เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.gpinews.com / ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
หลังจากที่ gpinews ได้ลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต ใหม่ แบบเรียกน้ำย่อยกันที่สนามทอสอบของมิตซูบิชิ ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งครั้งนั้นเป็นการขับเพื่อลองระบบความปลอดภัย ระบบช่วงล่าง และอัตราเร่ง แต่คราวนี้ถึงคิวของการขับทางไกลและลองขับไปบนเส้นทางที่มีโอกาสได้ใช้ระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อจริงๆ สักที โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งการทดลองขับครั้งนี้เป็นแบบ Group Test ที่ได้พบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน มีฝนตกเกือบตลอดเส้นทาง ถือว่าใช้โอกาสนี้ได้ลองขับแบบใช้งานจริง
เรื่องของการออกแบบภายนอกและภายใน ขอไม่พูดซ้ำอีก เพราะที่ผ่านมาได้นำเสนอไปพอสมควรแล้ว ครั้งนี้ขอเน้นไปที่การขับแบบใช้งานจริง ซึ่งเมื่อได้ลองแล้วยอมรับว่า ปาเจโร่ สปอร์ต ใหม่ ค่อนข้างคุ้มค่า คุ้มราคา โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว แต่ก็ตอบโจทย์การใช้งานในเมือง เป็นรถอเนกประสงค์ที่ควรเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยทีเดียว…แล้วเจ้าปาเจโร่ สปอร์ต ใหม่ มันมีดียังไง? ขอเรียบเรียงเป็นหัวข้อให้เข้าใจง่าย ดังนี้
ขอเริ่มต้นจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล (MIVEC CLEAN DIESEL) ขนาด 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน เทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์ เสื้อสูบและฝาสูบผลิตจากอลูมิเนียม อัลลอยด์ มีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 15.5:1 ให้พละกำลัง 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Spot Mode ใช้ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบไฟฟ้า พร้อมกับระบบ G-Sensor ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์มีความแม่นยำมาขึ้น ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างของเกียร์ลูกนี้คือ มีระบบที่สามารถควบคุมและตัดกำลังเพลาขับอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก (Idle Neutral Control) ซึ่งมันทำให้ลดภาระของเครื่องยนต์ อีกทั้งช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
เครื่องยนต์ตัวนี้ถือว่าให้การตอบสนองต่อการกดคันเร่งค่อนข้างทันใจ แม้ว่ารถจะมีน้ำหนักตัวถังกว่า 2 ตัน แต่ในช่วงออกตัวก็มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะออกตัวระดับหัวแถวได้ และจะรู้สึกถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ในช่วงเกียร์ 1 ไปยังเกียร์ 2 เท่านั้น ต่อจากนั้นอีก 6 เกียร์ จะให้ความรู้สึกลื่นไหลและต่อเนื่อง จนไม่รู้สึกถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์เลย การเร่งแซงทำได้อย่างใจมาก (พูดง่ายๆ ว่า เมื่อรอบเครื่องยนต์อยู่ระดับ 1,500 รอบแล้วคิกดาวน์ พละกำลังจะเพิ่มขึ้นมาทันที โดยไม่ต้องรอให้รอบสูง) ส่วนการเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle Shift ก็มีความนุ่มนวล ไม่กระตุก แถมยังสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องรอรอบที่เหมาะสม ทำให้จังหวะการปรับเกียร์เพื่อเร่งแซงมีความทันใจมากขึ้น ในส่วนของรอบเครื่องยนต์นั้น เมื่อขับที่ความเร็ว 100-110 กม./ชม. จะอยู่ที่ 1,800 รอบเท่านั้น และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ราว 13 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ กับ ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราเร่งทุกอย่างเหมือนกันหมด แต่จะมีข้อสังเกตว่า ในการใช้งานจริง อย่างในการขับท่องเที่ยว ขึ้นภู ขึ้นดอย ที่มีทางลาดชัน แค่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็สามารถใช้งานได้อย่างสบายๆ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใดๆ เลย เพราะระบบความปลอดภัยต่างๆ ทางมิตซูบิชิได้ใส่มาให้แบบครบครันอยู่แล้ว (แต่ถ้าอยากอุ่นใจ เผื่อไว้ลุยน้ำท่วมหรือบุกทางออฟโรดหน่อยๆ จะเลือกรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ตามสะดวก เพราะด้วยราคาจำหน่ายเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้แล้ว คุ้มค่ามาก)
ปัญหาอย่างหนึ่งของรถในสไตล์นี้ก็คือ ให้ความนุ่มนวล แต่พอเข้าโค้งกลับโยนตัวจนคนที่นั่งด้วยเวียนหัว…ปาเจโร่ สปอร์ต ใหม่ แก้ปัญหาในจุดนี้ด้วยการปรับค่าของสปริงให้มีความหนืด และเปลี่ยนโช้คอัพให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เวลาที่ขับรถเข้าโค้ง ตัวถังรถจะไม่มีอาการโยนตัวและมีการทรงตัวที่ดีขึ้น ด้วยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทรีลิงค์ ทอร์คอาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง เช่นเดียวกัน และเสริมความมั่นใจในการหยุดรถด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ พร้อมคาร์ลิปเปอร์เบรกแบบ 2 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังก็เป็นดิสก์เบรกแบบ Drum-in Discs ซึ่งเจ้าอื่นยังคงเป็นดรัมเบรกอยู่
