แหละ…
เทอร์โบที่ใส่รถคันนี้ก็แนวๆ Hybrid ลูกผสม แต่ใช้จอง KKK ทั้งหมด โข่งหน้าเป็น K27 ถอดมาจาก RX-7 ใบหน้าใหญ่ โข่งหลังเป็นของ Porsche เบอร์ 12 ในยุคนั้น กล่องก็ใช้การ “โมดิฟายรอม” เอา ไม่ตัดรอบ ไม่ตัดความเร็ว แล้วก็มีกล่อง VPC (Vein Pressure Controller) ของ HKS เป็นของเล่นยุค 90 ใส่โดยพี่ทูน Toon Engine นี่แหละ ตอนนั้นซื้อกับทาง พี่อ๋อง Ray Sport (ถอดออกแล้วก็ยังเก็บไว้ให้แกเซ็นเป็นที่ระลึก) จากนั้นก็ตามยุคสมัย ก็เปลี่ยนมาเป็น F – Con V กล่องเงิน อัปเป็น PRO ทีหลัง โดยพี่จุ๊บ JUB GARAGE บูสต์อยู่ 0.8 บาร์ เท่ากับสแตนดาร์ดเลย อาการของรถก็ไม่ได้ดึงอะไรมากมาย ไม่ได้แว้ด เพราะไม่เอา ไปแบบสมูท แต่ปลายลึก เน้นใช้งาน ขับง่าย สรุป คือ เดิมทั้งตัว มีเปลี่ยนแค่กล่องและเทอร์โบ และปั๊มน้ำมันเครื่องเป็น N1 คันนี้ถือเป็นรถในยุค 80 แต่มันมีชีวิตในยุค 90 ในสมัยนั้นวัยรุ่นยุค 90 จะทำกันได้ดี คือ “เจ็ก Skyline” กับ “แปะซ่า Lift back สีแดง” ซึ่งเป็นคู่ซิ่งรุ่นเดอะในยุคนั้น เพราะ “ลุงรีบไปทำงาน” ไม่มีเหตุผลอื่น…
หลังจากนั้นก็ใช้งานมาเรื่อยๆ พ่อผมเขาเป็นคนเล่นรถ เรียกว่ามีทักษะพื้นฐานขับรถที่ดี พอมีโอกาสนั่งไปด้วยกัน เขาก็จะถือโอกาสสอนผม เช่น เวลาที่ไปต่างจังหวัดด้วยกัน เพราะมีโอกาสเยอะ เป็นแบบฝึกหัดที่ดี และผมก็ดูวิดีโอญี่ปุ่นพวก Best motoring เขาก็จะสอนเรื่องการขับรถ เข้าโค้งยังไง เบรกยังไง Heel and Toe ทำไปเพื่ออะไร ก็มีโอกาสได้หัดกับรถคันนี้ จริงๆ ก็พ่อก็ให้กรรมสิทธิครอบครองรถ โอนเป็นชื่อผมตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ !!! จะขับไปไหนต้องขออนุญาตก่อน ห้ามขับไปเรียน ห้ามขับไปรับหญิง จริงๆ พ่อไม่ได้งกหรอก แต่เพราะเขาเป็นห่วงเรา กลัวเราห้าวเอาไปซิ่ง แล้วจะบาดเจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อที่จะเป็นห่วงลูก…
มาได้รับผิดชอบเต็มๆ ตั้งเริ่มทำงาน (บริษัท ยานยนต์) ก่อนที่จะมาอยู่กับ XO ตอนนั้นผมใช้ Accord 1.8 รุ่นปี 1986 ซื้อมาในราคา 60,000 บาท เครื่องเดิมชิวๆ ขับใช้งานทั่วไป นอกจากวันหยุด มีมิตตั้ง ไปเที่ยวทางไกล ถึงจะเอา Skyline ไป แล้วเนื่องด้วยจากพ่อที่มีอายุมากขึ้น ไปไหนมาไหนผมก็ต้องขับแทนบ่อยๆ หลังๆ พ่อก็เลยไปใช้ Cefiro A32 ขับง่ายๆ เกียร์ออโต้ ดังนั้น Skyline เลยเป็นรถเก็บสะสมไปโดยปริยาย อะไหล่เริ่มหายาก “แต่มันยังต้องใช้ได้เสมอเมื่อต้องการ” ไม่ทิ้งแน่นอน