SOUPED SPL : Breaking Theory : MR2 Man craft Present by R SPEC 2

 

เรื่อง: อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่ (TakeSnap), ภูดิท แซ่ซื้อ (FotoGolfer)

 

ร่ำๆ หลายทีว่าจะนำเสนอรถที่คนส่วนใหญ่ “ไม่ค่อยเข้าใจ” อย่าง TOYOTA MR2 (SW20) ที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือ “เครื่องยนต์วางกลางลำ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง” หรือ Mid-Engine Rear Wheel Drive โดยเน้นความสปอร์ตในแบบฉบับ Super Car ย่อมๆ แต่ !!! มันไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ ต้องมี “ความเข้าใจ” กับรถรุ่นนี้อย่างถ่องแท้ ว่านิสัยดั้งเดิมของมันคืออะไร สิ่งที่เป็นปัญหา มันก็ต้องถูกดีไซน์และแก้ไขกันไป โดย R SPEC 2 ที่มีสองพี่น้อง “รุ่ง & รส” ช่วยกันปลุกปั้น MR2 ขึ้นมาให้สามารถทำเวลาควอเตอร์ไมล์ได้ในระดับแนวหน้า โดยมีสองนักแข่งเจ้าประจำ คือ “กอฟฟี่” คันสีแดง ลงแข่งในรายการ Souped Up Thailand Records 2015 ได้อันดับ 1 รุ่น SUPER 4 2WD และ “จ้ำม่ำ” ควบสองคัน คือ สีเขียว ส่วนคันสีเงิน ที่ทำไว้ลงรุ่น PRO 4 ซึ่งแต่ละคันก็มีวิธีการ Set up ต่างกันออกไป ไอ้ที่คิดว่ารุ่นใหญ่กว่า แรงม้าต้องจะมากกว่า หรือต่างๆ นานา ที่เราเคยเข้าใจ แต่ MR2 มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด บอกได้เลยว่า มีการ “แหกทฤษฎี” บางอย่างคนที่ไม่ได้สัมผัสอาจจะคาดไม่ถึง งานนี้มี Surprise หลายๆ อย่าง ว่าทำไม MR2 ที่ทำจากค่ายนี้ถึงประสบความสำเร็จ…

ใครๆ ก็คิดว่า MR2 ได้เปรียบ แต่ความเป็นจริง…

ผมขอพูดรวมๆ ในเรื่องราวของ MR2 ทั้ง 3 คันนี้ แบบ “ร่ายยาว” ไปเลยนะครับ จุดเริ่มต้น “เปิดซิง” จากการทำ MR2 ให้เพื่อนในทีม NaRaKa คันหนึ่ง เริ่มจากวางเครื่อง 3S-GTE Non Airflow ก็เริ่มเรียนรู้จากคันนั้นเลย จึงเป็นความชอบและผูกพันเกิดขึ้นมา จนได้มาลองเล่นดูเอง ก็พบว่ามันมี “ทั้งสองด้าน” จุดดีเด่น และจุดที่เสียเปรียบ จุดดีเด่นในการเอามาวิ่งควอเตอร์ไมล์ คือ “น้ำหนักเครื่องกลางลำ จะกดท้ายมากกว่า” แต่ถ้าคิดอีกด้าน คือ “หน้าเบามาก” เวลาวิ่งความเร็วสูง ซึ่ง MR2 เดิมๆ ก็จะเจออาการนี้กันอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเครื่องแรงๆ ก็ทำให้ “หน้าเหิน” จนน่าจะเกิดอันตรายได้ง่าย เกิดจาก Weight Transfer ที่น้ำหนักจะยิ่งไปข้างหลังมากขึ้น รวมถึง “กระแสลมยก” หรือ Lift Force จะยิ่งทำให้หน้าลอยไปกันใหญ่ มันเลยต้องมีทางแก้กันเยอะหน่อย เช่น การใส่ Aero Part ด้านหน้าเพิ่มขึ้น หรือการตั้งความสูงของช่วงล่างให้ “หน้าทิ่ม”  เพื่อให้เกิดความสมดุลในความเร็วสูง อะไรอีกมากมาย สำหรับรายละเอียดเฉพาะคัน ผมขอเล่าในบรรยายภาพก็แล้วกันนะครับ…