เมื่อได้ลองขับทางไกล..สิ่งแรกที่นึกถึงคือ เบาะนั่งด้านคนขับต้องนั่งสบาย ซึ่งผลที่ออกมามันทำได้มากกว่าที่คิดเอาไว้ ที่เบาะนั่งแถวหน้าให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งอยู่บนโซฟา เบาะมีความนุ่ม พนักพิงหลังโอบรับสรีระได้อย่างเหมาะสม กอรปกับปีกเบาะที่กระชับข้างลำตัว ทำให้รู้สึกนั่งสบายและไม่เกิดอาการเมื่อยล้า หรือปวดหลังเมื่อขับทางไกล ส่วนเบาะนั่งแถวสองแม้จะนั่งไม่สบายเท่าเบาะหน้า แต่สามารถปรับเอนหลังได้มากจนแทบจะนอนได้ ซึ่งมีข้อติอยู่เหมือนกันคือ เบาะเรียบเกินไป และด้วยการเป็นเบาะหนัง ทำให้เวลาที่นั่งไปตามโค้งของเส้นทาง มีอาการก้นไหลจนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยกันเอาไว้หรือไม่ก็ต้องดึงที่พักแขนตรง กลางออกมาช่วยซะอย่างนั้น
ส่วนเบาะนั่งแถวที่สาม ที่กังวลว่ามันจะใช้งานได้สะดวกไหม..ตอบเลยว่าด้วยคนรูปร่างสูงใหญ่สามารถพา ตัวลงไปนั่งได้ แต่หัวเข่าจะยันเบาะหน้าอยู่สักหน่อย จะอึดอัดพอสมควรถ้านั่งสองคน แต่ถ้าเป็นคนตัวไม่ใหญ่มาก ความสูงมาตรฐาน 160 ซม. นั่งได้สบาย และด้วยแนวหลังคาที่ไม่ได้ออกแบบให้ลาดต่ำลง ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารดูโปร่ง และกว้างขวาง โดยรวมไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด ที่สำคัญคือ ภายในห้องโดยสารเก็บเสียงได้ค่อนข้างดีมาก จะได้ยินเสียงลมเข้ามาหลังจากความเร็วทะลุ 140 กม./ชม.ไปแล้ว แต่ถ้าเอารถไปลุยทางดิน จะมีเสียงดินกระเด็นโดนบังโคลนซุ้มล้อให้ได้ยินแบบชัดเจนมาก
สืบทราบมาว่า เจ้าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ติดตั้งอยู่ใน ปาเจโร่ สปอร์ต ใหม่ รุ่นนี้…เป็นระบบเดียวกันกับที่ติดตั้งอยู่ในปาเจโร่ 3.5 ลิตร ตัวใหญ่ที่ขายในต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแตะ 4 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของปาเจโร่ สปอร์ต เป็นแบบ Part Time (คือไม่ได้เป็นขับ 4 ตลอดเวลาหรือAll Wheel Drive : AWD) ผู้ขับสามารถเลือกรูปแบบการขับเคลื่อนได้เอง ด้วยการหมุนสวิตซ์ที่อยู่ใต้คันเกียร์ ซึ่งเหมือนกับการปรับตามรถรุ่นทั่วๆ ไป แต่ระบบนี้มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร และดูเหมือนจะละเอียดลออกว่ากันเยอะ
Blind Spot Warning ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา
ระบบความปลอดภัยรอบคัน ญี่ปุ่นจัดให้ เทียบชั้นรถยุโรประดับหรู
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นมาในรถระดับราคา ไม่ถึง 1.5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อได้ลองขับทางไกลครั้งแรกก็รู้สึกว่ามีความมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น เพราะรถคันนี้ (รุ่นท๊อป) จัดเต็มอย่างคุ้มค่า เริ่มจาก Forward Collision Mitigation System ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ที่ ระบบนี้จะทำงานด้วยการส่งสัญญาณจากเรดาห์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังกระจังหน้า ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะเตือนด้วยสัญญาณไฟกะพริบที่จอบนมาตรวัดความเร็วและเสียงเตือน รวมทั้งช่วยชะลอความเร็วให้
Ultrasonic Misacceleration Mitigation System ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ให้ นึกถึงเวลาที่เข้าเกียร์ผิด เช่น ต้องการเข้าเกียร์ R แต่กลับไปเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งทันที แทนที่จะถอยหลังกลับเดินหน้าซึ่งจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ระบบจะทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร และหากพบว่ามีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (ที่ไม่ใช่การค่อยๆ กดคันเร่งให้รถเคลื่อนที่) ระบบจะตัดกำลังของเครื่องยนต์ทันที 5 วินาที (การตัดกำลังนี้ไม่ใช่การดับเครื่องยนต์) และจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม.
Blind Spot Warning ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ระบบ นี้จะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับรู้ว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากกระจกมองข้าง และเมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงเตือนพร้อมส่งสัญญาณไฟกะพริบที่กระจกมองข้าง โดยระบบจะทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 20-140 กม./ชม.
Multi Around Monitor ระบบกล้องมองภาพรอบคัน ระบบนี้จะ ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถเพื่อประมวลผลและแสดงภาพเสมือนแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์เพื่อให้ผู้ขับมองเห็นภาพได้รอบตัวรถจากมุมสูง เพื่อความสะดวกสบายในการจอดรถมากยิ่งขึ้น ซึ่งระบบนี้มักจะติดตั้งในรถอเนกประสงค์ระดับหรูเท่านั้น
ระบบเรดาห์ถูกซ่อนเอาไว้หลังโลโก้นี้
ลองจริง ใช้จริง ลุยจริง…คำตอบคือ ใช้งานได้จริง