จะใช้ก็ไว้วันหยุดขับพากันไปกินข้าว หรือ ใช้ตอนที่ออกไปต่างจังหวัด ซึ่งเหมือนเป็นหัวใจของคันนี้ ผมก็ได้พัฒนารถให้ “ร่วมสมัย” อย่างพวก ระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ พัดลม ไฟฟ้า ทำงานตามอุณหภูมิเหมือนรถยุคใหม่ทั้งหมด รถคันนี้ไม่เคยมีปัญหาเรื่องความร้อนเลย เพราะ RB26 นี่คนสบประมาทมากเลยนะ ว่ามันชอบตัวร้อน ไปไหนก็ยาก จะขับทีต้องเลือกช่วงเวลา ต้องรถไม่ติด เงื่อนไขเยอะ แต่ผมมองว่าไม่ใช่ “มันต้องขับได้ทุกเมื่อที่ต้องการสิ” ผมเองขับรถคันนี้ในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืนอีก พยายามเก็บรายละเอียดในสิ่งที่สมัยนั้นทำมา อาจจะก็ทำมาดีแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์พอ มาสมัยนี้เราก็มาทำใหม่ มีความรู้มากขึ้น รู้จักคนมากขึ้น มันก็สามารถพัฒนาให้ไปถูกทางมากขึ้น ด้วยนิสัยผมจะ “ซ่อมก่อนจะเสีย” เพราะเรารู้ว่าส่วนไหนมันถึงอายุแล้วต้องเปลี่ยน เดี๋ยวมันจะบานปลายซะก่อน…
ในส่วนต่อมามันมักจะมีคำถามยอดฮิตเสมอ เมื่อคนได้เห็นรถคันนี้ของพี่หนุ่ม “ขายไหม”
หรือ “ทำไมไม่ขายไปเล่นรุ่นนั้น รุ่นนี้ล่ะ ดีกว่าตั้งเยอะ ราคาในอนาคตก็ดีกว่า” พี่หนุ่มก็ได้ตอบสั้นๆ ว่า “รถคันนี้มันมีเรื่องราวความทรงจำของพ่อกับลูก” แม้ว่าหลายๆ คนบอกให้ผมขายรถ ขายทะเบียน แล้วไปซื้อ R32 ขับเถอะ แต่ R32 แล้วไง ??? ผมชอบมากๆ เลยนะ แต่มันไม่ใช่รถที่ผมมีเรื่องราวผูกพัน อย่าง R30 ถามว่ามันจะขับดีสู้ R32 มันก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งผมขับรถยุค 80 ผมก็ต้องการ Feeling ที่ถือว่าโดดเด่นของรถในยุคนั้น ผมรู้จักมัน ขับมันได้เต็มสมรรถนะอย่างที่มันเป็นก็พอใจแล้ว…
คุยกันมาถึงจุดนี้แล้ว อยากจะถามพี่หนุ่มว่า ถ้าอยากจะเข้ามาเล่นรถเรโทรเนี่ย มันต้องเตรียมใจอะไรบ้าง…. สิ่งที่ต้องเตรียมไว้เลยนะครับ คือ “เงินกับเวลา” แล้วก็ “ใจ” คุณทำใจไว้เลยนะ ว่าของเรโทรบางอย่าง มีเงินคุณก็ซื้อไม่ได้ ไม่มีของ หรือเขาไม่ขายให้ ทำไงล่ะ ของพวกนี้มันต้องรอคอย ต้องมีดวง จังหวะมันต้องได้ มีเงิน ไม่มีของ มีของ ดันไม่มีเงินไปเอา ฉกไม่ทันคนอื่น มันก็จบ ก็รอกันต่อไป เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นประจำ รถเก่ามันเป็นเรื่องของมิตรภาพ เรื่องของ Relationship การนับถือกัน ทำรถไป ศึกษาไปด้วย ถามคนที่เล่นด้วยกัน แลกเปลี่ยนความรู้กัน เพื่อทำรถสักคันในงบประมาณที่เราจ่ายไหว มันอาจจะไม่ได้เทพทั้งหมด แต่มันก็เป็นแบบที่เราพอใจ เพื่อนสนิทของเราก็แบ่งของ แบ่งอะไหล่ ให้เราบ้าง ในราคามิตรภาพ บางอันได้ได้ฟรีๆ และ เราก็ต้องรู้จักแบ่งปันเพื่อนสนิทด้วย สิ่งที่เราเหลือใช้ ก็แบ่งๆ กันไป ให้บ้าง เพื่อนตอบแทนเลี้ยงปิ้งย่าง ชาบู ก็กินด้วยกัน มันสนุกก็ตรงส่วนนี้ด้วย มันต่างกับรถใหม่แน่นอน เพราะมันมีความทรงจำทันทีตั้งแต่คุณเริ่มทำรถ การเล่นรถเรโทร มันไม่มีวันจบสิ้นหรอก ก็เล่นไป ปรับปรุงกันไปตลอด ท้ายสุด “เงิน” ก็แน่นอนว่าสำคัญที่สุด ผมเนี่ยถ้าไม่เล่นรถ คงซื้อบ้านได้อีกหลังแล้วละ แต่ทำไงได้ ความสุขของเรามันอยู่ตรงนี้ รถที่มีตำนานเป็นของเราเอง…
หากคุณอยากได้รถใหม่ดีๆ ก็กำเงินเดินเข้าไปในโชว์รูม ซื้อรถอะไรก็ได้ แต่ “คุณไม่มีวันซื้อ Story ได้” อย่างในแบบของผม มันเป็นภาพความทรงจำที่พ่อลูกมานั่งดูรถด้วยกัน ในขณะที่พ่อก็อยู่ในช่วงของบั้นปลายชีวิตแล้ว ผมว่าความรู้สึกนี้มันพิเศษสุดๆ สมมติบางทีถ้ามีเหตุต้องขายคันนี้ คงต้องเสียใจมาก เหมือนผมโดนตัดแขนตัดขา แต่อย่างน้อยเราก็มีความทรงจำดีๆ กับมัน คันนี้เวลาผมขับ หน้าพ่อผมลอยขึ้นมาทุกครั้ง วันนี้คุณพ่ออาจจะไม่ได้นั่งรถไปกับผมบ่อยครั้งแล้ว ด้วยร่างกายที่ถดถอย แต่ผมก็นึกถึงเขาทุกครั้ง ทำงานกลับมาบ้านก็ต้องยืนมองรถทุกครั้ง แล้วก็ค่อยขึ้นบ้าน เช้าตื่นขึ้นมาเห็นมัน ก็แบบรถพ่อกูเว้ย แล้วเราก็ขับรถคันอื่นไปทำงาน เฝ้ารอวันที่จะได้ขับมันอีกครั้ง…
หลังจากที่นั่งคุยกันแบบหอมปากหอมคอ และถ่ายรูปรถคันนี้ในรายละเอียดต่างๆ เราทั้งสองคนก็ไปทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก อันเป็นกิจวัตรประจำวันหยุดของพี่หนุ่ม คือ เราจะขับรถคันนี้ไป “เยี่ยม” คุณพ่อของพี่หนุ่ม ที่อยู่ในความดูแลของ Nursing Home แห่งหนึ่ง ย่านพุทธมณฑล สาย 4 เนื่องจากมีอายุมาก เดินไม่ค่อยไหว จึงต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ผมเลยได้ถือโอกาสติดรถไปด้วยกัน เพื่อเก็บภาพมาถ่ายทอดเรื่องเล่านี้ในส่วนที่เหลือ…
พอไปถึงสถานที่ เป็นเวลารับประทานอาหารเที่ยงพอดี ระหว่างรอ พี่หนุ่มได้บอกผมว่า “ทุกครั้งที่ขับรถคันนี้มาหาคุณพ่อ ผมจะเข็นรถเข็นพาคุณพ่อออกมาดูรถตัวเอง ว่ารถยังมีชีวิต พ่อก็ยังมีชีวิตอยู่ มันคือความสุขร่วมกัน” ในการถ่ายทอดภาพในเรื่องราวนี้ จึงได้ “แอบถ่าย” อยากให้ทุกอย่างเป็น “ธรรมชาติ” ไม่มีการ Set up ใดๆ ทั้งสิ้น ในการถ่ายภาพของผม ทำให้ได้รับรู้บรรยากาศความผูกพันอย่างที่สุด ระหว่างสองพ่อลูกคู่นี้กับเจ้ารถคันโปรด และแอบได้ยินบทสนทนาสั้นๆ ที่ได้ฟังแล้ว ยังแอบอมยิ้มเอง…