Comment : R SPEC 2

                สำหรับ MR2 ผมมองว่าแม้ใครจะบอกว่ามันทำให้วิ่งเลขตัวเดียวยาก แต่ผมกลับอยากจะเอาชนะมัน ของบางอย่าง MR2 ตรงรุ่นไม่มีขายถึงสเต็ปที่เราต้องการ งานนี้ก็ “คิด” สลับ ดัดแปลง เอาของสเป็กสูงจากรถรุ่นยอดนิยมอื่นๆ มาใช้ โดยเน้นเรื่องระบบส่งกำลังเป็นหลัก เพราะแรงม้าระดับ 700 PS ของเดิมทนไม่ไหว เราทำออกมาจนสามารถรอดได้ รวมถึงการเซตช่วงล่าง ที่ต้องคิดหลายด้าน ว่าเราจะออกตัวยังไงให้ดี แล้ววิ่งไปปลายๆ จะทำยังไงไม่ให้หน้าลอย มันมีอะไรมาให้คิดเรื่อยๆ ครับ แล้วผมก็ไม่อยากจะให้งบประมาณสูงเกินไปในการทำรถ เพื่อให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะลองเล่นกับ MR2 ท้ายสุด ผมกล้าพูดเลยว่า MR2 สำหรับผม มันคือ “รถสร้างคน” ครับ…

Comment : อินทรภูมิ์ แสงดี

ผมเองก็มีความคิดว่า MR2 เป็นรถที่แปลก มันต้องคิดหลายๆ ด้าน เพราะลักษณะการวางเครื่องมันไม่เหมือนชาวบ้าน อาการของรถก็ย่อมแตกต่างกันไป สำหรับรถ 3 คันนี้ เรื่องความแรง ผมกลับมองเป็นเรื่องรอง แต่ชอบสุดคือ  “พยายามสร้างงาน” ให้มันวิ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งระบบส่งกำลัง การเซตช่วงล่าง รวมถึงการเซตคนขับที่จะต้องชินกับอาการเหวอๆ เวลาทะยานความเร็วสูงกว่า 220 km/h ขึ้นไป และการโมดิฟายก็จะเน้นของที่ไม่แพงมาก แล้วมาดัดแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ สไตล์ “ไทยแท้” ก็ได้ผลงานที่ดีครับ ส่วนรูปถ่ายอย่าคิดว่าเรามีแค่นี้ เข้าไปดูใน Gallery ที่เว็บไซต์ xo-autosport.grandprix.co.th ได้เลยครับ…

Special Thanks to

R SPEC 2 : Tel. 08-1903-1440, www.facebook.com/RungsubRspectwo

————————————————————–

Max Power: 714.04 PS

Max Torque: 72.73 kg-m

                เปิดซิงแรงม้าคันสีเงิน ที่แรงม้ายังน้อยกว่าคันสีเขียวเสียอีก แต่ก็ยังมากกว่าคันสีแดง ก็คืออยู่กลางๆ นั่นเอง อย่างที่บอกว่าจุดลงตัวของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน แต่อาจจะคล้ายๆ กัน แรงเกินไปก็ “ยกล้อ” ไม่มีประโยชน์ สำหรับกราฟของคันนี้ Power Band จะอยู่ในช่วงที่ “ใช้งานจริง” ถือว่าค่อนข้างกว้างใช้ได้ คือช่วงความเร็วตั้งแต่ 180-240 km/h ในเกียร์ 4 เป็นช่วงที่กำลัง Shoot พอดี (น่าเสียดายที่ไม่ได้ Calibrate เป็นรอบเครื่องยนต์ จะได้รู้ว่ามันอยู่ในช่วงรอบไหนกันแน่) กราฟจะถีบตัวขึ้นในช่วงกลางเป็นมุมชัน ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ถ้าเป็น “รถแข่ง” ก็ไม่ได้ใช้งานอยู่แล้ว แรงม้าสูงสุดได้ถึง 714.04 PS ก็เป็นเรื่องปกติที่เครื่องระดับนี้จะทำได้ ส่วนแรงบิดก็น่ากลัวเหมือนกัน 72.73 kg-m (แต่ยังมีคันที่น่ากลัวกว่านี้ อยากรู้ต้องอ่านให้จบ) แต่ว่าตอนวิ่งจริงๆ อาจจะไม่ได้ใช้หมดนี่ อยู่ที่ “สิ่งแวดล้อม” ในขณะนั้น ถ้าแทร็กลื่น ก็ต้องลดกำลังลง มันหลายอย่างครับ ต้องเลือกให้เหมาะสม…

TECH SPEC

ภายนอก

กันชนหน้า : BORDER

ไฟหน้า : GARAGE SPL

สปอยเลอร์บนฝากระโปรงหน้า : GARAGE SPL

ฝากระโปรงหน้า : AUTO CREATION

ฝากระโปรงหลัง : AUTO CREATION

ชายกันชนหลัง : GReddy

ภายใน

เกจ์วัด : Defi

วัดรอบ : AUTO METER

เบาะ : HKS

เข็มขัดนิรภัย : TAKATA

พวงมาลัย : NARDI ORIDO STYLE

ปรับบูสต์ : GReddy Profec B Spec II

โรลบาร์ : SAFETY 21

หัวเกียร์ : Type R Style

เครื่องยนต์

รุ่น : 3S-GTE

วาล์ว : SUPERTECH

สปริงวาล์ว : TODA

เฟืองแคมชาฟท์ : TODA

แคมชาฟท์ : TODA 288 องศา

ลูกสูบ : ARIAS 87.0 มม.

ก้านสูบ : MANLEY

แบริ่งชาฟท์ : CALICO

เทอร์โบ : GReddy T78-33D

เวสต์เกต : HKS GT2

เฮดเดอร์ : PREECHA HEADER

อินเตอร์คูลเลอร์ : TRUST

ท่อร่วมไอดี : R SPEC 2 Custom Made

หัวฉีด : BOSCH 1,600 c.c.

รางหัวฉีด : SARD

เร็กกูเลเตอร์ : HOLLEY

หม้อน้ำ : R SPEC 2

สายหัวเทียน : MSD

คอยล์ : MSD

ตัวเพิ่มกำลังไฟ : JSK HYBRID CDI

กล่อง ECU : HKS F-CON V PRO 3.3 by ตู่ โคราช

ระบบส่งกำลัง

เกียร์ : 3S-GTE Custom Made by R SPEC 2

คลัตช์ : OS

ลิมิเต็ดสลิป : Custom Made by R SPEC 2

เพลาข้าง : Custom Made by R SPEC 2

ช่วงล่าง

โช้คอัพหน้า-หลัง : A’PEXi Setting by R SPEC 2

สปริงหน้า-หลัง : SWIFT

เหล็กกันโคลง : TRD

ชุด Links ช่วงล่าง : Custom Made by R SPEC 2

ล้อหน้า : RACING HART CP 035 ขนาด 7 x 16 นิ้ว

ล้อหลัง : SSR DORI DORI MESH ขนาด 8 x 15 นิ้ว

ยางหน้า : HANKOOK VENTUS R-S3 ขนาด 205/50R16

ยางหลัง : HOOSIER DRAG RADIAL ขนาด 275/50R15

————————————————————–

Max Power: 680.86 PS @ 7,800 rpm

Max Torque: 67.47 kg-m @ 6,600 rpm

                คันนี้กราฟแรงม้าก็จะมาแบบไม่พรวดพราดมาก เพราะต้องการให้เป็นรถที่ขับบนถนนได้สนุกด้วย จึงต้องคำนึงถึง Power Band ที่มาแบบไม่พรวดพราด ให้ควบคุมได้ง่ายด้วย ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ รถคุมง่าย มันก็ไปได้แบบไม่เครียด คนขับก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ค่อนข้างแน่นอน เพราะการแข่งมันมีสภาวะแวดล้อมต่างกันไปตลอด ต่อให้เป็นสนามเดียวกันก็ตาม เอ้า มาถึงกราฟกันบ้าง ผมเชื่อว่าหลายคนที่เป็นแฟนคันนี้ ก็อยากจะดูซิว่ามันกี่ม้ากันวะ ขอพูดรวมๆ เลยแล้วกัน ในช่วง 5,000 rpm กราฟก็จะค่อยๆ ทะยานขึ้น ช่วงแรงม้าที่ใช้จริงก็ควรจะอยู่ตั้งแต่ 500 PS ไปจนถึงจุด Peak 680.86 PS ที่ 7,800 rpm อาจจะดูตัวเลขไม่โหดมาก แต่มีการเซตช่วงล่างที่ดี คนขับมีประสบการณ์สูงขึ้น สามารถใช้แรงม้าได้เต็มที่ ส่วนแรงบิดก็มาในลักษณะเดียวกัน คู่ขนานไปกับแรงม้า ขึ้นจุด Peak ได้ค่าสูงสุด 661.61 Nm หรือ 67.47 kg-m ที่ 6,600 rpm ครับ นับว่าเป็นรถที่ “แรงกำลังดี” ไม่ค่อยมีปัญหา วิ่งได้สม่ำเสมอครับ…

TECH SPEC

ภายนอก

กันชนหน้า : GARAGE SPL

ไฟหน้า : GARAGE SPL

ฝากระโปรงหน้า : BORDER

ฝากระโปรงหลัง : AUTO CREATION

สเกิร์ตรอบคัน : BORDER

ภายใน

เกจ์วัด : Defi

เรือนไมล์ : CYBER STORK Style

เบาะ : RECARO

เข็มขัดนิรภัย : TAKATA

พวงมาลัย : NARDI

ปรับบูสต์ : GReddy Profec B Spec II

โรลบาร์ : SAFETY 21

หัวเกียร์ : TRD

เครื่องยนต์

รุ่น : 3S-GTE

วาล์ว : FERREA

สปริงวาล์ว : BC

เฟืองแคมชาฟท์ : HKS

แคมชาฟท์ : HKS 272 องศา

ลูกสูบ : CP 86.5 มม.

ก้านสูบ : EAGLE

แบริ่งชาฟท์ : CALICO

อ่างน้ำมันเครื่อง : ARC

เทอร์โบ : GReddy T78-33D

เวสต์เกต : HKS GT2

เฮดเดอร์ : PREECHA HEADER

อินเตอร์คูลเลอร์ : BLITZ

ท่อร่วมไอดี : R SPEC 2 Custom Made

หม้อพักไอเสีย : PREECHA HEADER Titanium

หัวฉีด : BOSCH 1,600 C.C.

รางหัวฉีด : SARD

เร็กกูเลเตอร์ : HKS

หม้อน้ำ : R SPEC 2

สายหัวเทียน : MSD

คอยล์ : MSD

กล่อง ECU : HKS F-CON V PRO 3.3 by V-TUNER

ระบบส่งกำลัง

เกียร์ : 3S-GTE by R SPEC 2 5 สปีด

คลัตช์ : OS

ลิมิเต็ดสลิป : R SPEC 2

เพลาข้าง : R SPEC 2

ช่วงล่าง

โช้คอัพหน้า-หลัง : A’PEXi Setting by R SPEC 2

สปริงหน้า-หลัง : SWIFT

ชุด Links ช่วงล่าง : ORT

ล้อหน้า : VOLK CE28 ขนาด 7.5 x 17 นิ้ว

ล้อหลัง : VOLK CE28 ขนาด 10 x 17 นิ้ว

ยางหน้า : TOYO PROXESS R1R ขนาด 215/45R17

ยางหลัง : TOYO PROXESS R1R ขนาด 275/40R17

————————————————————–

 

Max Power: 753.3 PS @ 7,928 rpm

Max Torque: 84.43 kg-m @ 6,026 rpm

                คันนี้แรงม้าเยอะที่สุดในกลุ่มแล้วครับ เพราะเน้นใส่ของดีๆ หลายอย่าง ประมาณว่า “อยากทำ” เอาไว้เป็นชื่อเสียงอู่ สำหรับคอนเซ็ปต์ก็ยังเน้นความเป็นรถวิ่งถนนได้ มีแอร์ แต่ต้องแรงด้วย อันนี้แหละที่ไม่ง่าย เพราะคำว่า “แรงมาก” กับ “ขับถนนได้” มันสวนทางกันอยู่แล้ว ก็เป็นการบ้านแล้วล่ะ ว่าจะทำอย่างไรให้ “ลงตัว” ไม่เหมือนรถแข่งเต็มตัว ทำแรงได้เลย เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียว ไม่ต้องคำนึงถึงความสบายอื่นๆ เอาละครับ กราฟของคันนี้ เริ่มถีบตั้งแต่ 5,000 rpm ขึ้นไป แล้วก็เริ่มนอนตั้งแต่ 6,000 rpm นอนไปถึง 8,000 rpm ซึ่งกราฟแรงม้า (สีแดง) ก็ยังไม่ตก แต่ก็ไม่ขึ้น อยู่จุด Peak ได้แรงม้า “753.3 PS” ที่เกือบ 8,000 rpm ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้รอบไปมากกว่านี้ได้อีกหน่อย ส่วนกราฟแรงบิด (สีเขียว) ขึ้นจุด Peak ในช่วง 6,000 rpm ได้ค่าสูงสุดถึง “84.43 kg-m” ไม่น้อยนะครับสำหรับเครื่อง 2 ลิตร สังเกตดูช่วง 5,000 rpm ไป 5,500 rpm ต่างกันเพียง 500 rpm แรงบิดถีบต่างกันถึง 20 kg-m พรวดพราดเลยทีเดียว นับว่าถ้ารถคันนี้สามารถ “จับม้า” ได้หมดจริงๆ อัตราเร่งน่ากลัวครับ…

TECH SPEC

ภายนอก

กันชนหน้า : TBO

ไฟหน้า : ART SPORT

ฝากระโปรงหน้า : AUTO CREATION

ฝากระโปรงหลัง : AUTO CREATION

กระจกมองข้าง : Craft Square

สเกิร์ตข้าง : GReddy

ชายกันชนหลัง : GReddy

ภายใน

เกจ์วัด : Defi

วัดรอบ : AUTO METER

เรือนไมล์ : TRD

เบาะ : BRIDE

เข็มขัดนิรภัย : SIMPSON

พวงมาลัย : NARDI

ปรับบูสต์ : GReddy Profec B Spec II

โรลบาร์ : SAFETY 21

หัวเกียร์ : HONDA Type R Titanium

เครื่องยนต์

รุ่น : 3S-GTE

สปริงวาล์ว : JUN

เฟืองแคมชาฟท์ : JUN

แคมชาฟท์ : JUN 272 องศา

ลูกสูบ : CP 86.5 มม.

ก้านสูบ : EAGLE

แบริ่งชาฟท์ : CALICO

เทอร์โบ : GReddy T78-33D

เวสต์เกต : HKS GT2

เฮดเดอร์ : PREECHA HEADER

อินเตอร์คูลเลอร์ : TRUST

ท่อร่วมไอดี : R SPEC 2 Custom Made

หม้อพักไอเสีย : Titanium

หัวฉีด : BOSCH 1,600 C.C.

รางหัวฉีด : SARD

เร็กกูเลเตอร์ : HKS

หม้อน้ำ : R SPEC 2

สายหัวเทียน : MSD

คอยล์ : MSD

กล่อง ECU : MoTeC M4 by POR MOTORSPORT

ระบบส่งกำลัง

เกียร์ : 3S-GTE Modified by R SPEC 2

คลัตช์ : OS

ลิมิเต็ดสลิป : TRD

เพลาข้าง : R SPEC 2

ช่วงล่าง

โช้คอัพหน้า-หลัง : TEIN Setting by R SPEC 2

ชุด Links ช่วงล่าง : R SPEC 2 Custom Made

เหล็กกันโคลง : TRD

ล้อหน้า : VOLK TE37 ขนาด 7.5 x 16 นิ้ว

ล้อหลัง : VOLK TE37 ขนาด 9.5 x 17 นิ้ว

ยางหน้า : YOKOHAMA AD08R ขนาด 215/45R16

ยางหลัง : TOYO R1R ขนาด 275/40R17

เบรกหน้า : PROJECT Mu

X-TRA ORDINARY

คราวนี้เรามาเม้าท์กันที่ “ตัวขี่” มั่งดีกว่า ซึ่งทั้งสองคน “กอฟฟี่” และ “จ้ำม่ำ” แห่งทีม NaRaKa Org. King นิสัยดีทั้งคู่ แต่ต่างคนก็จะมีลักษณะเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกันไป อย่าง กอฟฟี่ ก็จะเป็นนักขับที่ “อะไรก็ได้” ออกลูกใจถึง ว่ากันไปตามอาการของรถแต่ละคัน ที่จะมีความแตกต่างกัน ส่วน จ้ำม่ำ จะเป็นสไตล์ “เน้นเป๊ะ” ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่วางไว้ ใจถึงเหมือนกัน แต่ขอเซตรถมาเป๊ะๆ หน่อยแล้วกัน ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็มีความแม่นยำในการขับขี่อยู่แล้ว รวมถึงมีวินัยในการซ้อม เลยมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง…