เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวในอดีต “Post To The Past” ที่ตัวกระผม “พี สี่ภาค” ตั้งใจพาท่าน “ย้อนอดีตอันรุ่งเรือง” ของวงการรถโมดิฟาย หรือ มอเตอร์สปอร์ต ที่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย ต้องขอบอกกล่าวว่า “ตัวผมเองเกิดไม่ทัน” แต่ “มีความสนใจและอยากรู้” ว่าคนสมัยก่อนเขาทำอะไรกันวุ๊ย ผมจะรู้เองไม่ได้หรอกครับ ถ้า “ไม่มีข้อมูลจริงจากยุคนั้น” สิ่งที่มีค่ายิ่ง ก็คือ “หนังสือ” หรือ “เอกสาร” ที่ออกมาในยุคนั้นจริงๆ หรือไม่ก็ “บุคคลที่ทันในยุคนั้น” และเราสามารถหาเจอ ก็ต้องขอขอบคุณมากๆ สำหรับ “ผู้เอื้อเฟื้อข้อมูลในอดีต” นำมาให้คนรุ่นหลังได้อ่านเป็น “ความรู้คู่บันเทิง” ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของผมครับ…
งวดนี้ เอาใจเหล่า Bimmer Head ด้วยการพาย้อนอดีตไปในปี พ.ศ. 2527 หรือ ค.ศ. 1984 ซึ่งเป็นการเปิดผ้าคลุม BMW E30 ขวัญใจวัยกรี๊ดในยุค “หน้าพาเลซ” ของแท้ เรียกว่าถ้าใครขับไปเที่ยวแล้ว “แห้ว” แสดงว่าต้องพิจารณาตัวเองด่วน เพียงแค่ล้อหล่อๆ อย่าง BBS RS ชุดเดียว ก็ดู “เฟี้ยว” อย่าบอกใคร !!!
สำหรับ E30 ก็เป็น 3 Series รุ่นแรกที่จะมีตัวถังแบบ 4 ประตู และ Touring 5 ประตู เพิ่มขึ้นมา แต่คันที่นำมาทดสอบนี้ เป็นรุ่น 316 2 ประตู ที่ตอนนี้หลายคนถวิลหา ภายนอกสุด Modern แต่แฝงความ Classic ไว้ได้ด้วยกันอย่างน่าฉงน ซึ่งผิดจาก E21 ที่จะออกแนว Classic เป็นหลัก ยอมรับว่าสาย “นาซี” ออกแบบได้กลมกลืนกับสองยุคสมัยจริงๆ สิ่งที่เป็นจุดเด่นในยุคนั้น คือ “กันชน Big Bumper” ที่เราเรียกสั้นๆ ว่า “กันชนบิ๊ก” นั่นแหละ เป็นกันชนสเป็กอเมริกา ยื่นยาวเหมาะสำหรับคนเซ่อซ่าเสียนี่กระไร ใครไม่ชอบก็ “จ่ายตังค์” ให้ “ยนตรกิจ” เปลี่ยนเป็น “กันชนเล็ก” ก็ไม่ใช่ปัญหา ที่นี่เขายินดีจัดให้คนมีกะตังค์อยู่แร้วววว…
ภายในก็ออกแบบได้สะดวกสบาย และออกแนว “สปอร์ต” มีลูกเล่นแปลกๆ เยอะแยะ เบาะหน้าเป็นทรงกึ่ง Bucket Seat ที่รูปร่างมันน่าจะโอบกระชับว่าเบาะรถทั่วไปที่เน้นนั่งสบาย แบนๆ ซึ่งเบาะแบบทั่วไป นั่งสบายจริง นิ่มตูด แต่นั่งนานๆ แล้วรู้สึกไม่กระชับ แต่เบาะ BMW ออกแบบมาค่อนข้าง “แข็งตูด” หน่อย (เผื่อให้ “ฝรั่ง” นั่ง) แรกๆ ก็คงไม่พึงใจ แต่นั่งไปสักพักก็จะรู้สึกชอบ (อันนี้เล่าจากความรู้สึกส่วนตัวที่เคยนั่งรถรุ่นนี้มาบ้างนะครับ) เพราะมันรักษาสรีระได้ดี จุดเด่นอีกหลายๆ อย่าง เช่น “Service Interval Indicator” หรือ “ไฟเตือนเซอร์วิส” ที่เป็นสีสันต่างๆ ขึ้นตามระยะทางการเซอร์วิส คอยเตือนว่ามึงเอากูไปเช็คได้แล้วนะ อีกอย่างที่มีแต่คนไทยดูค่าไม่เป็น ได้แต่เห็นมันกระดิกเล่นไปมา ก็คือ “Consumption Gauge” ที่คอยบอกถึง “อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง” (ในรุ่น 316 ไม่มี มีเฉพาะ 318 i ขึ้นไป) แล้ว “ของจ๊าบวัยโจ๋” ก็จะต้องเป็น “ที่เก็บเทป Cassette” ตรงข้างเบรกมือ (เก็บได้เฉพาะตัวเทปนะครับ กล่องไม่ได้) เก็บได้ 6 ม้วน ครับ จะฟังก็กดให้มัน “เด้งดึ๋ง” ขึ้นมา จะเก็บก็กดเข้าไปให้ “กรึ๊บ” อีกทีเป็นอันจบ นับว่าเป็นของเท่ใน E30 ที่รถค่ายอื่นไม่มี…
ก่อนจะว่ากันเรื่องนั้น เรามาดูขุมพลัง เป็นบล็อก M10 ขนาด 1.8 ลิตร มีสเป็กดังนี้…
- ความจุ : 1,799
- กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 89 x 71 มม.
- อัตราส่วนกำลังอัด : 9.5 : 1
- กำลังสูงสุด : 90 แรงม้า @ 5,500 rpm
- แรงบิดสูงสุด : 14.5 กก.-ม. @ 4,000 rpm
- เกียร์ : แมนวล 4 สปีด อัตราทด 3.76/2.04/1.32/1.00
- มิติรถ (กว้าง x ยาว x สูง) : 1,613 x 4,355 x 1,380 มม.
- ความจุถังน้ำมัน : 58 ลิตร
- วงเลี้ยวแคบสุด : 10.5 ม.
สำหรับระบบการจ่ายเชื้อเพลิง จะเป็นหน้าที่ของ “คาร์บูเรเตอร์ไฟฟ้า” นี่ก็เป็นจุดเด่นอีกประการของ 316 ที่มีความเหนือชั้นกว่าคาร์บูฯ กลไกทั่วไป คือ “ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยไฟฟ้า” ตัดการจ่ายน้ำมันเกินความจำเป็น เช่น ขณะถอนคันเร่ง คาร์บูฯ ทั่วไปจะยังจ่ายน้ำมันอยู่ตาม “แรงดูด” ของเครื่องยนต์ แต่ไอ้นี่จะ “จำกัดการจ่ายเฉพาะเลี้ยงเครื่องไม่ให้ดับเท่านั้น” ยังควบคุมตาม Vacuum ของลิ้นเร่งได้ละเอียดขึ้น แน่นอนว่า “อัตราสิ้นเปลือง” ที่หลายคนคาดว่า เครื่องคาร์บูฯ จะไม่มีทางประหยัดอะไรนัก ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะจากการทดสอบโดยทีมงาน “นิตยสารกรังด์ปรีซ์” ที่เฝ้าทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะไม่เชื่อว่าตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ความเร็วเฉลี่ย 80-100 กม./ชม. ทำได้ถึง “11.7-12.0 กม./ลิตร” เชียวนะ !!! ทั้งๆ ที่รถมีเพียง 4 เกียร์ ไม่มีเกียร์ 5 มาช่วยลดรอบ ก็นับว่ายกเครดิตให้คาร์บูฯ ไฮเทคไปละกัน…
ตำนานรถเก่า เราคิดถึงเธอ… อินทรภูมิ์ แสงดี
+#Posttothepast #xoautosport #bmwe30 #bimmer #e30 #bmw
เวบไซต์สาระรถซิ่ง : xo-autosport.com
Cr. Photo :
THAILAND AUTOMOTIVE PHOTO HUB
By GPI Photo Bank : 02-522-1731-8
คลังภาพถ่ายวงการรถยนต์ของเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2512* ถึงปัจจุบัน
สนใจ/ต้องการใช้บริการภาพถ่าย กรุณาติดต่อ-สอบถาม