พี่หนุ่ม : พ่อวันนี้แวะมาเยี่ยมนะ เป็นไงบ้าง
คุณพ่อ : อืม
พี่หนุ่ม : พ่อวันนี้ขับคันนี้มาเยี่ยม จำได้ไหม
คุณพ่อ : จำได้
พี่หนุ่ม : พ่อเคยขับรถคันนี้เร็วสุดเท่าไหร่ จำได้ไหม
คุณพ่อ : จำไม่ได้
พี่หนุ่ม : แต่เร็วใช่ไหม เกิน 200 ป่าว
คุณพ่อ : ขับเร็ว เกินสิ
ทั้งสองคนได้แต่คุยกันเรื่องรถคันนี้อย่างออกรส อาจจะมีการหลงๆ ลืมๆ บ้างตามประสาคนวัย 80 ปี ผมได้สังเกตว่าในตอนแรกคุณพ่อจะนั่งนิ่งๆ แต่พอเปลี่ยนมาคุยเรื่องรถ คุณพ่อก็ได้มีรอยยิ้มขึ้นมาในทันที และดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเหมือนกับนัยน์ตาได้คิดอะไรบางอย่างออกเกี่ยวกับตัวเองและรถคันนี้ ผมจึงปล่อยให้ทั้งสองคนสนทนากันตามภาษา “คนบ้ารถ” ด้วยกันตามลำพัง ในส่วนนี้อยากให้ภาพมันเล่าเรื่องจะดีกว่า สำหรับผม ผู้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “ผู้สังเกตการณ์” ในวันนี้ ก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า รถมันไม่ได้เกี่ยวกับรุ่นรถหรือราคาใดๆ ไปมากกว่าความ “รัก” และ “ความผูกพัน” ที่มีร่วมกันมาในความทรงจำที่หลอมรวมกับความรักของครอบครัว ส่งไม้ต่อผ่านรุ่นสู่รุ่น และไม่ว่าจะนานแค่ไหน พี่หนุ่มก็จะยังคงขับรถคันนี้ต่อไปเสมอ ตราบเท่าที่ร่างกายยังคงไหวแน่นอน และสืบทอดความรู้สึกในการขับรถจากคุณพ่อ ผสมเข้ากับความทรงจำใหม่ๆ ของตัวเอง ที่จะใช้ร่วมกับรถคันนี้ในอนาคตอีกนานเท่านาน…
- ฉายาของคันนี้ คือ R3026 คือ R30 + RB26 ผมตั้งมันขึ้นมาตอนเล่น Racing Web เว็บแดงดำ ที่เหมือนเสพติด คันนี้จะโด่งดังตอน On Tour เป็นที่รู้กัน ว่าช่วง ธ.ค. หรือ ม.ค. ผมต้องออกเที่ยว คันนี้เป็นรถสี Two tone เทาดำแท้จากโรงงาน ซึ่งได้ทำสีใหม่แต่เป็น “สีเบอร์ตรงโรงงาน” ทำที่อู่คุณพ่อเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว จึงมีสภาพและ “ร่องรอยแห่งกาลเวลา” ที่เกิดเป็นความทรงจำ…
- สติกเกอร์ Paul Newman เป็นชื่อของนักแสดงผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็น Presenter ของรุ่นนี้ เลยได้ชื่อว่า “Newman Skyline” นั่นเอง
- ถุงผ้าเตรียมพร้อม สำหรับยุคที่ต้องพก “ถุง” เข้าร้านสะดวกซื้อต่างๆ ก็ยัง Nissan
- ไมล์ทรงเหลี่ยม อารมณ์ยุค 80 มาเต็ม คันนี้วิ่งมากว่า 400,000 กม. แล้ว
- ภายในยังคงของเดิมจากโรงงาน รถคันนี้สภาพมาสวยมาก คุณพ่อซีเรียสเรื่องความสะอาดเรียบร้อยเป็นที่สุด ต้องรักษาอย่างมาก จึงถูกสงวนไว้ใช้งานเฉพาะครอบครัว และ เพื่อนสนิท เท่านั้น วิทยุจากตัวนอก เป็น 2 DIN แนวนอน หายากนะ ต้องเฉพาะรุ่นจริงๆ ซึ่ง CLARION เป็น Supplier ให้ แต่ไม่ใช่ตัวท็อปซึ่งเป็นดิจิทัล ซึ่งผมไม่ชอบ ชอบ Analog ทื่อๆ แบบนี้แหละ คลาสสิกดี
- เบาะเดิมสีขาว ผ้าลายสก๊อตเล็ก ที่นั่งมาตั้งแต่เด็กจนโต
- แผงประตูครบๆ สภาพยังสวย พลาสติกยังไม่แตกกรอบ
- Auto Meter ทั้งระบบ “โคตรทน เที่ยงตรง” ใช้มากว่า 20 ปี อันนี้ยึดชั่วคราวไปก่อน เพราะรอสร้าง Case ยึดเกจ์ใหม่ เสร็จไม่ทันวันถ่ายทำ
- ช่วงล่างเน้นของ “ตรงรุ่น ตรงยุค” โช้คอัพ KAYABA SUPER SPECIAL For Street Use ปรับความหนืดได้ 4 ระดับ สปริงหน้า CUSCO สปริงหลัง NISMO ซึ่งคุณพ่อได้ซื้อเก็บไว้ ช่วงล่างชุดนี้ เป็นฟีลลิ่งรถยุค 80 จริงๆ เน้นการขับขี่ใช้งานได้สบาย มั่นใจในความเร็วสูง ถ้าเทียบตามยุค ถือว่าพอใจมาก ส่วนล้อเป็น WATANABE RS-8 ตรงรุ่น R30 ขนาด 7 x 16 นิ้ว ออฟเซต + 23 และ 8 x 16 นิ้ว ออฟเซต + 26 ใส่พอดีเป๊ะ คันนี้ใส่มาตั้งแต่ยุค 90 ตอนนั้นคนยังแทบไม่รู้จัก WATANABE เลย เพิ่งได้รับการ Refurbish ใหม่ โดย AUTOMAG WHEEL ซึ่งคุยกันว่า ทำให้ยังคงความเก่าในแบบฉบับของ WATANABE ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องเข้าใจว่า “มันคืออะไร” ส่วนยางก็ BRIDGESTONE POTENZA RE003 Adrenalin ขนาด 205/55R16 และ 225/50R16 ขนาดยอดฮิตในยุค 80 ส่วนเบรก WILWOOD เป็นส่วนของ “ทิดอ๊อด เบรก” จัดการให้ทั้งหมด…
- Silencer “ทำชั่วคราว ใช้ชั่วโคตร” พกไว้ท้ายรถ เวลาขับใช้งานในเมือง หรือ จะขับไปเยี่ยมพ่อ เสียงต้องเบา เอาตัวจั๊มแบตเก่าๆ มาทำเป็นตัวหนีบ แล้วมีสลักล็อกกันหลุด เล่นกันดิบๆ แบบนี้แหละ ถูกใจเจ้าของรถนัก
- กันชนเชียงกงญี่ปุ่น ได้มาใส่เลย ไม่ทำสี ไม่ใช่ตังค์ไม่มี แต่ถ้าทำแล้วไม่เห็น Texture ดั้งเดิม ร่องรอยแห่งกาลเวลานั้นย่อมมี รอยนี้เกิดหลังงาน Souped up เพราะ “เบลอ” ถอยไปแถกมุมเสาบ้าน (ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นยุคใหม่คงแหกดูไม่จืด) บางทีก็เก็บไว้เตือนใจว่าตัวเองว่าอย่าประมาท
- เครื่องยนต์ RB26DETT จาก R32 วางมากว่า 25 ปี ตอนนั้นราคาเครื่องกว่า 100,000 บาท ไม่ได้เอาแรงอย่างเดียว ขอเพียงแค่เหนียวๆ ตอนวิ่งทางไกล ไม่ยุ่งกับไส้ใน เคยร่องแหวนลูกสูบแตกไป 2 สูบ คุณพ่อรู้จักกับ “อาไพริน” RINSPEED แกก็เลยให้ลูกสแตนดาร์ดมา 2 ลูก โดยไม่คิดเงิน ทุกวันนี้ก็ยังวิ่งอยู่
- เทอร์โบ ของแหวกแนว กับ KKK K27 จาก Porsche (เหตุที่เล่น KKK เล่าไปแล้ว) ชอบฟีลลิ่งที่พิเศษกว่ายี่ห้ออื่น ดึงเนิบๆ ลึกๆ ไม่ฟาดพรวดพราดแล้วหมด บูสต์เพียงแค่ 0.8 บาร์ หรือ 12 ปอนด์ ต้องการเหนียวและโฟล์วดีๆ ทำให้ไอเสียไม่ร้อน วิ่งยาวๆ ไม่มีปัญหา ส่วนเวสต์เกต ของ HKS Type R ซื้อจาก “พี่เล็ก” Project M ของจริง ส่วนเฮดเดอร์ “อาเจี๊ยบ W SPORT” พี่ชาย น้าเปี๊ยก ธันเดอร์ คนนี้ถ้าเซียนรถยุค 90 ต้องรู้จัก กับงานท่อโคตรงาม…
- ระบบระบายความร้อน ท่ออินเตอร์ การเก็บรายละเอียดในห้องเครื่อง เป็นการให้ความรู้โดย “อาจารย์หนุ่ย NEWTEC C.E.” ผ่านฝีมือ “ป๋าสมชาย RC TURBO” สร้างตามแบบที่เรากำหนด จนสวยสมบูรณ์ ใช้งานในระยะยาวมาแล้วไม่มีปัญหาเลย
Special Thanks
– พี่เหน่ง DRIVER MOTORSPORT : พี่ชาย และ อาจารย์ ด้านการโมดิฟายคนแรกในชีวิต คอยให้คำแนะนำดีๆ อยู่เสมอ
– พี่ริน RINSPEED & พี่ทูน TOON ENGINE SHOP : ให้ความรู้ เทคนิค และช่วยเหลืออะไหล่ สำหรับเครื่อง RB26…
– พี่หนุ่ย NEWTEC – พี่จุ๊บ JUB GARAGE – SECRET OF RB และ AUM TUNERPRO : สำหรับแนวคิดในด้านการโมดิฟายแบบต่อยอด เทคนิคต่างๆ รวมถึงการซ่อมบำรุงเครื่อง RB อย่างสมบูรณ์แบบ…
– พี่จิม JIM WIRING : งานวายริ่งระบบไฟที่สมบูรณ์…
– น้าจอห์น BIGJOHN : ขอให้บนสวรรค์มี CEFIRO RB26 ให้น้าขับนะ…
– เฮียหนึ่ง ไฮ้ เซอร์วิส : เซ็ตช่วงล่าง ให้ความรู้ด้านเทคนิคเสมอ…
– ป๋าสมชาย และ น้องแชมป์ RC TURBO : สำหรับงานในห้องเครื่องทั้งหมด…
– ช่างนุ DIESEL PERFORMANCE : สำหรับ “ใจ” ทุกการช่วยเหลือ…
– ทิดอ๊อด เบรก : งาน Customized เบรกทั้งหมด…
– พี่เฮง HENG’S GARAGE : แบ่งปันอะไหล่ให้น้องใช้…
– โม AUTOMAG WHEEL : งานปรับสภาพล้อที่ทำจากเหตุผลจริง…
– อาร์ม V8 RACING HOME : งาน CNC ที่กลั่นจากความคิด…
– จูเนียร์ & เต้ Moty’s Oil : สนับสนุนน้ำมันเครื่อง และสารหล่อลื่นดีๆ…
– เพื่อนๆ ชาว SKYLINE CLUB : ยุคแรกเริ่มใน Racing Web ที่ช่วยเหลือ ให้กำลังใจกันเสมอมา…
– XO AUTOSPORT & ZENTRADY OAT : ที่ให้เกียรติ และเล็งเห็นคุณค่าของคำว่า Man & Machine…
– คุณพ่อ คุณแม่ : กราบขอบพระคุณสองผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล…